Disney+ หรือ Disney+ Hotstar การในประเทศไทยไม่ได้เป็นระยะเวลา หลายเดือนแล้ว พร้อมกับเสียงบ่น และปัญหาหลายเรื่องที่ยังไม่ได้รับการแก้ไข
Hotstar เป็นบริการสตรีมมิ่งในประเทศอินเดียของบริษัท Star India ในเครือของ 21st Century Fox ที่เปิดให้บริการมาตั้งแต่ปี 2016 จนในปี 2019 ที่ Disney ได้ซื้อกิจการ 21st Century Fox ทำให้ Hotstar กลายเป็นของ Disney ไปโดยปริยาย
โดยตัวของ Hotstar เคยให้ความบันเทิงในรูปแบบที่หลากหลาย ทั้งการถ่ายทอดสดการแข่งขันคริกเก็ตกีฬาสุดฮิตของอินเดีย รวมถึงนำเสนอคอนเทนต์ของทาง HBO ด้วย จนมีผู้สมัครเป็นสมาชิกในประเทศอินเดียมากถึง 300 ล้านคน
กระทั่งเมื่อ Disney ได้ครอบงำกิจการของ Fox ทาง Disney จึงนำเอา Hotstar มารีแบรนด์ใหม่ สำหรับการเปิดตัว Disney+ ในแถบทวีปเอเชียภายใต้ชื่อ Disney+ Hotstar
การ์ตูนเซ็นเซอร์ยับ!? แต่ปล่อยหนังเรตให้ดูแบบเต็ม ๆ
สุดท้ายก็อย่างที่เราทราบกันดีในปัจจุบัน Disney+ ได้เปิดตัวในประเทศ แถบอาเซียนพร้อมกันในหลายประเทศรวมถึงประเทศไทยภายใต้ชื่อ Disney+ Hotstar
แต่แม้จะมีคำว่า Disney+ อยู่เหมือนกัน Disney+ Hotstar ก็มีความแตกต่างจากบริการต้นแบบของทางอเมริกาอยู่พอสมควรโดยเฉพาะอย่างยิ่ง Disney+ Hotstar ไม่เน้นนำเสนอความบันเทิง สำหรับเด็กและครอบครัวเท่านั้น จะมีคอนเทนต์สำหรับกลุ่มผู้ชมผู้ใหญ่รวมอยู่ด้วย ทั้งภาพยนตร์และซีรีส์แนวสยองขวัญที่เต็มไปด้วยภาพน่าสยดสยอง รวมถึงหนังที่เซ็กซี่ที่มีฉากวาบหวิวอย่าง Red Sparrow ก็มีให้ชมกันในสตรีมมิ่งที่ มีจุดขายว่าเป็นความบันเทิงสำหรับเด็ก ยี่ห้อนี้ด้วย
แต่ในเวลาเดียวกัน Disney+ Hotstar กับเซ็นเซอร์เนื้อหาในรายการสำหรับเด็กอย่างเข้มงวดแบบสุด มีการเบลอภาพการ์ตูนหลายเรื่องในฉากที่ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรเลย
รวมถึงมีการตัดฉาก ที่อาจมีความรุนแรงเล็กน้อยหนังฟอร์มใหญ่หลายเรื่องอย่าง Thor และ Avengers ในฉากที่ปกติแทบจะไม่เป็นปัญหาอะไรเลย
มีคำอธิบายว่าเพราะเนื้อหาของ Disney+ Hotstar ถูกยุบกับกลุ่มประเทศที่เคร่งศาสนา จึงมีการเซ็นเซอร์ ที่ค่อนข้างเข้มงวด จนกลายเป็นความหงุดหงิดสำหรับผู้ชมอย่างช่วยไม่ได้
ภาพไม่ชัด, เสียงไม่คม ภาพผิดสัดส่วน … ปัญหาเทคนิคเพียบ
ไม่เท่านั้น Disney+ Hotstar ยังถูกวิจารณ์เรื่องปัญหาทางเทคนิคมากมาย ทั้งเรื่องความคมชัดของภาพที่แม้แต่หนังที่นำเสนอ ในภาพระดับ 4K ก็ยังดูไม่คมชัดเท่าที่ควรจะเป็น
เช่นเดียวกับเรื่องเสียง ที่หนังหลายๆเรื่องยังมีระบบเสียงที่ไม่น่าพอใจ ซึ่งเรื่องนี้บ่นกันมาตั้งแต่ในอินเดีย และมีคำอธิบายจากทางอินเดียว่า Disney+ Hotstar ต้องปรับภาพและเสียง ให้เหมาะสมสำหรับพื้นที่ที่มีอินเตอร์เน็ตที่ไม่ค่อยแรงด้วย สุดท้ายบาปก็เลยมาตกกับคนที่ใช้อินเตอร์เน็ตความเร็วสูง
ที่สำคัญสิ่งที่คนดูจำนวนไม่น้อยบ่นกันมากที่สุดก็น่าจะเป็นเรื่องของระบบภาพที่หนังบางเรื่อง ฉาย ภาพผิดระบบจากงานต้นฉบับ ซึ่งอย่างน้อยก็มีการแก้ไขปัญหาในหนังบางเรื่องไปเรียบร้อยแล้ว
Disney+ Hotstar ยังสร้างความปวดหัวให้กับผู้ชมบางคน ที่ปัจจุบันก็ยังไม่สามารถชม Disney+ Hotstar ภาพอุปกรณ์โทรทัศน์ และกล่อง ที่ใช้ในบ้านได้
ราคาถูกแต่เนื้อหา “จับฉ่าย” ... 40 บาท ต่อเดือนเพื่อ Star Wars และ Marvel เป็นหลัก
แน่นอนว่าจุดขายสำคัญของ Disney+ Hotstar ยังคงอยู่กับคอนเทนต์ที่ทาง Disney ผลิตขึ้นมาเองซึ่ง ถือว่าเป็นคอนเทนท์เอ็กซ์ครูซีฟที่หาไม่ได้จากบริการสตรีมมิ่งเจ้าอื่นอย่างแน่นอน
โดยเฉพาะอย่างยิ่งซีรีส์ จากจักรวาลภาพยนตร์ Star Wars และ Marvel ที่ต้องยอมรับว่า ทำออกมาได้อย่างมาตรฐานสูงลิ่ว และถือว่าเป็น คอนเทนท์ระดับ “ทอล์ก ออฟ เดอะ ทาวน์” ประเภทไม่ดูคุยกับคนอื่นไม่รู้เรื่องอะไรทำนองนั้น
แน่นอนว่า Disney+ Hotstar ไม่มีเนื้อหาแค่นั้น ทั้งสารคดีกีฬาจาก ESPN และหนังกับรายการต่าง ๆ ที่หาชมจากที่อื่นไม่ได้
แต่นอกเหนือจากนั้นแล้ว เนื้อหาของ Disney+ Hotstar ก็ยังจัดว่าผิดน่าผิดหวังอยู่ดี
จำนวนหนังและซีรีส์มีน้อยกว่าบริการเจ้าอื่นมาก แถมส่วนใหญ่เป็นการมาซื้อเอาจากผู้จัดจำหน่ายในไทย ทำให้ Disney+ Hotstar เต็มไปด้วยหนังไทย, จีน, ญี่ปุ่น และเกาหลี ที่ผู้ชมส่วนใหญ่ดูกันมานานแล้ว แล้วมีให้เลือกชมในสตรีมมิ่งเจ้าอื่นเกลื่อนกราด
แน่นอนว่าสุดท้าย หรือประเมินจาก ราคาค่าสมัครสมาชิกระดับเดือนละไม่ถึง 100 บาท คอนเทนท์ที่ Disney+ Hotstar นำเสนอก็ดูคุ้มค่าดี แต่ถ้าเราจะต้องสมัครสตรีมมิ่งเพียงเจ้าเดียวเท่านั้น Disney+ Hotstar ก็ดูจะไม่ใช่คำตอบอย่างแน่นอน
อนาคตยังสดใส … แต่ “ปัจจุบัน” ยังน่าผิดหวัง
แน่นอนว่าเนื้อหาของ Disney ที่กำลังผลิต ยังคงน่าติดตาม และคุ้มค่าที่จะสมัคร Disney+ Hotstar ต่อไป นอกจากนั้น ยังมีข่าวว่า Disney+ Hotstar น่าจะได้คอนเทนต์ของทาง Hulu สตรีมมิ่งอีกเจ้าของ Disney ที่เน้นเนื้อหาสำหรับกลุ่มผู้ใหญ่มากขึ้นมาใส่เอาไว้ใน Disney+ Hotstar ในอนาคตด้วย
แต่ถ้าวัดกันเพราะเฉพาะปัจจุบัน ต้องบอกว่าในเรื่อง Disney+ Hotstar ในภูมิภาคเอเซียก็ยังอยู่ห่างไกลจากคู่แข่งอยู่หลายก้าว
จนผู้ชมหลายคนอาจจะสมัครเอาไว้ดู Star Wars และ Marvel เป็นหลัก และแทบจะลืม จนไม่ได้เปิด Disney+ Hotstar นานเป็นเดือน ๆ แค่คิดในมุมนี้ราคาเดือนละไม่กี่สิบบาทก็ยังถือว่าแพง