xs
xsm
sm
md
lg

“แชมป์” เครียด พ่อถูกรถชนจนป่วยติดเตียง พิการตลอดชีวิต แต่ถูกแจ้งข้อกล่าวหา ต้องขึ้นศาล ขอปาฏิหาริย์ให้พ่อกลับมาเดินได้

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“แชมป์ ชนาธิป” เผยอาการคุณพ่อ หลังประสบเหตุถูกรถชนท้าย ผ่าตัดสมอง-สะโพกเคลื่อน จนเดินไม่ได้ นอนติดเตียง เรียกว่าพิการตลอดชีวิต หวังให้มีปาฏิหาริย์ให้พ่อกลับมาเดินได้อีกครั้ง รับกังวลหลังถูกตำรวจแจ้งข้อหาคุณพ่อ แต่มีความหวังเชื่อว่าความยุติธรรมต้องให้ความเสมอภาคกับทุกคน

หลังจากที่เจ้าตัวออกมาตัดสินใจโพสต์ถึงเรื่องราวที่เกิดกับคุณพ่อวัย 72 ปี เกี่ยวกับอุบัติเหตุทางรถยนต์อย่างหนัก สะโพกด้านซ้ายหลุดออกจากเบ้า สะโพกด้านขวาหัก ขาขวาหัก สมองกระทบกระเทือนและมีเลือดซึมออกมาเล็กน้อย และเข้ารับการรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล จนเป็นผู้ป่วยติดเตียงในช่วงแรกๆ จนทุกวันนี้พิการเดินไม่ได้ จนอาการล่าสุด MGR Online ได้ติดต่อไปหา “แชมป์ ชนาธิป โพธิ์ทองคำ” โดยเจ้าตัวเปิดเผยถึงอาการล่าสุดของคุณพ่อ ว่าแม้จะกลับมาสื่อสารได้ 100% แต่ก็ให้ระวังเกี่ยวกับเลือดที่จะออกในสมอง ซึ่งต้องอยู่ในการดูแลของคุณหมอ พร้อมยังหวังให้มีปาฏิหาริย์เกิดขึ้นอีกครั้งให้คุณพ่อกลับมาเดินได้ ในส่วนเรื่องของคดีที่ถูกเจ้าหน้าที่แจ้งว่าคุณพ่อกระทำผิดด้วย เจ้าตัวเผยกังวล แต่ก็ยังเชื่อว่าความยุติธรรมเสมอภาคต่อทุกคน

“ที่ตัดสินโพสต์ เพราะตอนที่เกิดเรื่องคุณพ่อมีอาการกระทบกระเทือนทางสมอง ทำให้ผ่าตัดสมอง และต้องพักฟื้น และกว่าคุณพ่อจะกลับมามีสติ 100% และกว่าจะให้การกับตำรวจได้ก็กลางปีนี้ เพราะฉะนั้นคดีมันจึงเกิดขึ้นมาไม่นาน ที่บ้านลงความเห็นว่ารอให้คุณพ่อกลับมาปกติก่อน แล้วเรื่องคดีค่อยว่ากัน

คือย้อนกลับไปวันที่เกิดเหตุวันที่ 12 พ.ย. 63 เกิดที่ จ.ระนอง เป็นเหตุการณ์รถยนต์ 2 คันชนกัน เหตุการณ์เป็นถนน 2 เลนที่มุ่งไปทางเดียวและมีเลนที่ 3 เบี่ยงออกไปเพื่อใช้ในการกลับรถ คุณพ่อขับมาจากเลนซ้าย เปิดไฟเลี้ยว และเปลี่ยนเลนไปทางเลนขวา และพอเข้าไปอยู่เลนขวาเต็มคัน รถคู่กรณีก็มาชนท้ายแบบจังๆ ซึ่งยังไม่ได้เปลี่ยนเลนไปเลนที่จะกลับรถ ซึ่งคุณพ่อก็ได้รับบาดเจ็บ มีเลือดออกในสมอง ผ่าตัดสมอง เบ้าสะโพก และก็มีขา และอาการล่าสุดสมองก็กลับมาปกติแต่ก็ต้องติดตามอาการอยู่เรื่อยๆ ว่าในระยะยาวเลือดจะออกไหม และสิ่งที่ทำให้คุณพ่อต้องพิการคือขา เพราะต้องใช้อุปกรณ์ช่วยเดิน เส้นประสาทขาขวาได้รับความเสียหาย บังคับข้อเท้าไม่ได้ เพราะจากเมื่อก่อนคุณพ่อเป็นคนแข็งแรง ผมถอดแบบพ่อมาเลย พ่ออายุ 73 แต่ยกเวตทุกวัน ไม่มีพุง ปั่นจักรยานวันนึงได้หลายกิโล แต่พอเหตุการณ์เกิดขึ้นวันนั้น วันนี้เลยกลายเป็นอีกอย่างไปเลย

หลังจากรับการผ่าตัดสมอง ผ่าตัดสะโพก ผ่าตัดที่ขวา คือคุณพ่อก็ดีขึ้น ซึ่งก็สื่อสารกับเราได้แต่ไมได้สมบูรณ์ปกติเหมือนเดิม เบลอๆ ง่วงๆ ตลอด แต่หลังจากผ่าตัดเสร็จ คุณพ่อก็ต้องนอนติดเตียง เป็นเวลา 3-4 เดือน เวลาถ่ายอุจจาระก็ต้องพลิกตัวแล้วเอาผ้าอ้อมสอดเข้าไป ฉี่ไม่ได้ ต้องใส่ฉี่ แต่เขาก็พูดได้ ซึ่งคำแรกที่เขาพูดได้หลังผ่าตัด เราก็ทักทายปกติ บอกว่ามาแล้วพ่อ เขาก็ทักทายกลับปกติ”

กังวลจากคนอารมณ์ดี เจอเหตุการณ์นี้มีอารมณ์แปรปรวนมาก ขณะที่ขาไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว
“ซึ่งถามว่าท่านกังวลอะไรกับสิ่งที่เกิดขึ้นไหม ต้องบอกก่อนว่าพ่อผมเป็นคนที่นิ่งๆ เป็นคนเก็บอาการ แต่เราก็สัมผัสได้เพราะเราเป็นลูกมา 30 ปีเนอะ ซึ่งเขามีความกังวล ก่อนเกิดเรื่องเขาจะเป็นคนนิ่งๆ เป็นคนอารมณ์ดี ไม่ได้ใจร้อน แต่พอเกิดเหตุนี้ขึ้นมา เขาจะอารมณ์แปรปรวนมาก แต่ตอนนี้อารมณ์ค่อนข้างปกติมากขึ้น และที่หนักๆ เลยคือละเมอทั้งคืน กลางวันนอน กลางคืนไม่นอน เรียกผมกลางดึกว่าพาพ่อออกจากโรงพยาบาลหน่อย เราก็บอกว่าไม่ได้ เขาก็บอกว่าไม่รักพ่อเหรอ เป็นลูกพ่อนะ ทำเพื่อพ่อไม่ได้เหรอ เป็นอยู่เป็นเดือน และการที่พ่อสะดุ้งกลางดึกบ่อยๆ เป็นเพราะเลือดออกในสมอง เป็นผลข้างเคียงทำให้คุณพ่อง่วงๆ เบลอๆ ละเมอ ส่วนอาการตอนนี้สมองคุณพ่อก็กลับมาปกติ 100% มีแต่ขาที่ไม่เหมือนเดิมแล้ว ซึ่งอย่างที่บอกว่าท่านเป็นคนแข็งแรง เป็นคนทำสวน ออกกำลังกายทุกวัน กินอาหารมีประโยชน์ ใช้ชีวิตอย่างมีความสุข แต่ตอนนี้นอกจากขาที่ไม่ปกติ เขาอารมณ์แปรปรวน ไม่ค่อยนิ่ง แต่เขาก็พยายามระงับไว้”

หวังปาฏิหาริย์พ่อกลับมาเดินได้ ทั้งที่เป็นไปไม่ได้
“คือการให้กำลังใจสำหรับผม ผมพูดในแง่ความหวังมากกว่า ผมยังหวังว่าปาฏิหาริย์มีจริง พยายามให้คุณพ่อดูคลิปคนที่เขาประสบอุบัติเหตุและเขาก็กลับมาเดินได้ ทั้งๆ ที่มันเป็นไม่ได้ ฟังอะไรที่เป็นพลังบวก ให้คุณพ่อผมเขามีกำลังใจในการทำกายภาพทุกวัน อย่างสม่ำเสมอ ให้สักวันนึงมีปาฏิหาริย์เกิดขึ้นกับคุณพ่อ ถ้าท่านกลับมาเดินได้ มันเป็นอะไรที่ดีใจที่สุดในชีวิต เพราะกว่าจะผ่านตรงนั้นมาได้ ระหว่างที่เขาต้องผ่าตัด มันเครียดที่สุดในชีวิตนะ และรวมถึงการขึ้นศาลเป็นเรื่องใหญ่ที่ทำให้เครียดที่สุดในชีวิต กินไม่ได้ นอนไม่หลับ ทั้งๆ ที่คุณหมอให้ความมั่นใจว่าถึงมือหมอแล้วนะ แต่ด้วยพ่อเรา เราก็กังวล และพอเขาดีขึ้นในทุกๆ วัน เราก็ถามว่าถ้าหายดีแล้วจะทำอะไรเป็นอันดับแรก เขาก็บอกว่าอยากขับรถ ซึ่งถ้าเป็นคนอื่นอาจจมองว่าเหตุการณ์นั้นเป็นฝันร้าย แต่พ่อผมเป็นคนปล่อยวาง เป็นคนที่ไม่จมอยู่กับที่ ซึ่งทำให้ผมซึมซับมา เป็นคนที่มองไปข้างหน้า เกิดเหตุการณ์ขึ้นและมองไปข้างหน้า ว่าจะแก้ไขยังไงดี”

เครียดไม่เคยขึ้นศาลมาก่อน
“ในส่วนของเรื่องคดี ต้องบอกก่อนว่าบ้านเราไม่เคยขึ้นศาลมาก่อน พอวันนึงที่ต้องมาขึ้นศาล เราไม่รู้ว่าเราจะยังไง มันแบ่งเป็นสองอย่างคือความกังวลกับความเชื่อ ความกังวลคือเราไม่เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้มาก่อน เราไม่รู้ว่าข้างหน้าเกิดอะไรขึ้น เราไม่รู้ว่าท่านจะตัดสินมายังไง เราไม่รู้ว่าคู่กรณีจะมายังไง กระบวนการขั้นตอนจะยังไง ยิ่งศึกษาก็ยิ่งกังวล แต่ก็มีความเชื่อผุดขึ้นมาให้เราลดความกังวลไปว่ากระบวนการยุติธรรมในไทย เขาต้องให้ความยุติธรรมกับทุกคนแบบเสมอภาค กับคนธรรมดาแบบเรา หรือคนมีตำแหน่งใหญ่โต หรือคนจนจะได้รับความเสมอภาคเหมือนกัน ก็เลยทำให้เรารู้สึกดีขึ้น ซึ่งวันนี้ (25 ส.ค.) เราจะเข้าพบอัยการ และหลังจากที่พ่อให้ปากคำเสร็จแล้ว เขาก็แจ้งข้อกล่าวหาคุณพ่อ ซึ่งผมจำไม่ได้ทั้งหมดนะ แต่คร่าวๆ คือทำให้ทรัพย์สินผู้อื่นเสียหาย ซึ่งทั้งหมดพี่สาวเป็นคนดูแลคดี และคู่กรณีก็อีกข้อหานึงคือทำให้คุณพ่อได้รับบาดเจ็บ แต่ก็ไม่เป๊ะคำพูดว่าข้อหาอะไรชัดๆ นะครับ”

งงพ่อถูกแจ้งข้อกล่าวหา ทั้งที่ไม่ได้เปลี่ยนเลนกะทันทัน
“แต่การที่เขาแจ้งข้อหาคุณพ่อ ก็ทำให้ผมเป็นกังวลเหมือนกัน เพราะอีกอย่างมันก็กังวลว่าพ่อผมเข้ามาเต็มเลนแล้ว และโดนชน แต่ทำไมยังโดนแจ้งข้อกล่าวหา ผมก็ยังงง แต่ในใจผมก็เชื่อว่าถ้าท่านอัยการ ท่านคิดเหมือนเรานะ เข้ามาเต็มเลนแล้ว ทำไมยังแจ้งข้อกล่าวหา ท่านคงจะยกฟ้อง ซึ่งผมหวังให้เป็นเช่นนั้น ซึ่งก็ต้องรอฟังความเห็นจากท่านอีกที (ยืนยันว่าพ่อเราไม่เปลี่ยนเลนกะทันหัน?) ผมก็คุ้นเคยกับทางแถวนั้นเพราะมันเป็นทางแถวบ้านผม คือในคลิปวีดีโอคือพ่อค่อยๆ ขยับเปลี่ยนไปทีละเลน ไม่ได้หักไปจากเลนซ้ายสุดไปเลนขวาสุดเลย คือค่อยๆ ไป”












กำลังโหลดความคิดเห็น