ในการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก ที่ประเทศญี่ปุ่นเมื่อปี 1964 ได้มีการบรรจุการแข่งขันวอลเลย์บอลสำหรับผู้หญิงเข้ามาเป็นครั้งแรก และทีมชาติญี่ปุ่นก็ได้สร้างปาฏิหาริย์ด้วยเอาชนะทีมระดับโลกมากมายจนคว้าเหรียญทองในการแข่งขันครั้งนั้นมาครองและ กลายเป็นจุดเริ่มต้นของประวัติศาสตร์มาถึงปัจจุบัน
ทำให้ในยุค 60 วอลเลย์บอลกลายเป็นกระแส ที่ใหญ่มากในประเทศญี่ปุ่นเด็กผู้หญิงจำนวนมากหันมาเล่นวอลเลย์บอลกัน
จากเรื่องจริงดังกล่าวได้มีการหยิบเอาเรื่องราวของบอลมาเขียนเป็นการ์ตูนฮิตที่ชื่อว่า Attack No. 1 และถูกดัดแปลงต่อเป็นแอนิเมชั่น ก่อนจะมาฮิตในเมืองไทยในอีกหลายปีต่อมาเมื่อถูกดัดแปลงเป็นซีรีส์คนแสดงภายใต้ชื่อภาษาไทยว่า "ยอดหญิงชิงโอลิมปิก" ที่มีตัวละครระดับตำนานที่เรายังคุ้นหูกันจนมาถึงทุกวันนี้อย่าง "จุง โคชิกะ" นั่นเอง
ยังมีกีฬาอีกประเภทที่ส่งผลกระทบต่อ ชาวญี่ปุ่นมากก็คือยิมนาสติก ที่ญี่ปุ่นคว้าเหรียญทองประเภททีมชายได้อย่างปาฏิหาริย์ จนเรื่องราวยิมนาสติกกลายเป็นข่าวใหญ่ในหนังสือพิมพ์ มีการอธิบายกติกาต่างๆโดยเฉพาะเรื่องการให้คะแนน ที่ยิมนาสติกจะมีการให้คะแนนตามท่ายากที่เรียกว่า Ultra A, Ultra B, Ultra C ซึ่งเป็นท่าที่มีคะแนนสูงสุด
โดยเรื่องดังกล่าวตำนานวงการหนังเทคนิคพิเศษอย่าง "เอจิ ซึบูรายะ" รู้สึกชื่นชอบกับคำว่า Ultra C มากถึงขั้นหยิบมาใช้เป็นชื่อซีรี่ย์แนวมิติพิศวงลี้ลับจบในตอนที่ชื่อว่า Ultra Q
ก่อนต่อยอดมาเป็นซีรีส์แนวซูเปอร์ฮีโร่ตัวใหญ่ยักษ์จากต่างดาวที่ชื่อว่า Ultraman ซึ่งแม้ว่าที่มาของรูปร่างหน้าตาซูเปอร์ฮีโร่ตัวนี้อาจจะมีข้อมูลมาจากหลายแหล่ง แต่เรื่องชื่อแล้วได้รับอิทธิพลมาจากกีฬายิมนาสติกในการแข่งขันโอลิมปิกนั่นเอง
กีฬาโอลิมปิกที่ญี่ปุ่นในปีนั้นถือว่าเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของประเทศญี่ปุ่น และส่งผลให้โอลิมปิกกลายเป็นความทรงจำที่สำคัญของคนญี่ปุ่นมาจนถึงปัจจุบัน โดยมีการสร้างหนัง เกี่ยวกับกีฬาโอลิมปิกในปี 1964 ออกใหม่อย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่หนังสารคดี ที่เก็บภาพต่าง ๆ ในการแข่งขันในชื่อว่า Tokyo Olympiad
Tokyo Olympiad ของผู้กำกับระดับตำนาน "คอน อิชิคาว่า" เก็บภาพการแข่งขันกีฬาเมื่อ 6 ทศวรรษที่แล้วได้อย่างสวยงาม จนกลายเป็นหนึ่งในสารคดีจากการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกที่ดังที่สุดตลอดกาลเรื่องหนึ่งไปเรียบร้อยแล้ว
นอกจากนี้หนังอย่าง Always: Sunset on Third Street ภาคสาม ก็เลือกที่จะเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก ในปี 1964 แต่เป็นเหตุการณ์ในฝั่งของประชาชน ในฐานะทีว่านี่คือกีฬาที่เปลี่ยนแปลงสังคมญี่ปุ่นโดยสิ้นเชิง และเป็นบทสรุปของเรื่องราวในหนังชุดนี้ด้วย
โอลิมปิกยังกลายเป็นแรงบันดาลใจ ให้เกิดกระแสการเขียนการ์ตูนเกี่ยวกับกีฬาขึ้นมากมายในประเทศญี่ปุ่น ไม่ว่ากีฬาจะฮิตแค่ไหนญี่ปุ่นสามารถหยิบมาเป็นการ์ตูนได้ถ้าจะทั้งหมด
เมื่อครั้งที่ญี่ปุ่นได้เหรียญทองจากการแข่งขันสเก็ตน้ำแข็งในโอลิมปิกฤดูหนาว ก็มีการ์ตูนญี่ปุ่นเกี่ยวกับสเก็ตน้ำแข็งตามออกมาทันที
แน่นอนว่า การ์ตูนกีฬาระดับตำนานอย่าง "กัปตันซึบาสะ" ที่ตอนนี้ เขียนมายาวนานกว่า 40 กว่าปีและยังไม่มีทีท่าว่าจะจบ ก็มีเรื่องราวของโอลิมปิกอยู่ในเรื่องด้วยเหมือนกัน
กับเหตุการณ์ในภาคล่าสุดที่ซึบาสะและผองเพื่อนต้องรวมทีมกันไปเล่น กีฬาโอลิมปิก ที่ในท้องเรื่องเขียนไว้ว่าจัดกันที่กรุงมาดริด ซึ่งก็ไม่ต้องห่วง เพราะ ซึบาสะ ยังคงถล่มคู่แข่งที่เป็นนักเตะระดับโลกกระจุยกระจาย
แต่ที่น่าทึ่งก็คือ การ์ตูนเรื่องนี้เขียนออกมาในยุคที่ญี่ปุ่นยังเป็นสมันแห่งวงการฟุตบอล อย่าว่าแต่จะสู้กับทีมจากยุโรปหรืออเมริกาใต้ได้เลย แค่ไปเล่นฟุตบอลโลก ยังแทบไม่มีปัญญา ทว่าปัจจุบันญี่ปุ่นกลายเป็นทีมที่ต่อกรกับทีมฟุตบอลของชาติตะวันตกได้อย่างสูสีไปแล้ว
แต่การ์ตูนเกี่ยวกับกีฬาโอลิมปิกที่ดังที่สุดก็น่าจะเป็นการ์ตูนไซไฟ "AKIRA" ที่ไม่ได้เล่าเรื่องเกี่ยวกับกีฬาอะไรเลย แต่ดันทำนายอนาคตได้อย่างถูกต้องอย่างเหลือเชื่อ
โดยการ์ตูนจากยุค 80 เรื่องนี้เขียนขึ้นมาว่าในอนาคตญี่ปุ่นกำลังฟื้นตัวจากสงครามใหญ่และได้โอกาสจัดโอลิมปิกขึ้นในปี 2020 แต่ที่แม่นยิ่งกว่าก็คือในการ์ตูนชาวญี่ปุ่นไม่เห็นด้วยกับการจัดโอลิมปิกครั้งนี้เลยจนเกิดการประท้วงใหญ่ขึ้นมากมายขณะที่รัฐบาลญี่ปุ่นก็ยังดันทุรังจะจัดต่อไป
จนสุดท้ายเรื่องราวบานปลาย ตัวละครต้องไปต่อสู้กันในสนามกีฬาโอลิมปิกกลายเป็นความวุ่นวายครั้งใหญ่ ทับซ้อนกับโลกแห่งความเป็นจริงที่โอลิมปิก 2020 ในญี่ปุ่น กลายเป็นการแข่งขันที่เต็มไปด้วยปัญหามากที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ของการจัดกีฬาแห่งมวลมนุษยชาติรายการนี้
แน่นอนว่าหลังจากนี้ก็คงมีภาพยนตร์เกี่ยวกับกีฬาโอลิมปิก 2020 ที่มาจัดกันในปี 2021 ออกมาจากประเทศญี่ปุ่นอีกแน่นอน...
