นับเป็นข่าวเศร้าอีกครั้งของวงการเพลง เมื่อมีรายงานการเสียชีวิตของนักร้องสาว “ซาราห์ ฮาร์ดิง” สมาชิกวงเกิร์ลกรุ๊ป Girls Aloud ที่จากไปด้วยวัยเพียงแค่ 39 ปี จากสาเหตุโรคมะเร็ง
โดยเป็นคุณแม่ของ ซาราห์ ฮาร์ดิง ที่ออกมาให้ข่าวเรื่องนี้ด้วยตัวเอง และบอกว่าเธอรู้สึกเหมือนหัวใจแตกสลาย กับการต้องมาประกาศข่าวการเสียชีวิตของลูกสาว ซึ่งหลายๆคนอาจจะพอทราบอยู่บ้างแล้วว่า ซาราห์ ฮาร์ดิง ต่อสู้กับโรคมะเร็งมาสักพักหนึ่งแล้ว คุณแม่บอกว่าลูกสาวต่อสู้อย่าง จนถึงวินาทีสุดท้ายของชีวิต
ซาราห์ ฮาร์ดิง เริ่มต้นมีชื่อเสียงจากรายการเรียลลิตี้ค้นหาศิลปิน Popstars: The Rivals เมื่อปี 2002 โดยเธอคือหนึ่งในหญิงสาว 5 ที่ได้รับเลือกให้ฟอร์มวงขึ้นมาจากรายการดังกล่าว
หลังจากรายการสิ้นสุดไปเพียง 3 สัปดาห์ เพลงของ Girls Aloud ที่ ขึ้นอันดับหนึ่งชาร์ตในอังกฤษได้เป็นครั้งแรก กับเพลงฮิต Sound of the Underground จนทำให้ Girls Aloud กลายเป็นหนึ่งในกลุ่มเกิร์ลกรุ๊ป ของสหราชอาณาจักรที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในรอบ 20 ปี ที่ผ่านมา
แต่นอกจากเรื่องผลงานแล้ว เรื่องราวเกี่ยวกับชีวิตส่วนตัวของ ซาราห์ ฮาร์ดิง ก็เป็นที่สนใจมาตลอดเช่นเดียวกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการหมั้นหมายและเลิกรากับ ดีเจ ทอม เครน ที่ทำให้เธอถึงกับ ต้องเข้าบำบัดอาการซึมเศร้าและการติดแอลกอฮอล์
ซาราห์ ฮาร์ดิง ยอมรับว่าตอนนั้นสภาพของตัวเองแย่มาก “แต่ฉันก็ดีใจนะที่เอาตัวรอดมาได้” เธอให้สัมภาษณ์เอาไว้
Girls Aloud มีผลงานระหว่างปี 2002 - 2009 ก่อนจะกลับมารวมตัวเมื่อปี 2012 แต่แค่ปีเดียวหลังจากนั้น สมาชิกในวงก็แยกวงกันอีกครั้ง ตัวของ ซาราห์ ฮาร์ดิง ยังมีโอกาสเข้าไปอาศัยในบ้านกับคนดังอีกหลายคนในรายการ Celebrity Big Brotherเมื่อปี 2017 และประสบความสำเร็จถึงขั้นกลายเป็นผู้ชนะของรายการกันเลยทีเดียว
แต่สุดท้ายเมื่อปี 2020 ที่ผ่านมา ซาราห์ ฮาร์ดิง ได้ตรวจพบมะเร็งเต้านม จนเมื่อเดือน มี.ค. ที่ผ่านมาหมอบอกว่ามะเร็งได้ลุกลามไปมาก จนเธอไม่น่าจะมีชีวิตรอดไปถึงเทศกาลคริสต์มาสที่จะถึงนี้ด้วยซ้ำ และสุดท้าย ซาราห์ ฮาร์ดิง ก็เสียชีวิตลงหลังจากนั้นไม่กี่เดือน คือในวันที่ 5 ก.ย. ที่ผ่านมา
“ลูกคงไม่อยากถูกจดจำ แค่เรื่องของการต่อสู้กับโรคที่เลวร้ายนั่นเท่านั้น เธอเคยเป็นดวงดาวที่สว่างไสวฉันก็ได้แต่หวังว่าลูกจะได้รับการจดจำในด้านนั้นมากกว่า” คุณแม่ของศิลปินสาวกล่าว
