เจ้าของบท “นาตาชา โรมานอฟ” ยื่นฟ้อง Disney ที่ปล่อยหนัง Black Widow ที่เธอแสดงนำ ลงสตรีมมิ่ง Disney+ ในวันเดียวกับที่หนังเข้าโรงภาพยนตร์ซึ่งถือว่าเป็นการละเมิดสัญญา ที่เธอเคยเซ็นเอาไว้
โดย สการ์เล็ต โจแฮนสัน อ้างว่าในสัญญา Marvel Entertainment ยืนยันว่าจะนำหนังเรื่อง Black Widow เข้าฉายในโรงภาพยนตร์อย่างเดียวก่อนที่จะลงสตรีมมิ่ง แล้วจะแบ่งรายได้ส่วนหนึ่งจากการฉายในโรงภาพยนตร์ให้กับเธอด้วย ซึ่งการที่ Disney ส่ง Black Widow ลง Disney+ พร้อมกับการฉายในโรงภาพยนตร์ ทำให้หนังทำเงินจากโรงภาพยนตร์น้อยกว่าที่ควรจะเป็น และกระทบไปถึงส่วนแบ่งรายได้ที่ สการ์เล็ต โจแฮนสัน ควรจะได้รับ
โดยทนายความของ สการ์เล็ต โจแฮนสัน ได้ให้ข่าวกับ CNBC ว่า Disney พยายามใช้ Black Widow มาดึงยอดสมาชิกของ Disney+ เพื่อปั่นราคาหุ้นของบริษัทเป็นเหตุผลหลัก
“แต่นั่นกลายเป็นการละเมิดสัญญาต่อนักแสดงที่มีส่วนต่อความสำเร็จของภาพยนตร์ และเป็นกลยุทธ์ระยะสั้นที่ละเมิดสัญญาของทั้งสองฝ่าย ซึ่งเราพร้อมที่จะนำเสนอหลักฐาน สนับสนุนเรื่องนี้ในชั้นศาลต่อไป” ทนายของนักแสดงสาวกล่าวและเปิดเผยว่ามีดาราหลายคน ที่ต้องการจะฟ้องบริษัทบันเทิงยักษ์ใหญ่เช่นเดียวกัน
ขณะที่ทาง Disney ยังไม่ได้ออกมาให้ข่าวตอบโต้เรื่องนี้แต่อย่างใด
Black Widow ถูกเลื่อนฉายมาตั้งแต่ปีก่อนเพราะการระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 จนสุดท้ายหนังก็ได้ฤกษ์เข้าฉายในเดือน ก.ค.ที่ผ่านมา
แต่สำหรับการฉายในสหรัฐฯ นั้นทาง Disney ได้ตัดสินใจที่จะขายหนังผ่านทางสตรีมมิ่ง Disney+ ของตัวเองด้วย ในราคาประมาณ 30 เหรียญฯ ซึ่ง Disney ยืนยันว่านี่คือกลยุทธ์ชั่วคราวสำหรับสถานการณ์ที่ไม่ปกติเท่านั้น
แต่การตัดสินใจของ Disney ก็สร้างความไม่พอใจให้กับหลายฝ่าย นอกจากตัวนักแสดงนำของเรื่องแล้ว ทางโรงภาพยนตร์ในสหรัฐฯ ก็ไม่ยินดีกับเรื่องนี้เช่นเดียวกัน และเชื่อว่าการที่หนังเปิดตัวด้วยรายได้น่าผิดหวัง 80 ล้านเหรียญฯ ก็เพราะ Disney นำหนังไปเผยแพร่ทางสตรีมมิ่งด้วยนั่นเอง
โดยมีรายงานว่าหลังจากเข้าฉายมา 3 สัปดาห์ Black Widow ทำรายได้ในสหรัฐฯไปแล้วทั้งหมด 150 ล้านเหรียญฯ แต่ในเวลาเดียวกัน Disney ก็ได้รับเงินอย่างเป็นกอบเป็นกำ จากการขายหนังผ่าน Disney+ แค่สัปดาห์แรกกวาดไปถึง 60 ล้านเหรียญฯ และยังเป็นรายได้ที่ Disney ได้รับไปเต็มๆโดยไม่ต้องแบ่งกับใครด้วย