xs
xsm
sm
md
lg

“เจษ” กับชีวิตลูกเจ้าของตลาด ไม่เคยถูกสปอย ไม่ใช่ลูกคุณหนูอย่างที่ใครคิด

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“เจษ” เผยเข้าใจในมุมของคนที่คิดว่าเป็นลูกเจ้าของตลาดต้องสุขสบาย เป็นลูกคุณหนู แต่ความจริงไม่ใช่เลย ตนไม่เคยถูกสปอย อยากได้อะไรต้องเก็บเงินซื้อเอง บอกอนาคตคงต้องช่วยพ่อแม่สานต่อธุรกิจตลาดให้ไปถึงรุ่นลูก รุ่นหลาน แต่คงไม่ทำอะไรอย่างอื่นของตัวเอง โชคดีที่ครอบครัวไม่เคยบังคับว่าต้องกลับมาทำเมื่อไหร่ บอกช่วงโควิดแบบนี้เห็นใจพ่อค้าแม่ค้า เพราะอยู่ด้วยกันมาจนจะเป็นคนในครอบครัวไปแล้ว

เชื่อว่าหลายๆ คนอาจจะเพิ่งมารู้ช่วงหลังๆ นี่เองว่าพระเอกหนุ่ม “เจษ เจษฎ์พิพัฒ ติละพรพัฒน์” เป็นทายาทเจ้าของตลาดใหญ่อย่าง ตลาดพรพัฒน์ ย่านรังสิต จ.ปทุมธานี ซึ่งในความคิดของคนนั้นส่วนมากจะคิดว่าลูกเจ้าของตลาดใหญ่ขนาดนี้ต้องมีชีวิตที่หนูหรา ลูกคุณหนู มีชีวิตที่สุขสบายแน่ๆ ซึ่งสำหรับหนุ่มเจษเองบอกว่าชีวิตตนไม่ได้เป็นแบบนั้นเลย ไม่เคยถูกสปอยสักนิด

“ผมเข้าใจในมุมมองของคนที่มองว่าเราน่าจะสบายหรืออะไรต่างๆ แต่คือส่วนตัวผมไม่รู้ว่าสถานะการเงินที่บ้านมันจะร่ำรวยหรืออะไรขนาดไหนนะ เพราะตอนนี้ผมยังไม่ได้เข้าไปทำงานธุรกิจของที่บ้าน แต่พ่อแม่ผมไม่ได้เลี้ยงดูมาแบบนั้น พ่อแม่ผมไม่ได้สปอย ไม่ได้เลี้ยงดูผมด้วยเงิน เอาง่ายๆ คือเราไม่ได้ลำบาก เรามีกินทุกมื้อ เรามีน้ำ มีไฟใช้ มีบ้านอยู่ แต่ไม่ใช่ว่าอยากจะได้อะไรก็ได้ครับ แทบจะไม่มีอะไรเลยที่เราขอพ่อแม่ซื้อเป็นชื้นใหญ่ๆ เหมือนพอเราโตแล้วเราก็ไม่ควรที่จะขอ อยากจะจัดการด้วยตัวเอง ดูแลตัวเอง อยากได้อะไรก็ต้องเก็บเงิน ก็เป็นแบบนั้นมาตั้งแต่เด็กครับ

ก็ถือว่าเป็นข้อดีนะที่พ่อแม่เลี้ยงดูเรามาแบบนั้น มันก็ทำให้เราพึ่งตัวเองมากกว่าที่จะไปคิดว่าที่บ้านมีอยู่แล้วไม่ต้องทำอะไรก็ได้อะไรแบบนั้น ผมว่ามันน่าจะแย่กว่า และในความเป็นจริงแล้วเราก็ไม่ได้ร่ำรวยขนาดว่าเป็นเจ้าของโรงแรม เจ้าของห้างอะไรแบบนั้นที่จะมีชีวิตอีกแบบนึง ผมก็ใช้ชีวิตปกติครับ เดือนๆ นึงผมใช้เงินน้อยมากๆ ครับ กินข้าวก็กินธรรมดา ผมไม่เคยกินหรูเลย ของก็ไม่ได้ใช้แพง ไม่ได้มีอะไรใกล้เคียงกับสิ่งที่เราเคยได้ยินว่าคนคิดว่าเราจะเป็นอย่างนั้นเลย”

บอกต่อไปคงต้องกลับไปสานต่อธุรกิจที่บ้านให้อยู่ถึงรุ่นลูก รุ่นหลาน
“ถามว่าพ่อกับแม่เคยพาไปดูตลาดว่านี่คือธุรกิจของครอบครัวไหม คือพ่อกับแม่ถ้าเราไม่ถาม ไม่สนใจเขาก็จะไม่บอก มันเป็นเรื่องของความต้องการของเราเอง ความพร้อมของเราเองว่าเราพร้อมที่จะทำเมื่อไหร่เขาถึงจะเล่าให้ฟัง เราพร้อมที่จะถามเมื่อไหร่ เราพร้อมจะรู้เมื่อไหร่เขาถึงจะเล่าให้ฟัง เหมือนเขาก็เคารพในงานที่เราตัดสินใจจะทำ ก็คืองานในวงการ เป็นนักแสดงอะไรแบบนี้ครับ เขาก็ไม่ได้พยายามดึงเราออกจากสิ่งที่เรารักเลย ก็ถือว่าเป็นโชคดีของผมที่เขาไม่ได้บังคับว่าเดี๋ยวต้องกลับมาทำที่บ้านนะ อายุเท่านี้ๆ ต้องเป็นแบบนี้นะ เขาไม่เคยพูดเลยครับ

แต่ถามว่าอนาคตผมต้องกลับไปดูแลธุรกิจครอบครัวไหม ก็ใช่ครับ มันเป็นมรดกน่ะครับ และมันเป็นท่อน้ำเลี้ยงที่ดูแลครอบครัวผมมาตั้งแต่รุ่นปู่ รุ่นทวด เราก็ต้องดูแลและพัฒนามันให้ไปถึงยันรุ่นลูก รุ่นหลานเราต่อไปครับ แต่ถามว่าจะกลับไปพัฒนายังไงต่อ คือจริงๆ สิ่งที่ผมเรียนมามันก็ไม่ได้เกี่ยวกับวงการบันเทิงหรอกครับ ผมก็เรียนเกี่ยวกับบริหารธุรกิจ เกี่ยวกับการเงิน ซึ่งผมมองว่าสิ่งที่เรียนมาน่าจะถึงวันที่ผมจะกลับไปทำงานธุรกิจที่บ้านมันก็น่าจะพอช่วยได้ไม่มากก็น้อยครับ และเรื่องพัฒนาต่างๆ น่าจะเป็นเรื่องของอนาคตครับ แล้วแต่สถานการณ์เลย เพราะเราทำธุรกิจเหมือนอสังหาริมทรัพย์ให้เช่าน่ะครับ ก็จะมีพื้นที่ว่างต่างๆ ที่เราสามารถจะคิดว่าเราจะลงอะไร จะทำอะไร มันก็น่าจะเป็นเรื่องของอนาคตครับ ตอนนี้ยังไม่รู้เลย เพราะเราไม่เคยลงไปทำก็เลยยังไม่ได้คิดครับ”

เผยช่วงปิดตลาดไม่มีผลกระทบกับครอบครัว แต่เห็นใจพ่อค้าแม่ค้ามากกว่า
“ช่วงที่ต้องปิดตลาดไปก็มีหลายช่วงอยู่ครับ ช่วงที่มีข่าวว่าเราเป็นคลัสเตอร์ก็ครั้งนึง แล้วล่าสุดนี่ก็อีกครั้งนึงครับ แต่มาตรการล็อกดาวน์ตลาดมันไม่ต้องปิดเหมือนห้างที่เขาประกาศออกมา เราก็ยังเปิดอยู่ แต่ที่ปิดไปเพราะเราก็ยอมรับว่ามันมีคนติดในตลาดเรา และตลาดรอบข้าง คือตลาดมันใกล้กันมาก ตลาดรังสิตมันมีหลายตลาด คนไปมาหาสู่กันเราก็ไม่รู้ว่ามาจากไหน เราก็เลยตัดสินใจปิดเองเลยประมาณ 2 อาทิตย์ แล้วก็กลับมาเปิดครับ

ถามว่าช่วงที่ปิดไปมันกระทบกับครอบครัวไหม จริงๆ ธุรกิจครอบครัวมันเป็นกงสี เป็นเงินที่ไว้ดูแลสถานการณ์ที่มันฉุกเฉินอยู่แล้วครับ แต่ที่เราเป็นห่วงก็คือพ่อค้าแม่ค้ามากกว่าที่อยู่ในตลาดเรา เพราะเราไม่ใช่ตลาดให้เช่าเป็นรายเดือน รายวัน เราไม่ใช่ตลาดนัดอะไรแบบนั้น เราเป็นตลาดขายส่ง ซึ่งพ่อค้าแม่ค้าที่อยู่ในตลาดก็อยู่กับเรามาหลายปีมากๆ แทบจะเป็นเหมือนคนทำธุรกิจด้วยกัน เหมือนคนในครอบครัวไปแล้ว เราก็ต้องดูแลเขาด้วย เรื่องของความลำบาก ค่าใช้จ่ายหรือผลกระทบที่เขาได้จ่ายสถานการณ์ในตอนนี้ เราเป็นห่วงในเรื่องของรายได้ รายจ่ายของเขา ในช่วงที่เราปิดตลาดไปเราก็ไม่ได้เก็บค่าเช่า และเราก็ให้แผงเขายังอยู่ เราก็ต้องพยายามช่วยเขาด้วยครับ ตอนนี้เราก็ต้องช่วยเหลือกัน เพราะทุกคนลำบากจริงๆ คนที่ลำบากจริงๆ ก็คือพ่อค้าแม่ค้าครับ”

บอกไม่คิดจะทำธุรกิจของตัวเอง เพราะอยากโฟกัสงานในวงการบันเทิงมากกว่า
อยากจะทำธุรกิจอะไรของตัวเองไหมเหรอ ผมไม่เคยคิดเรื่องทำธุรกิจเลยครับ เพราะผมอยากจะทำงานในวงการนี่แหละ ไม่ได้เอาหัวไปคิดส่วนอื่นเลย เราโฟกัสจะทำตรงนี้ก่อน ผมเชื่อว่าถ้าเกิดคนเราโฟกัสจริงๆ มันได้แค่อย่างเดียว และถ้าเรามองว่าเราอยากจะไปทำอย่างอื่นสิ่งที่ทำอยู่มันจะกลายเป็นว่ามันเป็นเรื่องรอง ซึ่งผมรับไม่ได้ที่เราจะเอางานนี้ที่ผมรักมาเป็นเรื่องรอง ก็เลยไม่ได้คิดว่าจะทำอะไรเพิ่มเติม

แต่ถ้าจะเบนไปทำเบื้องหลังหรือผู้กำกับอันนั้นก็น่าสนใจอยู่ครับ เคยมองเคยดูผู้กำกับต่างๆ ที่เขาทำงานก็น่าสนใจอยู่ แต่สิ่งที่เรามองกับสิ่งที่มันเป็นจริงๆ เราก็ไม่รู้ว่ามันต้องรับผิดชอบอะไรบ้าง ต้องทำอะไรบ้าง เราอาจจะไม่ชอบก็ได้ แต่มันก็เป็นเรื่องที่เราสนใจนะ เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการแสดงซึ่งเราก็อินกับมัน เราชอบมัน ผมว่ามันก็น่าสนใจ”











กำลังโหลดความคิดเห็น