ตัวแทนของ “เอมมา สโตน” เปิดเผยว่าเธอตัดสินใจที่จะเซ็นสัญญา เล่นหนังภาคต่อ Cruella 2 เป็นที่เรียบร้อยแล้วหลังเคยมีข่าวลือว่าดาราสาวกำลังพิจารณาฟ้อง Disney เรื่องผลประโยชน์ แต่สุดท้ายก็ตกลงกันได้
เคยมีข่าวว่า เอมมา สโตน อาจจะตัดสินใจยื่นฟ้อง Disney ตามรอย “สการ์เล็ตต์ โจแฮนสัน” เกี่ยวกับเรื่องที่บริษัทบันเทิงยักษ์ใหญ่ละเมิดสัญญานำหนังของพวกเธอ เผยแพร่ลงสตรีมมิ่งโดยไม่ได้รับอนุญาต
แต่สำหรับกรณีของ เอมมา สโตน ดูเหมือนว่า สตูดิโอและฝ่ายนักแสดงจะจบลงก็ลงตัวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เพราะนอกจากจะไม่ฟ้องร้องแล้วยังมีข่าวว่า เอมมา สโตน ได้ตกลงที่จะเล่นภาคต่อของหนัง Cruella แล้วด้วย
สืบเนื่องมาจากการระบาดของ COVID-19 ทำให้สตูดิโอผลิตภาพยนตร์ฮอลลีวู้ดหลายแห่ง ตัดสินใจ ส่งหนังเผยแพร่ผ่านระบบสตรีมมิ่งพร้อมกับการฉายในโรงภาพยนตร์ เพื่อทดแทนที่โรงภาพยนตร์จำนวนไม่สามารถเปิดกิจการได้
แต่กลายเป็นว่าแผนการดังกล่าว ได้สร้างความไม่พอใจให้กับดาราหลายคน ที่เซ็นสัญญารับส่วนแบ่งจากการขายตั๋วหน้าโรงภาพยนตร์ไว้ด้วย เพราะจะทำให้พวกเขาขาดรายได้ในส่วนแบ่งจากการขายตั๋วไป
ซึ่งดาราที่แสดงความไม่พอใจออกมาชัดเจนที่สุดก็คือ สการ์เล็ตต์ โจแฮนสัน พี่ฟ้องร้อง Disney ว่าละเมิดสัญญา ที่เธอเซ็นเอาไว้ตอนทำหนัง Black Widow
โดยในตอนนั้นมีข่าวตามออกมาว่ามีดาราหลายคนก็อาจจะฟ้อง Disney เหมือนกัน หนึ่งในนั้นก็คือ เอมมา สโตน ที่สูญเสียผลประโยชน์จากการที่ Cruella ฉายโรงพร้อมปล่อยลงสตรีมมิ่งเช่นเดียวกัน
แต่ล่าสุดตัวแทนของ เอมมา สโตน ได้เปิดเผยว่าดาราสาวแล้ว Disney สามารถตกลงกันได้เรียบร้อยแล้ว และ เอมมา สโตน ก็ได้ตอบตกลงที่จะเล่นหนัง Cruella 2 ของทาง Disney เป็นที่เรียบร้อยแล้วด้วย
ตัวแทนของ เอมมา สโตน ยอมรับว่าปัจจุบัน ธุรกิจบันเทิงและสื่อเปลี่ยนแปลงไปเป็นอย่างมาก ทำให้บริษัทจัดจำหน่าย, ผู้สร้างสรรค์งาน รวมถึงตัวนักแสดงต้องปรับตัวเพื่อหาความลงตัวในการทำงานร่วมกันให้ได้
ซึ่งตัวแทนของ เอมมา สโตน เชื่อว่าข้อตกลงล่าสุดที่ดาราสาวทำกับ Disney มีความลงตัว และให้ความยุติธรรมกับทุกฝ่ายอย่างดีที่สุดแล้ว ซึ่งตัวแทน เอมมา สโตน ยังคาดหวังว่านี่จะเป็นการเปิดประตูบานแรกไปสู่ การทำงานร่วมกันในยุคสมัยใหม่ในวงการบันเทิงของคนบันเทิงคนอื่น ๆ ต่อไปด้วย
ซึ่งปัจจัยสำคัญที่ทำให้ดีลล่าสุดของ เอมมา สโตน และ Disney ประสบความสำเร็จลุล่วงด้วยดีก็น่าจะมาจากความสำเร็จของหนัง Cruella เองที่ทำเงินในการฉายทั่วโลกไป 226 ล้านเหรียญฯ ซึ่งถือว่าน่าพอใจไม่น้อยในภาวะเช่นนี้
แต่ที่สำคัญหนังยังทำยอดการขายผ่านสตรีมมิง Disney + ได้น่าพอใจมาก มีคนซื้อหนังไปนั่งชมที่บ้านในสัปดาห์แรกถึง 686,000 หลังคาเรือน และทำเงินให้กับ Disney แบบเต็ม ๆ ไม่ต้องแบ่งใครในสัปดาห์เดียวถึง 20.57 ล้านเหรียญฯ