“แพท” เผยวันแม่ปีนี้อบอุ่นหัวใจที่สุด พร้อมเปิดความทรงจำที่มีต่อคุณแม่ตั้งแต่เด็กจนโต กับเรื่องราวที่ไม่เคยเล่าที่ไหนมาก่อน มีครบทั้งความสุขและน้ำตา แม่ห่วงที่สุดคือเรื่องผู้หญิง ไม่อยากให้พลาดอีก มั่นใจจะไม่ทำให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอย อยู่กับแม่แพทเรียกตัวเองว่า “หนู” รักแม่มาก จากนี้ไปจะไม่ทำให้เสียใจอีกแล้ว
หากย้อนกลับไปเมื่อ 2 ปีที่แล้ว ทีมข่าวบันเทิง “ผู้จัดการออนไลน์” ได้นำเสนอข่าวสกู๊ปวันแม่ (12 สิงหาคม) ซึ่งเป็นบทสัมภาษณ์พิเศษของนักร้องชื่อดัง “แพท พาวเวอร์แพท” วรยศ บุญทองนุ่ม ที่ในขณะนั้นเจ้าตัวยังรับโทษอยู่ในเรือนจำกลางบางขวาง โดยผู้สื่อข่าวผู้จัดการออนไลน์ได้เข้าไปสัมภาษณ์หนุ่มแพทหลังรั้วกำแพงสูงของเรือนจำ ถึงเรื่องราวที่เป็นบทเรียนราคาแพง เป็นฝันร้ายของครอบครัวที่เจ้าตัวเคยทำให้ผู้เป็นแม่ต้องเสียน้ำตา เพื่อถ่ายทอดเป็นอุทาหรณ์ให้กับสังคม ซึ่งแพทบอกว่ารู้สึกผิดที่สุดที่ทำให้แม่เสียใจผิดหวัง ตลอดระยะเวลาที่ถูกจองจำ แพทเปลี่ยนเป็นคนใหม่ที่ดีขึ้น มุ่งมั่นทำความดี เพื่อรอวันที่จะได้ออกมากราบเท้าขอขมาคุณแม่ และบวชทดแทนบุญคุณ ทำหน้าที่ลูกชายคนเดียวให้แม่ภูมิใจ
และในที่สุดความฝันของแพทก็เป็นจริง วันแม่ปีนี้แพทไม่ต้องบอกรักแม่ผ่านกรงขังอีกต่อไป การรอคอยที่ทรมานได้สิ้นสุดลงซะที แพทได้ออกมาอยู่กับคุณแม่ที่เจ้าตัวรักที่สุดในชีวิต ได้กอด ได้หอมแก้ม ได้นอนกับคุณแม่ทุกคืน และที่สำคัญแพทได้ทำในสิ่งที่ตนเองเฝ้ารอมาตลอดเกือบ 17 ปี นั่นก็คือ การกราบเท้าขอขมา และบวชให้กับคุณแม่อย่างที่ตั้งใจ
สกู๊ปวันแม่ปีนี้ เราเปิดใจแพทในบรรยากาศใหม่ ผ่านชีวิตใหม่ที่เจ้าตัวได้เริ่มต้นอย่างสวยงาม กับหลายเรื่องราวที่แพทไม่เคยเล่าที่ไหนมาก่อน มีครบทั้งซึ้ง เศร้า เซอร์ไพรส์ ประทับใจ และให้แง่คิดดีๆ ตลอดชีวิตการเป็นลูกที่ผ่านร้อน ผ่านหนาวมา 41 ปีของผู้ชายคนนี้
“วันแม่ปีนี้เป็นความรู้สึกที่อบอุ่น และครอบครัวสมบูรณ์พร้อมในบรรยากาศที่ดีๆ สิ่งที่เราได้ใช้ชีวิตร่วมกับครอบครัวก็เป็นความทรงจำที่ดี เป็นโมเมนต์ที่อบอุ่น แน่นอนครับ คุณแม่ท่านก็คงปรารถนาและเฝ้ารอวันเวลานี้มานานมากๆ ครับ ซึ่งผมก็เข้าใจความรู้สึกของท่านเป็นอย่างดี ผมเชื่อว่าในเทศกาลวันแม่ปีนี้ครอบครัวจะอบอุ่นมากๆ เพราะได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันทุกๆ คนเลยครับ”
เกือบ 17 ปีที่ยาวนาน แม้ต้องแยกจากคุณแม่ แต่แพทกลับไม่รู้สึกเคว้งคว้างหรือเหงาแต่อย่างใด เพราะแม่ไม่เคยทิ้งไปไหน
“จริงๆ แล้วชีวิตผมก็ไม่ได้รู้สึกเคว้งคว้างหรือว่าเหงาเลยนะครับ เพราะว่าท่านก็มาเยี่ยมสม่ำเสมอครับ อย่างน้อยก็เดือนละครั้งหรือ 2 ครั้ง ก็จะเจอกันอยู่ตลอด และได้ทราบข่าวคุณแม่เป็นระยะจากทางพี่สาวและจากทางคุณพ่อ ซึ่งตลอดระยะเวลาเกือบ 17 ปีที่อยู่ข้างใน มีการพูดคุยและติดต่อกันตลอดครับ ก็เลยไม่รู้สึกว่าขาดหรือว่าเหงา หรือเคว้งคว้างใดๆ”
“เรียกว่าทางบ้านทุกๆ คนส่งมอบกำลังใจและส่งมอบความอบอุ่นมาถึงผมตลอดเวลา ทำให้เรามีกำลังใจในการใช้ชีวิตและมีเป้าหมายในการต่อสู้และดำรงชีวิตให้ดีขึ้น ก็ได้ครอบครัวและกำลังใจจากคุณแม่นี่แหละครับ ที่ทำให้ผมใช้ชีวิตได้อย่างมีคุณภาพครับ”
“เวลาคิดถึงคุณแม่ ผมก็จะเขียนจดหมายไปหาพี่สาวครับ เพราะพี่สาวเป็นคนดูแลคุณแม่อยู่ ก็เขียนไปถามไถ่ว่าคุณแม่เป็นยังไงบ้าง ก็ทราบข่าวมาเรื่อยๆ ว่าท่านก็ไม่ได้มีอะไรน่าเป็นห่วง ส่วนเรื่องสุขภาพ คุณแม่ก็ไปหาหมอตามที่คุณหมอนัดอยู่เป็นประจำทุกเดือน แล้วทุกเดือนก่อนที่คุณแม่จะไปหาหมอ ท่านก็จะแวะมาเยี่ยมผมก่อนที่จะไปพบคุณหมอครับ เพราะฉะนั้นผมก็จะได้ถามเรื่องสุขภาพท่านตลอดเวลา”
“ก็จะทราบทุกเดือนว่ามีอะไรเปลี่ยนแปลงไปบ้าง เช่น สุขภาพยังปกติดีมั้ย เวลามาเยี่ยมก็จะถามท่านอยู่ตลอดว่าแข็งแรงดีมั้ย เจ็บปวดตรงไหนมั้ย นอนหลับดีหรือเปล่า ซึ่งก็ไม่ได้มีอะไรน่าหนักใจ ก็รับประทานยาและปฏิบัติตัวตามแพทย์สั่งก็น่าจะโอเค เพราะว่าท่านก็มีโรคประจำตัวอยู่หลายอย่างครับ”
กังวลมาตลอดว่าจะพ้นโทษออกมาไม่ทันได้ดูแลคุณแม่ กลัวแม่รอตนไม่ไหว กลัวจะสายเกินไป กลัวไม่ได้กราบเท้าแม่
“ผมก็เป็นห่วงครับ เป็นห่วงว่าเราจะออกไปไม่ทันท่าน เป็นความกังวล ต้องยอมรับว่ากำหนดโทษ 50 ปี แล้วเราก็ไม่รู้ว่าเราจะออกมาจากเรือนจำวันไหน ปีไหน เดือนไหน แล้วเราก็ไม่รู้ว่าท่านจะอดทนอยู่รอเราได้แค่ไหนก็เป็นความกังวลครับ บวกกับก็มีเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ผู้ต้องขังที่ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน ก็มีหลายท่านที่มีเหตุการณ์ที่ต้องสูญเสียคนที่รักไปในช่วงที่ใช้ชีวิตอยู่ในเรือนจำ”
“ผมก็มีความวิตกกังวลเล็กน้อย ก็ไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้กับเรา กลัวว่ามันจะสายเกินไปที่เราจะไปทดแทนท่าน หรือว่าจะไปกราบเท้าท่านครับ แต่ก็ถือว่าเป็นความโชคดีของเราที่มีวันนี้ มีวันที่เราได้กลับมาอยู่ด้วยกัน ได้มาดูแลท่านในวันที่ท่านยังแข็งแรง ในวันที่ท่านยังอยู่กับเราครับ”
“ในตอนนั้นไม่เชิงเป็นความทุกข์ แต่เป็นความกังวลใจว่าถ้าเกิดเหตุการณ์แบบนั้นขึ้นจริงๆ วันที่เขารอเราไม่ได้ แล้วความรู้สึกผิดหรือสิ่งที่ติดค้างในใจ เราจะสามารถจัดการกับมันได้ดีขนาดไหน เราจะมีความรู้สึกผิดติดตัวเรามั้ย กับการที่เราไม่มีโอกาสได้ไปขอโทษหรือกราบเท้าท่าน ไม่มีโอกาสได้บวชทดแทนคุณท่านตามที่ได้สัญญาไว้ เป็นเรื่องของความกังวลใจมากกว่า ว่าถ้าเกิดเหตุการณ์แบบนั้นแล้วผมจะทำยังไง เราจะผ่านมันไปได้มั้ย”
“(รู้สึกเจ็บปวดที่นึกถึงเรื่องนี้?) ใช่ครับ แต่เราก็รู้อยู่ตลอดว่าเกิด แก่ เจ็บ ตาย เป็นเรื่องธรรมดาของมนุษย์ ซึ่งแต่ละคนก็หลีกหนีไม่พ้น แล้วการที่เราเข้าไปรับโทษ 10 กว่าปี แน่นอนท่านก็มีอายุเยอะขึ้น บวกกับมีโรคประจำตัว มันก็ต้องมีความกังวลหรือคิดเรื่องนี้เป็นธรรมดาครับ”
เพราะกลัวมาตลอดว่าจะไม่มีโอกาสออกมาดูแลคุณแม่ ทุกครั้งที่คุณแม่มาเยี่ยมแพทจึงย้ำให้แม่ดูแลตัวเองดีๆ เพื่อรอวันที่จะได้ออกมาอยู่ด้วยกัน
“ส่วนใหญ่ผมจะบอกให้แม่รับประทานยา และปฏิบัติตัวตามที่แพทย์สั่งให้เคร่งครัดครับ เชื่อว่าท่านก็รู้อยู่แล้วแหละว่าเราก็เฝ้ารอเวลาที่จะกลับไปอยู่ด้วยกัน ผมก็จะพยายามพูดถึงเรื่องอนาคตตลอด ว่าเดี๋ยวจะออกไปบวชให้นะ ออกไปอยู่ด้วยกัน ผมก็จะให้ความหวังเขา ส่วนแม่ก็จะให้ความหวังตลอดเหมือนกันว่า ที่บ้านคุยกันตลอดว่าผมอยากกินอะไรให้คิดไว้เลย จะพาไปกินทุกที่เลย เราก็จะคุยกันแต่สิ่งดีๆ เรื่องที่จะทำให้ใจมันฟูมากกว่า ให้มีกำลังใจและมีความหวังในการใช้ชีวิตเพื่อเฝ้ารอวันนั้น ซึ่งก็คือวันนี้แหละ(ยิ้ม) วันที่กลับมาอยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันครับ”
“เป็นสิ่งดีๆ ที่มอบให้แก่กัน เพราะว่ามันก็คงไม่มีประโยชน์ที่จะพูดถึงสิ่งที่ผ่านไปแล้ว หรือไปแสดงความวิตกกังวลในสิ่งที่มันยังไม่เกิด ในด้านลบๆ หรือในด้านที่จะทำให้จิตใจมันตกไป ก็พยายามยิ้มแย้มแจ่มใส คุยเรื่องเฮฮา คุยเรื่องดีๆ ที่มันจรรโลงใจมากกว่าครับ”
ตลอดเวลาที่อยู่ในเรือนจำแพทเข้มแข็งมากไม่เคยร้องไห้ จะมีก็แต่ความรู้สึกผิดในใจที่ทำให้พ่อและแม่ต้องลำบากมาเยี่ยม แอบมองตามหลังทุกครั้งที่แม่กลับ เป็นห่วงที่ต้องนั่งรถประจำทางมาหาตน ถ้าแม่เป็นอะไรไประหว่างทางตนคงรับไม่ได้ และโทษตัวเองไปตลอดชีวิต
“ไม่เคยครับ ไม่ถึงขนาดนั้น แต่มีความรู้สึกสงสารเขาและรู้สึกผิดในใจ เวลาเขามาเยี่ยมเสร็จแล้วเขาเดินกลับ บางทีเรายังไม่สามารถเดินกลับเข้าแดนได้ เพราะจะต้องรอกลับพร้อมผู้ต้องขังคนอื่นเพราะญาติของบางคนยังไม่ลุก เราก็ต้องรอกลับพร้อมกัน พอคุณแม่ลุกเดินกลับ เราก็จะมองตามเขาไป ก็จะเห็นถึงความเปลี่ยนแปลงทางด้านอายุ ความชราของเขาที่มากขึ้น แล้วเราก็รู้สึกผิดในใจว่าทำให้เขาต้องเดินทางมาเยี่ยมเราเป็นระยะเวลา 10 กว่าปี”
“แล้วการเดินทางอะไรต่างๆ ผมก็มีความความกังวล ยิ่งเวลาถามเขา บางทีแม่นั่งรถประจำทางมา ผมก็กลัวเขาจะตก กลัวจะล้ม หรือกลัวจะโดนรถเฉี่ยว ก็มีความกังวลว่าถ้าเกิดเขาเป็นอะไรระหว่างที่มาเยี่ยมเรา แล้วเกิดอุบัติเหตุเพราะมาหาเรา เราจะรับได้มั้ย เราจะเสียใจขนาดไหน ก็เลยอยากจะทำทุกอย่างให้รีบได้ออกมาให้เร็วที่สุดครับ”
“เป็นความรู้สึกที่โทษตัวเองอยู่ในใจ เพราะว่าแน่นอนเขาก็ทิ้งเราไม่ได้ ด้วยความเป็นแม่เป็นลูก แล้วเขาก็ยินดี ไม่อิดออด อยากจะมาหา อยากมาเจอเราด้วยซ้ำ ซึ่งตรงนี้ต้องยอมรับว่ามันก็มีทั้งสองด้าน เพราะท่านเองก็อายุมากขึ้นด้วย แล้ว ณ วันนั้นก็ยังไม่รู้ว่าเขาจะต้องมาแบบนี้อีกกี่ปี แล้วแม่จะมาไหวมั้ย แล้วแม่ยังมีโรคประจำตัวด้วย ถนนหนทางสมัยนี้ก็ค่อนข้างอันตราย ผมก็มีจินตนาการไปหลายอย่างเหมือนกัน ก็ถือว่าโชคดีที่ทุกวันนี้ผมได้ออกมา แล้วทุกอย่างก็ยังโอเค และไม่มีอะไรเลวร้ายเกิดขึ้นครับ”
“ยิ่งเห็นภาพนั้นก็อยากจะรีบออกไปดูท่าน และไม่อยากให้เขาคอยมาเยี่ยมเรา คอยมาเป็นห่วงเรา คอยซื้อของและคอยฝากเงินให้เราอีกครับ ดูแล้วมันน่าเหนื่อย และเป็นภารกิจที่ไม่รู้จะจบสิ้นเมื่อไหร่ด้วย เราก็เลยอยากจะทำทุกอย่างที่ทำได้เพื่อให้เราได้ออกมาจากที่นั่นให้เร็วที่สุดครับ”
“ทุกครั้งที่แม่มาเยี่ยมเราจะแอบมองตามหลังทุกครั้ง และมองทุกคน ไม่ใช่เฉพาะคุณแม่ คุณพ่อด้วยครับ หรือแม้กระทั่งเวลามีญาติๆ มา เวลาเขาลาจาก เพราะว่าเวลาคุยกันแต่ละครั้งประมาณ 45 นาที ก็ไม่นาน แล้วอาทิตย์ละครั้งก็จะมีความห่วงหาอาลัยเป็นธรรมดา แต่ทุกครั้งก็จะพยายามสร้างกำลังใจ และมองในจุดที่ดีว่าอย่างน้อยเราก็ยังมีครอบครัวที่อบอุ่น ที่น่ารัก คอยให้กำลังใจ คอยมาดูแลกันไม่หนีไปไหนเลยจนมาถึงวันนี้”
“ซึ่งเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ หลายท่านในนั้นหลายคนเกิดความสูญเสีย หลายคนถูกทิ้ง หลายคนญาติไม่สนใจก็มี ซึ่งเราโชคดีมาก ผมก็เอาจุดนี้เป็นกำลังใจในการใช้ชีวิต ไม่พยายามไปคิดในจุดที่จะทำให้จิตใจเราตกแล้วก็เศร้าหมองครับ”
การที่แพทได้ไปอยู่ข้างในเรือนจำทำให้เรียนรู้สัจธรรมข้อนึงก็คือ การจากเป็นและจากตาย ทรมานพอๆ กัน
“ใช่ครับ จริงๆ แล้วคนที่เข้าไปอยู่ในเรือนจำก็เหมือนคนที่ตายไปแล้ว โดยเฉพาะคนที่รับโทษสูงๆ มันถูกตัดขาดจากสังคมภายนอก จากเพื่อนฝูง จากคนรัก จากอาชีพการงาน ทุกคนจะลืมเราไปในที่สุด ในระยะเวลาผ่านไป 1 ปี 5 ปี 10 ปี ยิ่งโทษสูงด้วย แน่นอนชีวิตส่วนใหญ่จะต้องพยายามโฟกัสอยู่ในเรือนจำ ซึ่งเราต้องยอมรับความเป็นจริงในจุดนี้ให้ได้ ไม่งั้นเราก็คงจะอยู่ด้วยความทุกข์”
“ทุกคนไม่สามารถจะอยู่ร่วมกันได้ตลอดเวลาอยู่แล้ว ไม่มีใครเป็นอมตะและไม่มีใครสามารถดูแลใครไปได้ตลอด เพราะฉะนั้นเราก็ควรที่จะต้องยืนหยัดได้ด้วยตัวเอง และสร้างกำลังใจด้วยตัวเอง และพยายามพึ่งพาคนอื่นให้น้อยที่สุด ชีวิตก็จะอยู่ได้ในวันที่ไม่มีใคร ซึ่งมันเป็นความไม่แน่นอนของชีวิต ทุกคนต้องมองให้ได้ว่ามันเป็นเรื่องธรรมดา มันเป็นสัจธรรม มันเป็นธรรมะครับ”
สิ่งที่แพทเสียใจที่สุดคือทำให้แม่ร้องไห้ น้ำตาของแม่สอนอะไรแพทมากมาย รู้ซึ้งแล้วว่าการทำให้พ่อแม่เสียใจเป็นบาปกรรมที่ใหญ่หลวงมาก
“สอนเรื่องความเศร้าเสียใจจากการกระทำของลูกชายที่เขาก็มีความคาดหวังแหละ ก็ต้องเรียนตรงๆ ว่าในครอบครัวตั้งแต่โตมา หลายๆ คนในครอบครัวก็คิดไม่ถึงหรอกว่าสิ่งที่ผมเจอ สิ่งที่ผมทำจะอะไรขนาดนี้ ทุกคนมีความคาดหวังในตัวผมอย่างมาก ซึ่งผมเองก็ได้ทำให้คุณแม่และครอบครัวผิดหวัง ด้วยการกระทำที่ไม่ได้คิดหน้าคิดหลังให้ดี ด้วยการกระทำที่อาจจะขาดสติแล้วก็คิดอะไรที่ไม่รอบคอบ”
“ก็เป็นสิ่งที่ทำให้เราเสียใจแล้วก็ต้องเปลี่ยนแปลง ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมตัวเอง ไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้และไม่ให้ท่านเสียน้ำตาอีก (ความรู้สึกนี้เป็นสิ่งที่สะท้อนจากน้ำตาคุณแม่เลยใช่มั้ย?) ใช่ครับ คนเรามันผิดพลาดได้ แต่ต้องปรับเปลี่ยนและเรียนรู้จากความผิดพลาดของตัวเอง ไม่ควรที่จะกระทำผิดซ้ำๆ ไม่อย่างนั้นก็จะก่อเป็นเวรกรรมไม่จบสิ้น การทำให้พ่อแม่เสียใจเป็นบาปกรรมที่ใหญ่หลวงครับ”
เล่าโมเมนต์สุดน่ารักของคุณแม่ ชอบทำอาหารให้ทาน บริการทุกอย่าง ผัดหอยลายแกะยันเปลือกหอยให้ ไม่อยากให้ลูกลำบาก
“แม่จะแสดงออกด้วยการกระทำมากกว่า การทำกับข้าวให้กิน การกอด การหอมกัน การใช้ชีวิตด้วยกันมากกว่า แต่จะไม่มีคำพูดอะไรลึกซึ้งเพราะแม่ผมจะไม่ได้เป็นคนพูดจาอะไรที่เป็นแบบนั้นครับ แต่จะเป็นการกระทำที่แสดงออกมา ที่เป็นการดูแลกันมากกว่า (การแสดงออกไหนของคุณแม่ที่เรารู้สึกประทับใจ รักแม่จังเลย?) ส่วนใหญ่ถ้าเราต้องการอะไรเขาก็จะพยายามดูแลให้ทุกอย่าง โดยเฉพาะเรื่องกิน หรือข้าวของต่างๆ หาอะไรให้เรากิน กินเสร็จเขาก็ไปดูละคร แค่นี้เขาก็มีความสุขแล้ว(ยิ้ม)”
“แม่ชอบทำกับข้าวให้กินครับ ก็จะมีเมนูเปลี่ยนแปลงทุกวัน อย่างวันนี้ก็ทำหอยลายผัดพริกเผา แม่ก็ไปแกะหอยมาซะเลี่ยมเลย ไม่มีอะไรให้เราแกะเลย(แอบเมาท์คุณแม่อย่างฮา) ทำเสิร์ฟพร้อมให้เราตักเข้าปาก แต่บางทีมันไม่อร่อยไง แต่เราก็ไม่กล้าพูดว่ามันจะต้องมีเปลือกมาบ้าง ให้เราได้มีกิจกรรมในการกินมันจะได้อร่อยขึ้น แต่นี่หอยมาแบบโล้นๆ เลย ตักเข้าปากเคี้ยว เอ้า! หมดแล้ว ยังไม่มีกิจกรรมอะไรกับการกินเลย แต่ก็ไม่กล้าพูดไง เขาอุตส่าห์แกะมาให้(ยิ้ม)”
“แล้วบางอย่างแกะแล้วไม่อร่อย อย่างมังคุด มันต้องแกะเองถึงจะอร่อย แล้วผลไม้บางอย่างปอกเปลือกก็ไม่อร่อย แต่บางทีก็ด้วยความหวังดีของเขา ก็เป็นสิ่งที่เขาดูแลแทนให้เราทุกอย่าง เขาคงคิดว่าแกะให้เราน่าจะสะดวกในการกินมากขึ้น เพราะบางทีเราต้องรีบไปทำงาน กลัวจะไม่มีเวลามานั่งทำอะไรพวกนี้ครับ (แต่สิ่งนี้ก็เป็นการแสดงออกของความรักที่แม่มีให้แพท?) ถูกต้อง อย่างเรื่องการแกะหอยเนี่ย แล้วก็การปอกผลไม้ด้วย แม่แสดงออกด้วยการกระทำ เขาก็มีความสุขแหละ แต่ถ้าครั้งหน้ามีโอกาสก็จะบอกเขาว่า ไม่ต้องแกะหอย(หัวเราะ)”
แม่ทำอาหารอร่อยทุกเมนู
“แม่ทำอร่อยทุกอย่าง ไม่อยากจะเมาท์เลย ที่นึกออกนะครับก็มี ยำกุ้งแห้ง แม่จะใช้น้ำตาลปี๊บละลายกับน้ำร้อน อันนี้เป็นสูตรเขา แล้วก็แกงหมูใบชะมวง อันนี้สุดยอด แล้วก็น้ำพริกกะปิปลาทู แล้วก็น้ำจิ้มปลาท่องโก๋ เป็นสูตรของจังหวัดจันทบุรี ใช้น้ำส้มสายชูเคี่ยวแล้วก็ใส่น้ำเชื่อม แล้วก็ตำพริกสดใส่เข้าไป เค็มๆ เปรี้ยวๆ หวานๆ อร่อยครับ ผมชอบ เยอะครับหลายเมนูมาก แล้วแม่ทำรสชาติเข้มข้นทุกเมนู”
“ผมก็ชมเขาทุกวันว่าทำอร่อย บางทีเราชมว่าอันนี้อร่อย เขาก็จะบอก อ๋อ…แฟนคลับส่งมา แม่ไม่ได้ทำหรอกก็มี(ยิ้ม) เราก็อ้าวเหรอ…นึกว่าทำเอง เวลาเราชมว่าทำกับข้าวอร่อย เขาก็แอบอมยิ้มแหละ แต่รู้เลยว่าเขาเมมโมรี่ไว้ แล้วเดี๋ยวเร็วๆ นี้จะเจอกับเมนูนี้อีกแน่ๆ(หัวเราะ)”
ต่อคำถามที่ว่าคุณแม่เป็นคนใจดี เข้มงวด หรือเป็นคุณแม่สไตล์ไหน แพทก็เผยว่าเป็นคนขยัน เคยรับจ็อบ ซัก-รีด เสื้อผ้า เคยช่วยแม่เอาเสื้อผ้าไปส่งลูกค้า แม่ดูแลตนดีมาก คอยซักถุงเท้าและกางเกงในให้
“แม่เป็นคนขยัน ช่วงเด็กๆ จำได้เลยว่าแม่ขยันทำงานมาก นอกจากทำงานบ้าน ดูแลเราแล้วเขายังรับจ็อบด้วยนะ คือรับ ซัก-รีด ผ้าให้กับคนในหมู่บ้าน ครอบครัวทางฝั่งคุณแม่จะขยันมากๆ คือคุณตา คุณยายจะขายของอยู่ที่เขาดิน หลังจากแม่ ซัก-รีด เสร็จเขาก็จะขี่จักรยานไปส่งตามบ้านต่างๆ บางทีผมก็ช่วยแม่เอาเสื้อผ้าไปส่งให้ เอาไปแขวนไว้ตามรั้วบ้านเขา บ้านหลังนึงเสื้อผ้าก็หลายชิ้นเหมือนกัน”
“จำได้ว่าแม่ยึดอาชีพนี้เป็นอาชีพเสริมอยู่พักนึงครับ แม่ไม่ได้ขอให้ผมช่วย แต่ผมทำเอง บางทีเราเห็นเขาทำ แต่ก็มีที่บางทีเขาขอให้ช่วยก็มี เพราะเสื้อผ้าเยอะมากก็หนักเหมือนกันครับ เป็นกิจกรรมที่เคยทำร่วมกันกับคุณแม่ตอนเด็กๆ ทุกเย็นตอนหลังเลิกเรียน”
“แม่เป็นคนดูแลผมทุกอย่าง ซักถุงเท้า ซักกางเกงใน แม่จะทำให้ผมหมดเลย เขาเป็นคนขยันทำงานไม่ค่อยได้หยุดพักแล้วสมัยก่อนตอนที่อยู่บ้านคุณย่าก็จะเป็นลูกมือช่วยคุณย่าทำกับข้าว แม่ก็ได้ฝีมือการทำอาหารมาจากคุณย่านี่แหละครับ ทำมะม่วงกวนกินกัน เอาใบตองมานั่งเช็ด ก็เป็นกิจกรรมที่ทำกันในบ้าน กวนทุเรียน เพราเมื่อก่อนคุณย่ามีสวนอยู่ที่จันทบุรี เป็นประสบการณ์วัยเด็กที่ผมพอจะจำได้ ทำข้าวต้มผัด ผมก็ช่วยเช็ดใบตอง กวนทุเรียน ทำตลอดครับ”
ย้อนกลับไปวัยเด็ก เมื่อถามว่าเคยโดนคุณแม่ดุหรือโดนทำโทษเรื่องอะไรบ่อยที่สุด แพทบอกว่าไม่เคยเลยเพราะเป็นเด็กเรียบร้อย
“ผมไม่ค่อยโดนทำโทษเลยครับ เพราะที่บ้านเขาไม่ตี ถ้าตีก็จะเป็นครูที่โรงเรียน แล้วตอนเด็กๆ เราเรียบร้อยด้วยครับ (เคยทำผิดแล้วโดนคุณแม่ดุบ้างมั้ย?) ไม่นะ จำไม่ได้ แต่ก็จะมีบ้างที่แม่จะเปรียบเทียบเรากับลูกบ้านอื่น เป็นธรรมดา(หัวเราะ) เราก็จะมีน้อยใจบ้าง อย่างแบบ ดูลูกบ้านนี้เขาเรียนดีอะไรแบบนี้ ซึ่งผมก็มีความคิดว่าคนเราไม่เหมือนกัน เราไม่ได้เป็นคนที่เรียนแย่ เรียนกลางๆ ไม่ได้โดดเด่นแค่นั้นเอง”
“ตอนเด็กมากๆ ผมน่าจะเป็นเด็กที่ติดแม่เหมือนกันนะ แต่พอเริ่มโตก็จะเริ่มห่างแล้ว เริ่มมีโลกส่วนตัว เริ่มอยากอยู่คนเดียว เป็นธรรมดาตามวัยเด็กผู้ชาย (เรื่องราวน่ารักๆ ระหว่างแพทกับแม่ ที่พอนึกถึงทีไรก็ทำให้เรายิ้มตามได้ตลอด?) ส่วนใหญ่จะชอบแหย่ชอบแกล้งเขา คุยแซวเล่นกับเขา ก็จะยิ้มมีความสุขกัน แซวเขาเวลาเขาดูละคร ก็จะเป็นแบบนี้ตลอด(หัวเราะ) ที่ชอบแหย่ชอบอำเพราะอยากให้เขายิ้มแย้มแจ่มใส สนุกเฮฮา ไม่เครียดไม่เหงา อยากให้เขาอารมณ์ดี”
เรื่องที่ทำให้คุณแม่เสียใจมากที่สุดคือติดยาและติดคุก ทำให้พ่อแม่เสียหน้าและเป็นห่วง
“เรื่องติดยาและติดคุกครับ มันก็เป็นเรื่องที่เลวร้ายมากๆ สำหรับคนเป็นลูก ที่ทำให้พ่อแม่เสียใจ เป็นห่วง แล้วก็เสียหน้า เสียชื่อวงศ์ตระกูล อันนี้คือเป็นเรื่องใหญ่มากๆ ที่เรารู้สึกผิดด้วย มันเป็นเรื่องร้ายแรงมากสำหรับคนเป็นลูก แต่มันก็ผ่านมาแล้ว ผมก็เลยพยายามบอกเยาวชน น้องๆ ทุกคน หรือว่าคนเป็นลูกทุกคนให้ดูแลคุณแม่คุณแม่ให้ดี ทั้งเรื่องของการเป็นอยู่ แล้วก็เรื่องของความรู้สึกครับ ผมเชื่อว่าถ้าคนเรากตัญญู ชีวิตจะไม่พบทางตันอย่างแน่นอนครับ”
“ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ก็อยากจะใช้เวลาอยู่กับแม่ให้มากขึ้นครับ และอยากตอบแทนเขาให้มากกว่านี้ ตอบแทนเขาให้มากกว่าที่ผ่านมา แต่มันก็ย้อนกลับไปไม่ได้ เราก็ทำวันนี้ให้ดีที่สุดแหละ ทุกวันนี้มีโอกาสแล้วผมก็จะทำให้เต็มที่ คืนให้เขาบ้าง อาจจะไม่ได้หนึ่งในร้อยหรอก แต่ก็จะพยายามจะทำให้ครับ”
ปัจจุบันแพทเป็นคนใหม่ที่จะไม่มีวันทำให้แม่เสียใจอีกต่อไปแล้ว ตอนนี้แพทได้ทำในสิ่งที่ทำให้แม่รู้สึกภูมิใจและมีความสุขที่สุด นั่นก็คือการบวช
“ก็เรื่องบวชนี่แหละครับ เขามีความสุขจนเขาล้นปริ่ม ร้องห่มร้องไห้ มีความสุขอย่างยิ่ง เป็นวันที่เขาเฝ้ารอ และด้วยวัฒนธรรมของคนไทยเราด้วย ลูกชายบวชให้ก็เป็นสิ่งดีๆ ที่เกิดขึ้นในครอบครัว เป็นเรื่องของความภูมิใจและเป็นเรื่องของการเติบโตในชีวิตอีกขั้นนึงของเราด้วย ซึ่งเขาก็คงเห็นถึงประโยชน์ในสิ่งที่เกิดขึ้นกับการบวชด้วย และมองเรื่องของการที่เราเข้ามาเรียนรู้ธรรมะให้เติบโต แล้วมันก็จะเป็นคุณกับชีวิตเราด้วย ในการบวชครั้งนี้ ก็เรียกว่าได้ประโยชน์หลายอย่างครับ”
เหมือนกลับไปเป็นเด็กอีกครั้ง ตั้งแต่พ้นโทษออกมาแพทนอนกับคุณแม่ทุกคืน แซวแม่นอนกรน
“นอนกับแม่ทุกคืนครับ นอนฟังแม่กรน(หัวเราะ) เป็นชีวิตที่เราต้องชดเชยให้เขา ให้เขามีความสุข ให้เวลากับเขา แม้ว่าบางทีผมจะทำงานกลับดึกๆ ก็ต้องกลับมานอนบ้านทุกวัน กลับมานอนห้องเดียวกับคุณแม่ทุกวัน เตียงก็จะเป็นเตียงเดียวกันนั่นแหละแต่ว่ามี 2 ชั้น เป็นความใกล้ชิดที่ผมอยากจะมอบให้เขา คืนให้เขาหลังจากที่เราห่างเขามานาน วันนี้ได้อยู่ใกล้กันแล้วก็อยากจะทำให้ดีที่สุดครับ”
“เราอยากจะชดเชยให้เขามากกว่า ส่วนเรื่องความรักอะไรต่างๆ ผมได้รับมาตลอดอยู่แล้วจากทุกคนในครอบครัว อยากจะให้เขามีความสุขเยอะๆ ในวันที่เรากลับมา ชดเชยให้เขาในวันที่เขาต้องนอนคนเดียว และต้องรอคอยเราเป็นระยะเวลานานเกือบ 20 ปีครับ”
แม้แพทจะเคยทำผิดพลาดจนเป็นฝันร้ายของครอบครัว แต่คุณแม่ก็ไม่เคยคาดคั้นขอคำสัญญาอะไรจากแพทเลยสักครั้ง
“ไม่ขอหรอกครับ ไม่มีใครคาดคั้นหรือให้ผมสัญญาอะไรหรอก เพราะว่าทุกสิ่งทุกอย่างเขาก็เชื่อมั่นว่าเราได้ผ่านประสบการณ์ตรง จากความสูญเสีย จากความทุกข์ทรมาน เราก็เข็ดหลาบในหลายๆ สิ่ง แล้วเราก็คงเติบโตจากสิ่งที่เราเรียนรู้มาแล้ว เพราะฉะนั้นทางบ้านทุกคนก็ค่อนข้างไว้วางใจ แล้วก็ไม่คาดคั้นเอาคำสัญญา เพราะสุดท้ายแล้วสัญญาไปแล้วทำไม่ได้ มันก็เป็นแค่คำพูด”
พ่อ แม่ และพี่สาว เป็นห่วงเรื่องผู้หญิงมากที่สุด กลัวแพทเจอผู้หญิงไม่ดีและพลาดอีก
“น่าจะเรื่องมีครอบครัวมั้งครับ เรื่องผู้หญิงเรื่องอะไรพวกนี้แหละ เขาไม่อยากให้มี เขาบอกอายุ 60 ค่อยแต่งงานได้มั้ย เขาก็ไม่อยากให้มีเรื่องพวกนี้ (ตอนได้ยินตัวเลขที่แม่บอกว่า 60 ค่อยแต่งงาน เราใจหายแว้บเลยมั้ย?) ก็ไม่รู้แม่พูดเล่นหรือพูดจริงเหมือนกันครับ(หัวเราะ) ผมก็ไม่เชื่อหรอก ถึงวันนั้นถ้ายังอยู่ด้วยกัน ผมว่าต่อให้ผมอายุ 60 แม่ก็ไม่อยากให้มี เอาจริงๆ ตามประสาคนเป็นแม่”
“แม่ไม่อยากให้มีแฟน เขากลัวเราเจอคนไม่ดี กลัวเราไม่มีเวลาให้เขาเพราะตอนวัยรุ่นผมเคยเป็น (ตอนวัยรุ่นเราติดแฟนแล้วก็ห่างคุณแม่?) ใช่ครับ เขาก็กลัว (แล้วเราให้ความมั่นใจกับคุณแม่เรื่องนี้ยังไงบ้าง?) ไม่ได้ให้หรอกครับ เราก็ขำๆ มากกว่า ของพวกนี้มันก็แล้วแต่ชะตาฟ้าลิขิตละกัน ทุกคนในครอบครัว ทั้งคุณแม่ คุณพ่อ แล้วก็พี่สาว ก็เป็นห่วงผมมากๆ ครับ โดยเฉพาะเรื่องผู้หญิง เขาจะเป็นห่วงมาก กลัวเจอคนไม่ดี กลัวเราไปพลาด หรือว่าถูกชักจูงไปในทางที่ไม่ดีอีก เขาก็มีภาพจำเก่าๆ มีประสบการณ์อะไรต่างๆ ที่เขาเมมโมรี่ไว้ ซึ่งเราก็เข้าใจเรื่องนี้ดี ว่าเขาเป็นห่วงเราเพราะอะไร”
เรื่องผู้หญิง แพทมั่นใจว่าจะไม่ทำให้ประวัติศาตร์ซ้ำรอย และได้บอกพ่อ แม่ และพี่สาวแล้วว่าไม่ต้องห่วง ตนคิดได้แล้ว
“ก็บอกครับ ก็คุยกัน ก็บอกเขาว่ามีประสบการณ์ชีวิตมาขนาดนี้แล้วก็ไม่ต้องห่วงหรอก อายุขนาดนี้แล้วเราก็คิดได้ เราก็มองเห็นอะไรมาเยอะพอสมควรแล้ว ก็อยากให้เขาสบายใจ แต่เขาก็ไม่สบายใจหรอก เขาไม่วางใจหรอก ก็อย่างที่รู้ว่าเขามีความเป็นห่วงเป็นธรรมดา รักมากก็ห่วงมาก (แล้วตัวแพทเองล่ะ มั่นใจมั้ยว่าจะทำให้ครอบครัวหายห่วงเราได้ในเรื่องนี้?) ค่อนข้างมั่นใจพอสมควรครับ”
“(เรามั่นใจว่าจะไม่ทำให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอย?) ใช่ครับ มันจะไม่มีทางซ้ำรอยอย่างแน่นอน สำหรับตัวผมเองนะ แต่ถ้ามันจะมีเหตุการณ์ที่มันเกิดขึ้นอีกก็คงเป็นเรื่องของกรรมแล้วล่ะ คงจะเป็นสิ่งที่เราอาจจะเคยทำกับเขาไว้แล้วต้องมาชดใช้กันในชาตินี้ (แสดงว่าส่วนตัวแพทก็เชื่อเรื่องกรรม?) เชื่อครับ ทุกอย่างแหละ คนเรามาเจอกันมันมีเหตุหมด อาจจะเป็นชาติภพภูมิที่เราจำไม่ได้ก็ได้”
น้อยคนนักที่จะรู้ว่าแพทมีมุมมุ้งมิ้ง เป็นผู้ชายวัย 41 เป็นนักร้องเพลงร็อก บุคลิกนิ่งๆ สุขุม แต่เวลาอยู่กับคุณแม่ แพทเรียกตัวเองว่า “หนู” น่ารักเวอร์
“ส่วนใหญ่ผมจะเรียกชื่อตัวเอง แต่ถ้ามีก็น่าจะเป็นเพราะหยอกแม่มากกว่าครับ โมเมนต์ที่ผมเรียกตัวเองว่าหนูน่าจะเป็นการแหย่หรือแกล้งเขามากกว่า เรียกว่าอ้อนเขาครับ (ตั้งแต่ออกมา แพทกอด หอม และบอกรักคุณแม่กี่ครั้งแล้ว จำได้มั้ย?) จำไม่ได้ครับ เพราะทำตลอด กอด หอมตลอด เป็นเรื่องปกติของครอบครัวอยู่แล้วครับ”
พร้อมทิ้งท้ายฝากความรู้สึกถึงคุณแม่ ที่ทั้งแสบ ทั้งฮา และน่ารัก สไตล์แพท
“ก็อยากจะให้แม่ดูแลตัวเองเยอะๆ อะไรที่กินแล้วจะเสียสุขภาพ แม่เป็นเบาหวานอยู่ พวกขนม ป๊อบคอร์น ก็น่าจะลดๆ หน่อย รู้แหละว่าชอบ ก็กินได้แต่อย่ากินเยอะ เวลาดูละครก็ชอบเพลินไง ก็ควรที่จะ… จะกินก็กิน จะดูก็ดู มันจะได้ไม่เพลิน(หัวเราะ) ก็เป็นห่วงสุขภาพนะครับ รักมากเหมือนเดิม จุ๊บๆ”