ทำเอา “เก๋ ชลลดา เมฆราตรี” ประธานมูลนิธิเดอะวอยซ์ (เสียงจากเรา) ถึงกับงง กับเคสที่ตนและมูลนิธิ ได้เข้าไปช่วยเหลือสุนัข 44 ตัว แต่โดนเจ้าของบ้านแจ้งความข้อหาบุกรุกบ้านทั้งที่ก่อนเข้าบ้านได้มีการพูดคุยกันแล้ว ล่าสุดบ่ายวันนี้(11ส.ค.) เก๋ ชลลดา พร้อมด้วย “นายพีระบุญ เจริญวัย” ประธานองค์สวัสดิภาพสัตว์ หรือ The Hope Thailand พร้อมทนายความ “เจมส์ นิติธร แก้วโต” ได้เดินเข้าพบพนักงานสอบสวน สน.นิมิตรใหม่ เพื่อรับฟังข้อกล่าวหาหลังถูกออกหมายเรียกกรณีเข้าไปช่วยเหลือสุนัขกว่า 44 ตัว ที่บ้านแห่งหนึ่งในซอยนิมิตรใหม่ 40 แขวงสามวาตะวันออก เขตคลองสามวา เมื่อวันที่ 20 พ.ค.64 แต่กลับถูก “นายอรรถพล” เจ้าของสุนัขแจ้งความดำเนินคดีในข้อหาข้อหา ร่วมกันบุกรุก มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 1 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ โดยเก๋ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนถึงเรื่องนี้ว่า…
“วันนี้มารับฟังข้อกล่าวหา มีคนแจ้งความกับมูลนิธิเก๋ ข้อหาบุกรุกซึ่งมีเก๋เป็นประธานมูลนิธิ ก็แจ้งอีกหนึ่งมูลนิธิที่ไปด้วยกัน เคสนี้เป็นเคสที่เราลงพื้นที่เมื่อวันที่ 24 พ.ค. ก็นานแล้วเหมือนกัน เพิ่งมีการแจ้งความในข้อหาบุกรุกคือเราเข้าไปช่วยเหลือสุนัขทั้งหมด 44 ตัว นี่ขนาดให้ปากคำเสร็จแล้ว นี่ก็ยังงงอยู่เลยว่าทำไมคู่กรณีคือคุณ อรรถพล เจริญพิทักษ์เขาถึงแจ้งความเรา ที่เราบุกรุกก็เพื่อจะเอาสุนัขเขามารักษาปฐมพยาบาลทั้ง 44 ตัว”
เล่าเหตุการณ์วันที่เข้าไปช่วยเหลือสุนัข
“วันนั้นหน้างานไม่ใช่ทีมงานกับเก๋ลงพื้นที่ไปกันง่ายๆ นะ เรามีการแจ้งตำรวจ มีเจ้าหน้าที่ปศุสัตว์ลงพื้นที่กับเราทั้งหมดเลย มีนักข่าวไปด้วย หน้างานมีทั้งหมด 15 คน แต่แจ้งความแค่ 2 คนคือเก๋กับพี่ปุ๋ม เดอะโฮส เราลงพื้นที่เพื่อจะไปจับสัตว์ออกมา มีคนแจ้งร้องทุกข์มาว่ามีเคสข้างบ้านมีสุนัขไว้ในครอบครองเกินกว่าที่เจ้าของจะรับผิดชอบได้ สองเจ้าของบ้านได้มีการโพสต์เฟซบุ๊ก ลงรูปภาพว่ามีการตายอย่างไม่ปกติของสุนัข มีการขุดหลุมฝังที่สวนในบ้าน สามเผอิญว่าเคสนี้มีคนแจ้งเคสเรามาเยอะมากเลย
รายนึงที่แจ้งมากับแอดมินเราคือร้านอาบน้ำสุนัขที่เขาเห็นว่าสุนัขมีสภาพที่น่าสงสารมาก พอเรารวบรวมปรากฏว่ามันเป็นเคสเดียวกันหมด มีคนร้องเรียนมาจากหลายที่มากๆ เราก็เลยลงพื้นที่ตรวจสอบ เราก็ทำหน้าที่ปกติเหมือนเวลาที่มีการแจ้งเคสอื่นๆ ทั่วไป เราต้องไปแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ เจ้าหน้าที่ปศุสัตว์เพื่อขอเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่กับเรา เป็นธรรมเนียมปฏิบัติอยู่แล้วเวลาที่ช่วยเหลือสัตว์ที่มีเจ้าของ แล้วเจ้าของดูแลไม่ได้ดี”
ในวันนั้นที่ลงพื้นที่เจ้าของก็อยู่ด้วย หลังจากที่ถูกแจ้งความได้ให้เจ้าหน้าที่ของตนติดต่อลุงไป แต่ติดต่อไม่ได้
“เรามีภาพทุกอย่างจากทีวีที่มีนักข่าวไปสัมภาษณ์ ลุงเป็นคนเปิดประตูบ้านให้เราเอง ช่วยเราจับสุนัขด้วย วันนั้นเขาก็ไม่ได้มีท่าทีอะไร วันนั้นเก๋ยังลงโซเชียลเลยว่าโชคดีมากเลยที่เคสนี่เจรจาตกลงกันได้ด้วยดี คุณลุงยอมให้เรานำสุนัขทั้งหมดออกมารักษาพยาบาล หน้างานยังมีการตกลงกันว่าคุณลุงดูแลได้ไหวแค่ไหน คุณลุงเลือกตัวที่แข็งแรงที่สุดไปเลยนะ ตัวที่ไม่ไหวก็ขอโอกาสให้พื้นที่ the voice นำมาหาบ้าน นำมารักษาเถอะ ก็ตกลงกันได้ด้วยดี มีการทำหนังสือสัญญายกมอบ การเซ็นรับรู้ จนถึงที่ว่าคุณลุงอยากจะขายสุนัขกับเรา เราก็ยินดีซื้อ เพราะแกไม่มีศักยภาพที่จะเลี้ยงไหว หลังจากถูกแจ้งความก็มีเจ้าหน้าที่ติดต่อไป แต่แกบอกว่าไม่คุยแล้วแกจะดำเนินคดีกับตัวเก๋ พี่ปุ๋ม แล้วก็ The voice ของเราอย่างถึงที่สุด จากเอกสารก็มีการเซ็นยินยอมให้เราเข้าบ้าน เจ้าหน้าที่ปศุสัตว์ก็เป็นพยานให้เรา เจ้าหน้าที่ปทุมธานีก็ไปกับเราด้วย ถึงบอกว่าเรามาด้วยความไม่เข้าใจเหมือนกันว่าเราโดนแจ้งข้อกล่าวหาได้ยังไง”
ไม่กล้าตัดสินว่าคุณลุงปกติไหม แต่มาโดนแบบนี้ในช่วงที่สถานการณ์บ้านเมืองไม่ปกติก็รู้สึกบั่นทอนจิตใจ
“เก๋ก็ไม่กล้าไปตัดสินนะคะ ก็ต้องเป็นทางเจ้าหน้าที่รัฐ หรือเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญตัดสินอีกทีนึง เอาจริงๆ เก๋อยากให้ทางคุณลุงมาเจรจากับทีมงานของเราดีๆ เราไม่ได้ดูแลแค่สัตว์เราก็ดูแลคุณลุงด้วย ยังถามไถ่แกอยู่บ้านตัวคนเดียว เราก็ยังมีการส่งอาหาร ส่งข้าวส่งน้ำช่วยดูแลจัดการในหลายๆ เรื่องให้แก เลยไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น ลุงไปโกรธใครอะไรมาถึงกลับมาเป็นเรื่องเป็นคดีความกันแบบนี้ ในช่วงสถานการณ์แบบนี้ บ้านเมืองเป็นแบบนี้ ไม่ควรจะมีเรื่องแบบนี้เลย มันบั่นทอนจิตใจ บั่นทอนเวลาของเจ้าหน้าที่ ทนายความ เก๋ต้องไปเชิญคนนั้นคนนี้มาช่วยเหลือเรา”
ลั่นตอนนี้เป็นคดีอาญา ตำรวจกำลังช่วยเจรจาเพื่อให้เคลียร์กันได้โดยไม่ต้องไปเจอกันที่ศาล
“เป็นคดีอาญาไปแล้ว เป็นเลขทะเบียนสั่งฟ้องไปที่อัยการแล้ว ต้องไปดูในชั้นอัยการต่อไป วันนี้เจ้าหน้าที่ก็บอกว่าจริงๆ เป็นเรื่องที่เรียกมาคุยกันได้นะ เดี๋ยวลองถามคุณลุงว่าจะจบยังไงได้ จะขอไม่ส่งฟ้องได้ไหมถ้าตกลงกันได้ นี่เป็นแค่การหารือนะคะ แต่ข้อมูลล่าสุดที่เราคุยมาเมื่อวานแกบอกว่าแกจะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด
มันก็บั่นทอนนะคะ เหมือนเป็นแบบฝึกหัดชีวิตให้เก๋ไปเลย ได้เรียนรู้กฎหมายนิติศาสตร์ไทยในช่วง 4 วันที่ผ่านมา สองคือเจ้าหน้าที่พนักงานทุกคนของเก๋ก็ต้องทำงานกันอย่างรอบคอบ ครั้งต่อไปจะต้องตรวจสอบกฎหมาย เอกสารทุกอย่างชัดเจน คือเชื่อลมปากไม่ได้แล้ว บอกว่าให้เข้าแล้วสุดท้ายมามีปัญหาแบบนี้ไม่ไหว จริงๆ วันนั้นเขาบอกให้เราเข้าบ้านได้ แต่เขาไม่ให้เราเข้าตัวบ้าน แต่วันนั้นสุนัขมันหลุดเข้าไปในตัวบ้านเขา เก๋กับพี่ปุ๋มก็ช่วยกันจับสุนัขตัวนี้ ซึ่งคุณลุงเองก็ช่วยจับด้วย แล้วแกก็มาแจ้งความข้อหาบุกรุกเพราะว่าเก๋เข้าไปในตัวบ้านแก แกไม่อนุญาต แกให้เข้าแค่ตัวบริเวณบ้าน เรื่องมีแค่นี้เลย”
ก่อนหน้านี้มีความสัมพันธ์ที่ดีกับคุณลุงมาโดยตลอด ไม่ทราบเหมือนกันว่าอีกฝ่ายโกรธอะไรตน
“ไม่หรอกค่ะ แกโกรธอะไรก็ไม่ทราบ คือวันนั้นสุนัขมันวิ่งแกก็ช่วยดักจับสุนัขไว้ แกยังอุ้มสุนัขส่งมาให้เก๋เลย เลยคิดว่ากลับกลายเป็นคดีความได้ยังไง ไม่รู้เกิดอะไรขึ้น ให้คดีนี้มีการเจรจาตกลงกันได้ด้วยดี อย่างที่บอกว่าสุนัข 32 ตัวที่เราช่วยออกมาแล้ว คือมีสุนัขทั้งหมด 44 ตัว เราคืนคุณลุงไป 8 ตัวที่ดีและแข็งแรงที่สุด เพื่อหวังว่าคุณลุงจะได้ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายรักษาพยาบาลสุนัข 32 ตัวตอนนี้ได้บ้าน ใช้ชีวิตมีความสุข มีชีวิตมีโลกใบใหม่ไปแล้ว อีก 4 ตัวต้องรักษาบำบัดทางจิตเวช คือมีคนมาดูตัวนะแต่ไม่มีใครกล้ารับกลับไป เขามีอาการหวาดระแวงหวาดกลัวมาก ก็ต้องพาไปรักษาจิตใจทางจิตเวชของสัตว์กันไป”
วอนคุณลุงติดต่อกลับมาเจรจากัน
เก๋ : “รอดูว่าคุณลุงจะยอมมารึเปล่า ตอนนี้ติดแค่คุณลุงอย่างเดียวเลย”
ทนายเจมส์ : “ถ้าคุณลุงไม่ยอมมาเรื่องก็จะถึงชั้นศาล ก็ต้องดำเนินการไปตามขั้นตอนของศาล กรณีบุกรุก เรื่องถึงศาลก็จะต้องไปไกล่เกลี่ยกันที่ศาล เป็นค่าปรับ แต่จะเท่าไหร่ก็แล้วแต่ดุลยพินิจ เป็นไปได้คือควรจะจบในชั้นพวกนี้ ก็รอดูว่าคุณลุงเขาจะยอมด้วยไหม ถ้าคุณลุงไม่ยอมจริงๆ ก็ต้องปล่อยไปตามกระบวนการ”
เก๋ : “จริงๆ แล้ว the voice ผ่านมาหลายคดีแล้ว แต่คดีนี้เป็นคดีไม่ได้ใหญ่และหนักหนาอะไรเลย เพียงแต่ว่ามันเป็นคดีที่เสียเวลาเท่านั้นเอง ก็อยากให้คุณลุงติดต่อกลับทางเจ้าหน้าที่เรามานะคะ คุณลุงมีเบอร์ทั้งเบอร์ มีทั้งไลน์เจ้าหน้าที่เรา คุณลุงเคยคุยอยู่แล้ว อยากให้มีอะไรก็มาพูดคุยกัน เราก็มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันก็ไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้น อยากให้คุณลุงติดต่อกลับมา”
