เปิดคำพูด “ทอยทอย ธนภัทร” นักแสดงซีรีส์วายหลังก่อเหตุแทงแฟนสาวเสียชีวิต หลังพี่ที่สนิทยอมรับว่าเจ้าตัวเอ่ยปาก “ผมอยากฆ่าตัวตาย” เผยอีกมุมของชีวิตที่ต้องสู้และกดดัน พร้อมถูกแย่งงาน จากเด็กเสิร์ฟในร้านชาบูกว่าจะมีวันนี้ ยืนยันนักแสดงหนุ่มรับรู้ถึงอาการป่วยของผู้ตายและสัญญาว่าช่วยดูแล
ยังคงเป็นเหตุการณ์สะเทือนขวัญชาวกรุง ต้อนรับเช้าวันศุกร์ (6 ส.ค.)ที่ผ่านมา กรณีที่ “ทอยทอย ธนภัทร ชนะกุลพิศาล” นักแสดงหนุ่มซีรีส์วายได้ก่อเหตุแทงแฟนสาว “พิม” เสียชีวิตคาบ้านพัก จนกลายเป็นข่าวใหญ่โต ล่าสุดศาลมีนบุรีไม่อนุญาตให้ประกันตัว เหตุเห็นว่าเป็นพฤติกรรมที่รุนแรง โดยทนายของฝ่ายผู้ต้องหาได้ยื่นอุทธรณ์ขออนุญาตปล่อยตัวชั่วคราวไปอีกรอบ
และหนึ่งในนั้นที่ได้เข้าเยี่ยมและพูดคุยกับผู้ต้องหา หลังจากที่ถูกควบคุมตัวมา สน.คันนายาว ก็คือ “แอร์ พิเชษฐสหัช บิลกาซิเมน”ผู้ชักนำนักแสดงหนุ่มเข้าวงการและ เรียกได้ว่าเป็นพี่ที่สนิทและเป็นที่ปรึกษาเวลาที่นักแสดงหนุ่มเกิดปัญหา รวมไปถึงเขาคือคนแรกที่ “ทอยทอย” โทรหาหลังเกิดเหตุ
“รู้จักกับทอยมาก็ตั้งหลายปีแล้ว ตั้งแต่เข้าวงการมาใหม่ๆ เป็นคนชักจูงเข้ามา แรกเริ่มที่รู้จักกันเพราะเป็นดีเจของอารีน่าด้วยกัน อยู่สังกัดเดียวกัน และทอยก็เข้าสู่วงการ ด้วยการอยากแสดงหนัง โฆษณา และพอมาอยู่กรุงเทพฯ ผมก็ช่วยพาไปแคสงาน จนได้สนิทกันและรู้จักกัน คือเป็นช่วงชีวิตนึงของเขา พอทอยจบ ม.6 เขาก็ได้เข้ามาใช่ชีวิตในกรุงเทพฯ เริ่มจากทำงานเป็นเด็กเสิร์ฟที่ร้านชาบู ผมก็ไปดึงตัวเขามาบอกว่ามีงานนึงนะ ไปแคสงานที่มาร์เวลล์ที่มาเปิดที่เมืองไทย และได้เป็นสไปเดอร์แมน จนมีวันหนึ่งมีพี่ผู้กำกับมาเห็น และเข้าตาก็ชวนไปแคสงาน เราอยู่คอนโดเดียวกันแต่คนละตึก แต่ก็ดูแลกันมาตลอด จะเข้าใจว่าเขาเป็นคนนิสัยยังไง ก็เกือบๆ 3-4 ปีที่อยู่ด้วยกัน ก่อนที่ทอยจะย้ายไปอยู่กับแฟนที่เพิ่งเสียชีวิตไป เราก็อยู่ด้วยกันตลอด ตั้งแต่ช่วงโควิด และตอนนั้นผมย้ายงานและยังไม่มีห้อง เขาก็เลยชวนให้มาอยู่ด้วยกันก่อน อยู่ด้วยกันมาตลอด จนถึงที่เพิ่งย้ายออกไป
ถามว่าสนิทไหม ผมก็อยู่ในทุกชีวิตของความรู้สึกเขา เขาอกหัก โดนแย่งงาน แคสงานไม่ผ่าน เสียใจ ร้องไห้ ผมก็อยู่ตรงนั้น และหลังจากเกิดเหตุการณ์ที่ผ่านมา ผมเป็นคนแรกที่เขาโทร.มาหาแล้วเขาร้องไห้กับสิ่งที่เกิดขึ้น ซึ่งผมไม่สามารถเปิดเผยได้ เพราะอาจจะมีผลต่อรูปคดี แต่รู้แค่ว่าเขาร้องไห้และเสียงสั่น
ส่วนเขาไปคบกันตอนไหน ผมไม่รู้ แต่มารู้อีกทีตอนที่เขาหายออกจากบ้านไปประมาณ 3-5 วัน จนมารู้อีกทีว่าเขาจะย้ายออกไปอยู่กับคนนั้น ผมก็เลยโทร.ไปสอบถาม ไปคุยว่าทำไมถึงย้ายออกไป และก็ถามว่าไปคบกันตอนไหน ทำไมไม่เห็นรู้เลย ทอยก็เล่าให้ฟังว่ารู้จักกันอย่างงั้นอย่างงี้ คุยกันครั้งแรกและก็คลิกกัน เคมีเข้ากัน เขาก็เปิดใจคุยกันหลายอย่าง เหมือนว่าไปด้วยกันได้ มีอะไรคล้ายๆ กัน ผมก็เลยถามว่ารู้ใช่ไหมว่าเขาเป็นโรคซึมเศร้าตามที่เขาโพสต์ก่อนหน้านั้น ทอยบอกว่ารู้ และรู้ใช่ไหมว่าเขาอารมณ์แปรปรวน ทอยก็บอกว่าก็รู้ เราก็เลยถามว่าจะอยู่ด้วยกันได้ใช่ไหม จะมีปัญหาไหม ทอยก็บอกว่าก็ต้องลองดู เพราะทอยรับปากแม่เขาไว้แล้วว่าจะช่วยดูแลจนถึงที่สุด เราก็เลยว่าโอเค ถ้ามีปัญหาอะไรก็ติดต่อมาแล้วกัน แต่ก่อนวันที่จะเกิดเรื่อง เราก็ตั้งใจไว้แล้วว่าโทร.หาน้อง จะถามว่าเป็นไงบ้าง สบายดีไหม เพราะไม่ได้คุยกันหลายวันแล้ว ซึ่งก่อนจะโทร.ในคืนนั้น เราก็ดูนาฬิกาแล้วว่าดึกไปไหม เลยคิดว่าพรุ่งนี้เช้าค่อยโทร.แล้วกัน จนมีเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้น เขาจึงโทร.มา
ระหว่างที่อยู่ด้วยกัน คือเรื่องอารมณ์ต่างๆ หนึ่งเลยเขาเป็นวัยรุ่น เรื่องอารมณ์ก็เป็นปกติของคนทั่วไป แต่ด้วยความที่เขาอยู่กับเรา เรารู้ว่าเขาเป็นคนยังไง เราก็พยายามสอนตลอดว่าอะไรเลี่ยงได้ก็ต้องเลี่ยงนะ ตลอดที่อยู่ด้วยกันมา น้องไม่เกิดเหตุการณ์อะไรขึ้น ซึ่งมันเหมือนมีอะไรดลใจแบบตะหงิดใจว่าให้น้องกลับมาอยู่ด้วยที่บ้านดีกว่า เรายังไม่ค่อยไว้ใจว่ามันจะเป็นยังไง แต่ก็เลยกะว่าวันรุ่งขึ้นจะโทร.บอก เพราะเราเป็นห่วงเขา เรารู้ว่าเขาเป็นคนยังไง และสิ่งที่เขากดดันมาก่อนที่จะมาเจอคนนี้ มันมีเรื่องราว เหตุการณ์ก่อนหน้านี้ เขามีเรื่องที่เขาคิดอยู่ เขาน้อยใจเกี่ยวกับงานนี่แหละ เขาก็มาระบายให้ฟังว่าทำไมเขาเกิดมาต้องเจอแบบนี้ ทำไมเขาไม่เหมือนคนอื่น เราก็พยายามให้กำลังใจมาตลอด จนเขาก็สู้ของเขาต่อ จนเขาก็พยายามทำอะไรได้สำเร็จ”
เผยทอยทราบเรื่องอาการป่วยแฟนสาว พร้อมช่วยดูแล ทอยช็อกสติหลุดหลังก่อเหตุ หลุดบอกอยากฆ่าตัวตาย
“คืออาการของแฟนเขา จากที่ผมได้สอบถามทอย ทอยบอกว่าทราบอยู่แล้ว ก็เลยตัดสินใจอยากจะช่วยดูแล แต่ตลอดเวลาที่เราอยู่ด้วยกัน เขาไม่ได้มีพฤติกรรมดังกล่าวเลย เขาเคารพผมมากที่สุด มีปัญหาอะไร ผมก็จะเป็นคนแรกที่อยู่ข้างๆ เขาตลอด ก็จะคอยคุย คอยให้กำลังใจ ก็เลยจะไม่ค่อยมีปัญหาอะไรกัน (เราเคยเจอฝ่ายหญิง แฟนของทอยไหม?) จริงๆ ได้เจอแค่ครั้งเดียว ไม่กี่วันก่อนที่จะเกิดเหตุ ตอนที่ทอยเข้ามาเอาคอมพิวเตอร์และก็มาเก็บเสื้อผ้า ก็ได้เจอ ก็ได้คุยกันบ้าง เราก็เข้าใจว่าเขาเป็นคนแบบไหน เป็นคนพูดเก่ง พูดเยอะ แต่จะอารมณ์แปรปรวนไหม อันนี้ผมก็ไม่ค่อยแน่ใจ แต่จากที่คุยกันก็ไม่มีอะไรผิดปกติเลย จากในสตอรี่ใน close friend ก็เห็นว่าเขารักกันดี แต่ไม่ทราบว่าอะไรเป็นตัวกระตุ้นหรือว่าเหตุจูงใจอะไรที่ทำให้เกิดเหตุขึ้นแบบนั้น”
“ซึ่งก่อนหน้านี้ผมก็ไม่อยากให้เขาแยกออกไป หนึ่งในเรื่องของความเป็นอยู่ ถ้าออกไปตอนนี้โควิดงานก็ไม่ค่อยมีนะ ซีรีส์ที่เขาเล่นก็ยังไม่เปิดกล้องนะ ถ้าไปแล้วจะทำยังไง สองในเรื่องอารมณ์ความเครียดกับสิ่งที่เขาเจอมา แต่เขาก็ไม่เคยแสดงออกมาว่าจะระเบิดหรือว่ายังไง แต่เราแค่เห็นว่าเขาเครียดและมาขอคำปรึกษาบ่อยๆ หรือว่ามาร้องไห้บ่อยๆ เราก็แค่ให้กำลัง และวันนี้ที่ผมหาก็อยากให้ได้พูด ได้พูดความจริงเพื่อประโยชน์แก่ตัวเขาเอง เพราะผมก็ให้คำตอบไม่ได้ ผมรู้แค่ว่าจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เขาได้สติหลุดไปแล้ว เขาบอกกับผมตลอดว่าเขาอยากฆ่าตัวตาย ซึ่งเราก็ได้ห้ามว่าอย่า อย่าทำแบบนั้น ผมก็แนะนำให้เขาแจ้งความ แจ้งตำรวจอย่างเดียว และให้รอทุกอย่างให้ตำรวจมา ให้รถพยาบาลมา ก็พยายามพูดกับเขาตลอด ตั้งสติ และดูว่าอาการผู้หญิง เขาเป็นยังไงบ้าง ให้สังเกตอาการ ตอนแรกเขาก็อยากฆ่าตัวตาย เขาไม่อยากอยู่แล้ว ผมก็เป็นห่วงเพราะเขาก็ช็อก และก็จะพยายามอยู่ข้าง”
