น่าจะนานพอสมควรทีเดียวที่นักร้องหนุ่มเสียงดี “ป๊อบ ปองกูล สืบซึ้ง” ไม่เคยออกมาพูดถึงกรณีโลกสองใบที่เป็นข่าวใหญ่ครึกโครมเมื่อ 2 ปีก่อน หลังจากแต่งงานไป แต่ล่าสุด เจ้าตัวได้มาออกรายการ ซานิเบาได้เบา ทางช่องยูทูบน้องคนสนิทอย่าง “ซานิ นิภาภรณ์ ฐิติธนการ” ซึ่งครั้งนี้ถือเป็นเรื่องราวที่เจ้าตัวไม่เคยพูดที่ไหนมาก่อนเกี่ยวกับเรื่องนี้
“มันเหมือนถูกรถชน ถามว่าเอาชีวิตรอดมาได้ยังไง ก็ไม่รู้ว่าเอาชีวิตรอดมาได้ยังไง เหมือนรถมันชนแล้วไม่ตายเท่านั้นเอง แต่ว่าหลังจากนั้นก็ต้องเยียวยาตัวเอง เยียวยาผู้ประสบเหตุด้วยกัน ถามว่าเคยมีความรู้สึกเหมือนเบรกแตกไหม มันมีตลอดเวลา เหมือนคนที่ทำผิดแล้วต้องเลือกทางเลือก แต่เลือกทางออกที่แย่ที่สุดเสมอมา พอถึงจุดนึงแล้วมองกลับไปยังเป็นทางออกที่ซับซ้อนจนหาทางออกไม่เจอแล้ว นี่บอกถึงผู้ใหญ่ในบ้านเมืองด้วยนะ เวลาเจอปัญหาแบบนี้แล้วควรหยุด แล้วแก้ ในฐานะคนที่ผ่านมาก่อน ไม่งั้นระเบิด ก็คนไหนที่ทำผิดอยู่ซ้ำๆ นั่นแหละ
คือเรารู้ว่ามันจะจบไม่ดี มันพังแน่นอน แต่จะพังยังไง ในฐานะที่อยู่ตรงนั้นพอเรารู้ว่ามันไม่ดีแล้วเราทำให้มันแย่ลงทุกวันๆ มันจะเป็นคนไม่ปกติ ช่วงเวลานั้นเป็นช่วงเวลาที่ไม่ปกติมากๆ จากเป็นคนที่วุฒิภาวะทางอารมณ์ไม่ดีอยู่แล้ว ตอนนั้นยิ่งไม่ดีหนักเลย แล้วในเรื่องราวของเราที่ทุกอย่างมันจบแล้ว คือ เรารู้สึกว่าเราจริงใจกับการแก้ไขปัญหากับเขา กูเดินเข้าไปหาเขา หาญาติเขา แล้วกูพูดในสิ่งที่กูจะทำมันจริงๆ แล้วช่วงเวลา 2-3 ปีที่ผ่านมา กูพยายามทำสิ่งนั้นจริงๆ มันไม่ได้เป็นเรื่องอะไรใหญ่โตขนาดนั้นหรอก แต่มันเป็นเรื่องว่ามึงไม่ได้ทิ้งเขา”
เผยรู้สึกดีที่ญาติของสาวอีกคนไม่ถือโทษโกรธตน
“สิ่งที่ดีมากๆ คือ วันนึงกูไปตลาดบางกะปิแล้วไปเจอพี่สาวของเขา มาถึงเขาก็ทักกูว่า พี่ป๊อบสบายดีนะ คือแววตาหรือน้ำเสียงที่เขามอบให้กู กูรู้สึกว่านี่คือของขวัญของกูเลยที่กูรอ คือกูกลัวว่ากูจะทำให้ครอบครัวเขาพัง แต่พอกูเห็นอย่างนั้นแล้วกูได้รับรู้ว่าครอบครัวเขายังเป็นครอบครัวที่น่ารัก เป็นครอบครัวที่สมบูรณ์ เขายังมองเราเป็นคนๆ นึง
กับภรรยาของกูเนี่ย กูก็จำเป็นที่กูจะต้องดูแลเขาให้ดีที่สุดอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนด้วย เพราะเขาก็ต้องผ่านเหตุการณ์ที่เป็นอุบัติเหตุทางความรักที่เ-ยสำหรับเขา ถ้าทุกวันนี้มองกลับไปกูรู้สึกว่ากูพยายามทำให้ดีที่สุดทั้งหมดในสิ่งที่กูทำได้แล้ว คือมึงยอมรับแล้วว่ามึงผิด แล้วเขาให้อภัยในสิ่งที่มึงทำ แค่นั้นกูก็จบ หลังจากเหตุการณ์นั้นก็พูดกันเลยว่าเราจะพูดเรื่องนี้เป็นครั้งสุดท้าย จะไม่ขอถามอีกเลย และจะไม่ขอเอามาเป็นมีดแทงเรา และทุกครั้งหลังจากนั้นสมมติมีเรื่องราวอะไรทะเลาะกัน เรารู้เลยว่าเขามีมีดที่สำคัญที่สุดที่จะแทงเราได้ แต่ไม่เคยใช้เลย”
เตือนคนที่กำลังเป็นเหมือนตน ให้แก้ไขมันซะ
“ถ้าย้อนกลับไปได้ก็อยากแก้ไขนะ มันปรมาณูเลยนะ ผมกำลังบอกถึงคนที่เป็นแบบนี้อยู่ มีชีวิตคนข้างๆ คุณที่เขาอาจจะต้องสูญเสียหนักแบบนั้น ถ้าคนๆ นั้นฟังอยู่อยากจะบอกว่าถ้ามึงยังมีเวลาที่ยังแก้ไขได้ ก็ทำมันซะ ดีกว่าจะต้องมีชีวิตใครต้องสูญเสียเพราะมึง
น้ำตาเหรอ จังหวะที่กูควรร้องไห้ที่สุดกูไม่ร้อง จำได้เลยว่าทำไมตอนนั้นน้ำตาไม่มาว่ะ เหมือนมาครั้งแรกคือผ่านมาหลายวันแล้ว และภรรยาไปนั่งแอบร้องไห้อยู่ในห้อง ถึงจุดนั้นน้ำตามันเริ่มมา ก่อนหน้านั้นที่กูไม่ร้องไห้ เพราะกูกลัวมากว่ากูคือปีศาจ พอระบบร่างกายมันทำให้น้ำตามันไหลออกมาได้ ตั้งแต่นั้นกูเซนซิทีฟมากเลยนะ ดูหนังอะไรก็ร้อง
คือ ถ้าก้าวข้ามไม่ได้มันก็ไม่ได้นะ กูก็ไม่รู้ว่าข้ามมาได้ยังไง แต่ถ้ามึงนึกถึงภาพเขาเท่าที่มึงจะนึกออก มันอาจจะทำให้มึงหยุดได้ก็ได้ ไม่มีทางออกไหนที่ดี บอกได้เลย แต่พอถึงจุดนึงแล้วมันก็ต้องเลือก ตอนนี้ก็ให้ภรรยาเป็นผู้บริหารเลย ไม่ใช่กลัวนะ ใช้คำว่าไม่อยากให้เสียใจมากกว่า”
