เรื่องของวิกฤตของไวรัสโควิด – 19 นับวันจะยิ่งกลายเป็นประเด็นให้ถูกหยิบยกขึ้นมาวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างหนาหู
โดยเฉพาะประเด็นที่มีบุคคลแทบจะทุกภาคส่วนออกมาเคลื่อนไหวในเชิงไม่ยอมรับกับระบบการบริหารจัดการของภาครัฐบาล ที่ดูเหมือนจะล้มเหลวไปแทบจะทั้งสิ้น .ซึ่งนั่นก็นำพามาซึ่งการที่ทั้งประชาชนก็ดี ทั้งสื่อมวลชนก็ดี ถูกปิดกั้นสิทธิเสรีภาพในการวิพากษ์วิจารณ์ หรือนำเสนอข่าว ซึ่งถูกตีความด้วยคำว่า
Fake News
หรือถ้าจะถอดความหมายกันตรงตัว ก็คือ “ข่าวอันเป็นเท็จ”
ถึงขนาดมีการออกเป็นพระราชกิจจานุเบกษา
ห้ามสื่อมวลชนเสนอ “ข่าวอันเป็นเท็จ” ทำให้ประชาชนเกิดความหวาดกลัว กระทบต่อความมั่นคงรัฐ หรือศีลธรรมอันดีของประชาชน ในเขตพื้นที่ที่ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน หากพบมีการกระทำผิดดังกล่าว ให้อำนาจ กสทช.ควบคุม ระงับการให้บริการทางอินเทอร์เน็ต และส่งดำเนินคดีได้
ถ้าว่าการนำเสนอข่าวที่มีข้อมูลส่วนหนึ่งส่วนใดไม่ตรงกับข้อเท็จจริง เป็นความผิดมหันต์ตาม “ข้อกำหนด” หรือ “ข้อห้าม” ดังกล่าว
คำถามก็คือกรณีของผู้ประกาศข่าวช่อง 3 อย่าง “ไก่-ภาษิต อภิญญาวาท” สมควรที่จะต้องถูกลงโทษตามความผิดในสถานใดบ้าง !!???
เพราะในฐานะผู้ประกาศข่าว เป็นสื่อมวลชน อยู่ในช่องใหญ่ ที่สมควรจะต้องมีการตรวจเช็คข้อมูลให้ละเอียดรอบคอบก่อนที่จะนำมารายงานนั้น แต่ปรากฏว่าข่าวที่ผ่านการนำเสนอของผู้ประกาศข่าวคนนี้ กลับมีข้อมูลที่ไม่ถูกต้องอยู่บ่อยครั้ง โดยเฉพาะประเด็นที่กำลังเป็นที่สนใจของคนทั้งประเทศ เกี่ยวกับสถานการณ์โควิด – 19 หรือแม้กระทั่งเรื่องของวัคซีนก็ตาม
การนำเสนอข่าวที่ปราศจากการกลั่นกรองที่รอบคอบ หรือการได้รับข้อมูลข่าวสารใดๆ ก็ตามจากแหล่งข่าวที่ขาดความน่าเชื่อถือ บ่อยครั้งเข้า ตัวเองก็จะขาดความน่าเชื่อถือตามไปด้วย
โดยเฉพาะการทำหน้าที่อยู่ในทีวีช่องหลัก ที่แน่นอนว่าสิ่งที่คนดูคาดหวัง ก็คือข้อเท็จจริง ที่จะต้องมีประจักษ์หลักฐานที่อ้างอิงได้ และทั้งนี้ทั้งนั้น จะต้องนำเสนอโดยไม่ใช้ความรู้สึกส่วนตัวเป็นบรรทัดฐาน เพราะกลไกในการนำเสนอข่าว สิ่งที่จำเป็นต้องมี ก็คือความถูกต้อง ความเป็นกลาง ไม่เอียง หรือถือข้างไปฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ด้วยอคติส่วนตัว โดยปราศจากข้อมูล หรือวิพากษ์วิจารณ์ด้วยความตลกขบขัน
อย่างล่าสุด ก็คือกรณีที่มีการนำเสนอข่าวกรณีคนไทย 7 คนที่ถูกทางการลาวจับกุมตัวหลังออกไปเก็บเห็ดในป่าแล้วพลัดหลงเข้าไปในเขตประเทศลาว โดยมีการระบุว่าทั้งหมดนั้น จะถูกกักตัวและได้รับการฉีดวัคซีนต้านเชื้อโควิด-19 ยี่ห้อไฟเซอร์ก่อนถูกส่งตัวกลับประเทศไทย
งานนี้ก็เลยกลายเป็นไวรัลขึ้นมาทันทีในโลกโซเชียล มีการชักชวนกันไปเก็บเห็ดที่ลาว แลกกับการได้ฉีดวัคซีนไฟเซอร์ ซึ่งมีนัยแฝงก็คือการแซะระบบการฉีดวัควีนของบ้านเรา
ต่อเมื่อมีการตรวจเช็คข้อมูลกันจริงๆ ก็ปรากฏว่าเป็นแค่การพูดกันปากต่อปาก ไม่มีการยืนยันอย่างชัดเจน ว่าเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริงหรือไม่ ? อย่างไร ?
แต่ที่แน่ๆ ประเด็นของการได้รับการฉีดวัคซีน กลับถูกให้ความสำคัญมากกว่าสภาพความเป็นอยู่ของทั้ง 7 คนไทย ที่ถูกจับกุม หรือแม้กระทั่งความเดือดร้อนของคนในครอบครัวต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
และก็เป็นอีกครั้ง ที่ “ไก่-ภาษิต” ในฐานะผู้ประกาศข่าว ได้พูดถึงกรณีดังกล่าวในเชิงตลกขับขัน ล้อเลียน โดยปราศจากการพินิจพิจารณาหาข้อเท็จจริง หรือตั้งข้อสังเกตถึงความเป็นไปได้
และท้ายที่สุด สถานีโทรทัศน์แห่งชาติลาว ก็ตอกหน้ากลับมา ว่าข่าวดังกล่าวไม่มีมูลความจริงแต่อย่างใด ซ้ำยังฝากคำแนะนำถึงสื่อมวลชนไทยให้ตรวจสอบข้อมูลให้ดีก่อนเผยแพร่
หรือนี่คือ...สิ่งที่ผู้บริโภคข่าวพึงได้รับการสื่อทีวีช่องหลักของประเทศ
หรือนี่คือ...หน้าที่ความรับผิดชอบในฐานะผู้ประกาศที่พึงมี
ย้อนไปกลับที่คำถามเดิม....
ต่อกรณีดังกล่าว ช่อง 3 ในฐานะต้นสังกัดจะจัดการกับเรื่องนี้อย่างไร !!???
นี่คือสิ่งที่สังคมกำลังรอคอยคำตอบ !!!
ผู้จัดการ 360 องศาสุดสัปดาห์ 7-13 สิงหาคม 2564