จากกรณีที่มีกลุ่มอัยการไม่พอใจละครเรื่อง “ให้รักพิพากษา” มองว่ามีการบิดเบือนข้อเท็จจริง โดยระบุว่า การแสดงของหัวหน้าพนักงานอัยการในละคร ไม่สำรวม ใช้วาจาดูแคลนทนายสาวในเรื่อง ชวนทนายสาวมาเป็นอัยการโดยไม่ผ่านการสอบตามกฎหมายของสำนักงานอัยการสูงสุด เป็นการไม่รักษาเกียรติของพนักงานอัยการ
เรื่องนี้ทำเอาทนายชื่อดังอย่าง “ทนายนิด้า ศรันยา หวังสุขเจริญ” ต้องขอออกมาชี้แจงเพราะได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับละครเรื่องนี้ว่า….
“#ละครก็คือละครไม่ใช่สารคดี
ในส่วนของนิด้าผู้เขียนบทมาติดตามการว่าความในศาลของทนายหญิงซึ่งดูการว่าความ ดูในห้องพิจารณา เขาทำกันประมาณไหน มีการสัมภาษณ์ชีวิตจริง มีการพูดคุยเกี่ยวเส้นทางการมาเป็นอาชีพทนายความว่ายากง่ายแค่ไหน อุปสรรคมีอะไรบ้าง คำเยินยอ คำดูถูก ความกดดัน เอามาเป็นข้อมูลประกอบในการเขียนบทคาแร็กเตอร์ของทนายทิชา
ส่วนพี่ทนายเจมส์ ทราบว่าเข้าไปดูแอคติ้ง ท่าทางการแสดง การวางมาดของทนายความ ในตอนถ่ายทำ ทราบจากทีมงานประมาณนี้
ทั้งทนายนิด้าและทนายเจมส์ไม่ได้ลงไปนั่งเขียนบท และนิด้าก็ไม่เคยอ่านบทว่ามีดีเทลอย่างไร ก็ติดตามดูหน้าจอพร้อมทุกคน
แต่ละครก็คือละคร ไม่ใช่สารคดี ถ้าดูละครเป็นละครจะเข้าใจว่าคนดีกว่าละครก็มี คนเลวยิ่งกว่าในละครก็มีเหมือนกัน #ฝากไว้ให้ได้คิด
ปล. ถ้าคิดถึงความน่าจะเป็น แทบไม่มีความเป็นไปได้เลยว่านักกฎหมายจะให้คำปรึกษาคนเขียนบทว่าเป็นอัยการชวนได้ โตไปเป็นผู้พิพากษาหรือนักการเมืองได้อีก และเท่าที่ทราบก็ไม่เห็นว่ามีใครให้ข้อมูลแบบนั้น แต่ด้วยความที่คนเขียนบทน่าจะคิดว่าเป็นละคร และคิดว่าคนดูเข้าใจ แม้จะมีคนดูบางกลุ่มที่ไม่เคยเข้าใจ และคาดหวังให้ละครไปไกลถึงสารคดี แต่การวิจารณ์อยากให้หาข้อมูลข้อนี้ด้วย ไม่น่าจะด่วนสรุปว่าเอาใครก็ไม่รู้มาให้คำปรึกษา เพราะคนดูละครจำนวนมาก แม้จะไม่ทั้งหมดเขารู้และรับทราบได้ว่ามีนักกฎหมายไม่กี่คนที่เกี่ยวข้องกับละครเรื่องนี้อยู่ แถมชื่อก็มีระบุไว้อยู่ใน end of credit
ติดใจตรงคำว่าไม่ใช่เอาใครก็ไม่รู้มาให้ข้อมูลมั่วๆ นี่เป็นคำเหยียด คำดูถูกที่ไม่รู้ข้อมูลความจริงอะไรเลย ไม่ว่าคนถูกพูดถึงนั้นจะเป็นใครก็ต้องรู้ให้จริงว่ามันมีคนที่ให้ข้อมูลมั่วๆแบบนั้นอยู่จริงหรือไม่ ไม่ใช่คิดเอา นี่ถ้าทำละครเรื่องอัยการเรียกรับสินบนละครเรื่องนี้คงไม่ได้เกิด”
ด้าน “ทนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์” มองเรื่องนี้ว่า…
“ละครก็คือละครเขาไม่ใช่ทำสารคดีการพิจารณาคดีในศาล เออถ้าเขาทำสารคดีแล้วมันไม่ตรงอันนั้นค่อยไปประท้วง เป็นการดีด้วยซ้ำที่จะทำให้ประชาชนได้เรียนรู้เรื่องยากๆ ผ่านบทละคร แล้วมันอาจจะสร้างแรงบันดาลใจให้เด็กๆ ก็ได้”
ส่วน “ทนายเจมส์ นิติธร แก้วโต” ก็ออกมาชี้แจงเช่นกันในฐานะที่ปรึกษาละครเรื่องนี้ผ่านเฟซบุ๊กว่า…
“มันก็แค่ละคร” น้องเบลล่าได้กล่าวไว้ ในละครเรื่องให้รักพิพากษา
หากบทละครที่เขียนขึ้นจากจินตนาการ สร้างความไม่สบายใจให้กับท่านอัยการ ส่วนตัวผมก็ต้องขออภัยนะครับ เข้าใจว่าทางทีมงานกำลังหาทางแก้ไขอยู่
มีคนถามหาความรับผิดชอบจากผม ในฐานะที่เป็นที่ปรึกษาผมขอกราบเรียนว่า ผมไม่มีหน้าที่เขียนบท ผมไม่มีหน้าที่ตรวจบททั้งหมด ผมไม่มีเจตนาด้อยค่าอาชีพอื่น และผมไม่มีอคติเป็นการส่วนตัวกับพนักงานอัยการไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม
ผมมีส่วนร่วมในการตรวจทานบทละครบางฉาก เท่าที่ทีมงานส่งมาให้ผมดู และแจ้งให้ผมไปดูแลที่กองถ่ายในศาลเยาวชนและครอบครัวกลางเท่านั้น ทีมงานไม่ได้ส่งบททั้งหมดมาให้ผมตรวจ เนื่องจากผมเข้าใจว่า เป็นความลับและอาจจะมีการปรับแก้อยู่เรื่อยๆ ตามความเหมาะสม
ในส่วนของบทละครคดียาเสพติด ที่ถ่ายทำในศาลอาญา ซึ่งเป็นประเด็นอยู่ในขณะนี้ ทีมงานไม่ได้ส่งบทมาให้ผมตรวจและไม่ได้แจ้งให้ผมไปดูแลที่กองถ่ายในวันที่ถ่ายทำในศาลอาญาครับ (แต่บางคนที่ไม่เคยไปศาล ก็อาจจะเข้าใจผิดว่าภาพที่ผมถ่ายที่ศาลเยาวชนและครอบครัวกลางเป็นศาลอาญาก็ได้ครับ)
ดังนั้น การที่มีคนกล่าวหาผมและทนายนิด้า ว่าผมกับทนายนิด้า เป็นที่ปรึกษา และไปกำกับดูแลการถ่ายทำเกือบทุกฉาก ปล่อยให้มีการถ่ายทำละครที่มีเนื้อหาบิดเบือนนั้น จึงไม่เป็นความจริง
ส่วนท่านอัยการที่มาแสดงความเห็นเกี่ยวกับละครเรื่องดังกล่าวนั้น ไม่เคยมีใครเอ่ยชื่อทนายเจมส์หรือทนายนิด้าเลยแม้แต่ท่านเดียว ซึ่งผมเข้าใจว่า ท่านคงเข้าใจในบริบทของการเป็นที่ปรึกษาละคร
สุดท้าย จะวิพากษ์วิจารณ์อะไร ควรศึกษาเรื่องนั้นๆ ให้ถ่องแท้ด้วยนะครับ อย่าคิดเอง เออเอง มีปากก็สักแต่จะพูดไปเรื่อย
ขอบคุณทุกกำลังใจครับ”