xs
xsm
sm
md
lg

“ณวัฒน์” เปิดบ้าน เล่าอาการโควิด เผยปอดพังยับ เกือบไม่รอด

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



หลังจากที่ “ณวัฒน์ อิสรไกรศีล” ประกาศลาออกจากการทำหน้าที่พิธีกร 3 รายการดัง ทูเดย์ โชว์, เพชรรามา และครัวคุณต๋อย แต่ล่าสุดวันนี้ (5 ก.ย.) เจ้าตัวกลับมาปรากฎตัวอีกครั้ง ในฐานะแขกรับเชิญของรายการทูเดย์ โชว์ ช่วงเยี่ยมๆ มองๆ กับสองพิธีกรที่คุ้นหน้าคุ้นตากันอย่างดี “โก๊ะตี๋ อาราบอย” และ “เอ๊าะ กีรติ เทพธัญญ์”

โดยทั้งสองคนได้บุกไปหา “ณวัฒน์” กันถึงที่บ้าน เพื่อพูดคุยอัปเดตอาการ หลังจากหายป่วยจากการติดเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์เดลต้า พร้อมเผยว่า จะมาเยี่ยมๆ มองๆ คุณณวัฒน์ตามคำเรียกร้องของทุกคน ในเมื่อเรื่องของเรื่อง เขาไม่อยากไปหาเรา เราก็ต้องมาเขา

เมื่อเปิดรายการมาเจอหน้ากัน ณวัฒน์ก็ได้บอกกับสองหนุ่มว่า “มาอยู่ขนาดนี้ ยังตามมาอีก คิดถึงท่านผู้ชมทางบ้านทุกท่าน คิดถึง ทูเดย์ โชว์ คิดถึงคุณไตรภพด้วย นี่ถ้าไม่ใช่ 2 คนนี้ไม่ให้เข้าเด็ดขาดเลยนะ ไม่ได้ออกจากบ้านเลย มีไปโรงพยาบาลแค่ 2-3 ครั้งแค่นั้นเอง”

ก่อนจะเข้าไปนั่งพูดคุยกันต่อในบ้าน โดย “โก๊ะตี๋” ก็ได้เริ่มทำหน้าที่พิธีกรทันที ด้วยการถามว่า บ้านเหมือนเดิม แล้วคนยังเหมือนไหม? ซึ่งงานนี้เจ้าตัว ก็ได้เล่าอาการทั้งหมดผ่านมา และอัปเดตอาการล่าสุดให้ได้ฟังอย่างหมดเปลือก พร้อมเคลียร์เรื่องราวที่ว่า โกรธโก๊ะตี๋ ที่ทำให้ติดโควิดจริงไหม? 

“คนเหมือนเดิม แต่ตอนนี้เวลาคุยเนี่ย เดี๋ยวมันจะมีเสียงเหมือนลมอยู่ในคอ ตอนนี้ออกซิเจนอยู่ประมาณ 93-94 แต่มันก็ยังไม่พ้น 95 บนห้องก็จะซื้อเครื่องออกซิเจนมา เช้าๆ ก็จะนั่งดื่มกาแฟ แล้วก็ใส่ไว้

สาเหตุที่ต้องเติมออกซิเจน ก็เพราะตอนป่วยมันลงปอดเร็วมากและลงทั้งปอด เป็นการลงปอดที่เขาบอกว่ามันแปลกมาก เชื้ออินเดียตัวใหม่ มันลงแล้วมันกินหัวปอดลงไป ซึ่งโดยปกติจะกินข้างล่างขึ้นมา จึงทำให้คนไข้จะต้องนอนคว่ำ เพื่อจะทำให้หายใจได้ดีขึ้น ปรากฎว่าเรานอนคว่ำ แล้วเราจะขาดใจ เขาก็เลยสงสัย เพราะผลเอ็กซเรย์มันไม่ได้บอกอะไร เลยต้องไปซีทีสแกนด่วน ว่ามันเกิดอะไรขึ้นในปอด

เขาบอกว่าเห็นปอดพังเกือบหมดเลย และข้างบนพัง เพราะฉะนั้นเคสเรา ก็คือต้องนอนหงาย ปอดมันทำงานน้อยมาก น้อยจริงๆ ก็เลยกลายเป็นกว่าทุกวันนี้มันเหลืออีกประมาณ 20 เปอร์เซ็นต์ แต่สุขภาพรวมๆ ตอนนี้ คือไม่มีปัญหาอะไรเลย ยกเว้นการหายใจ มันจะไม่ถึง การหายใจมันช็อตมันสั้นลง ตรวจออกซิเจนตอนนี้ก็ได้แค่ 93 เต็มแม็กซ์ก็ 94

อาการเราตอนแรกค่อนข้างจะหนักอยู่แล้ว ไปถึงรพ.โดนเจาะเต็มไปหมดเลย เพราะมันหนาวสั่นมาก มันจะเร็วมากภายใน 48 ชั่วโมง เขาให้ยาฟาวิพิราเวียร์ทันที แต่ปรากฎว่าให้ได้ 2 วัน มันเอาไม่อยู่ เขาเลยต้องเอายาตัวอื่นมา เป็นยาที่มาจากต่างประเทศ มาฆ่าเชื้อด่วน อันนี้จะแพงมาก และใช้ต่อเนื่องกัน 6 เข็ม เข็มละวัน ซึ่งเข็มหนึ่งต้องใช้เวลา 2 ชั่วโมงเศษในการดรอป ห้ามขยับเขยื้อน ก็นอนค้างอยู่บนเตียง 

ในขณะที่ออกซิเจนก็ต้องเป็นไฮโฟรตลอด มันก็ยังไม่ดีขึ้น ภูมิคุ้มกันไม่เจอเลย มันก็เลยเหลือด่านสุดท้ายที่ต้องช่วย คือต้องหาพลาสมา คือเชื้อที่มีชีวิต ของคนที่เป็นโควิดสายพันธุ์อินเดียตัวใหม่ ก็ได้มาจากสภากาชาดไทย ก็ต้องขอบคุณมากนะครับที่มีคนบริจาค ซึ่งในอนาคตเราก็ต้องไปบริจาคเช่นเดียวกัน

ได้มาก็มาละลายให้อุณหภูมิมันร้อนขึ้น แล้วก็เอามาจิ้มใส่ของเรา ถ้า 20 นาทีแรกไม่แพ้ก็คือไม่แพ้ แต่ถ้าก็คือต้องทิ้งเลย ถ้ามันเข้ากันไม่ได้ ปรากฎว่าเราไม่แพ้ ก็ให้พลาสมาไป 4 ชั่วโมง เป็นเคสที่หมอบอกว่าต้องให้ทุกอย่างเลย พอพลาสมาเข้ามา อีกวันหนึ่งมาเช็ก ภูมิเริ่มขยับนิดๆ อาการมันก็จะมึนงง

ตอนนั้นเรียกว่าความตายสูงกว่าการมีชีวิตรอด ใบรับรองแพทย์ตามมา หลังจากที่เราออกจากโรงพยาบาล ก็ไม่คิดว่าแพทย์จะเขียนมาขนาดนี้ ‘เชื้อลงปอดทั้งหมด นำไปสู่ภาวะการหายใจล้มเหลว’ คือมันมีวิกฤต ที่มีข่าวลือว่าตายแน่ คือเรามีความรู้สึก แต่ไม่สนใจอะไรแล้ว มันทรมานมาก อยากจะนับเวลาให้มันเร็วๆ ว่ามันจะเป็นยังไง ดีอยู่ 3 วันแรก ก่อนจะหายไป 4-5 วัน คือหมอให้ทิ้งทุกอย่าง ให้ย้ายชั้น ย้ายไปห้องกรณีฉุกเฉิน เราไม่มีแรง เขาก็ไปโกยมา จากนั้นโก๊ะตี๋ได้เสริมต่อว่า ‘เชื่อไหม หลังจากพี่ณวัฒน์หายไป ไม่ตอบไลน์ ใจแม่-โคตรหวิวเลย’

คือครั้งหนึ่งในชีวิต ต้องมานั่งทำธุระส่วนตัว ทำทุกอย่างบนเตียง มันยากมาก เพราะหมอไม่อนุญาตให้ก้าวออกจากเตียง พยายามอยู่หลายวัน จนผ่านไป 1 สัปดาห์ ก็บอกให้หมอไปติดถังออกซิเจนแบบเคลื่อนที่ เพื่อประคองตัวเองไปจนถึงชักโครกให้ได้ ต้องดูออกซิเจนตลอด ว่าขึ้นหรือยัง แล้วถึงจะทำธุระได้ เพราะไม่สามารถออกแรงเบ่งฉี่หรืออุจจาระ ให้ขณะที่ออกซิเจนมันต่ำมากๆ ได้ ที่ผ่านมาเคยต่ำสุดถึง 70 ต้นๆ เลย

ตอนนี้ก็เป็นปกติ เหลือแค่ระบบหายใจนิดหน่อย ต้องฝึกปอดไปเรื่อยๆ แต่หมอก็บอกว่าสามารถหายกลับมาได้ แนะนำว่าต้องให้ออกซิเจน มีเวลาก็วอร์มปอด แล้วก็ออกกำลังกายได้เบาๆ หลีกเลี่ยงกลิ่นบุหรี่ หรือมลภาวะต่างๆ เพราะพวกนี้มันเป็นตัวกระตุ้นทำให้ปอดฟื้นฟูช้า ที่ทำสำคัญต้องใส่มาสก์ แต่จริงๆ คำแนะนำของแพทย์คือผมต้องไม่ใส่มาสก์ เพื่อออกซิเจน แต่ก็คิดว่าน่าจะกลับมาแข็งแรง เหมือนตอนก่อนติดโควิดได้ ก็ยังทำงานอยู่ ไม่เจอกันหน้าจอ ไม่ได้หมายความว่าไม่ทำงานนะ

ส่วนเรื่องข่าวที่ว่าโกรธโก๊ะตี๋ คือไม่ใช่เลย ไม่ได้สร้างภาพนะ เรา 4 คนไม่มีทางที่จะโกรธกัน เพียงแค่ว่าไม่อยากจะรั้งกันในช่วงนี้ เราต้องพักประมาณ 3 เดือน อย่าไปเจอคนเยอะๆ เราก็พูดกันตรงๆ ต้องพยายามหลีกเลี่ยงบุหรี่และมลภาวะ บางทีเราไปกองมันก็จะมีอยู่ เลยเป็นการตัดสินใจชั่วครู่ เพื่อจะเอาตัวเองให้สุขภาพดีก่อน ในอนาคตเราอาจจะได้มาทำงานด้วยกันอีก”

งานนี้สองพิธีกร “โก๊ะตี๋” และ “เอ๊าะ” คอนเฟิร์ม พี่จำไว้นะ ที่ตรงนี้เป็นของพี่เหมือนเดิม ก่อนเจ้าตัวก็รีบทิ้งท้ายว่า “เราอาจจะเจอกันในเวอร์ชั่นใหม่ เวอร์ชั่นที่คุณคาดไม่ถึง”













กำลังโหลดความคิดเห็น