“เอกชัย ศรีวิชัย” ฟาดแรง ถึงไอ้คนที่ไล่ฟ้องดารา ฟ้องมาก็ฟ้องกลับ ประชาชนมีสิทธิตำหนิรัฐบาล ออกมาพูดในสิ่งที่เห็น ไม่ได้บิดเบือนความจริง ถ้าทำดีใครเขาจะว่า บอกชื่อเสียงคนดังทุกคน ก็ได้มาจากประชาชน ไม่เคยได้มาจากนักการเมือง ถ้าประชาชนเจ็บปวด เราก็เจ็บปวด นี่ไม่ใช่ยุค คสช.
หลังตกเป็นหนึ่งในศิลปินดารา ที่มีรายชื่อออกมาว่า ได้แสดงความคิดเห็น เกี่ยวกับสถานการณ์โควิด ไม่ตรงกับความเป็นจริง ก็ทำเอานักร้องขวัญใจชาวใต้ “เอกชัย ศรีวิชัย” ขอออกมาไลฟ์สดผ่านเฟซบุ๊ก บุญรอบ ศรีวิชัย เพื่อตอบโต้กลับแบบดุเดือด พร้อมยืนยันหนักแน่นว่า ถ้าหมายมาถึงตัวเมื่อไหร่ ก็จะฟ้องกลับไปในข้อหาเดียวกัน
“สวัสดีครับ ท่านผู้ฟัง ท่านผู้ชม แฟนคลับทุกท่านของผม ก็หลังจากที่ผม คือ พูดภาษาอังกฤษไม่ค่อยถูก ที่เรียกว่า Call out หรืออะไรก็ตามแต่ แต่สำหรับผมคือผมบ่น แล้วสิ่งที่ผมบ่นที่ผมพูด ผมก็พูดในสิ่งที่มันถูกต้อง ไม่ได้บิดเบือนอะไรทั้งสิ้น ตามระบอบประชาธิปไตย คุณทั้งหลายอาสา ที่จะมาเป็นคนทำงานให้กับประเทศ วันนั้นคุณอาสา มายกมือไหว้ขอร้องประชาชนทุกคนว่า ให้ประชาชนเลือกเขา
เมื่อประชาชนเลือกเสร็จ การทำงานแต่ละขั้นตอน ประชาชนก็เป็นคนนั่งมองอยู่ ว่า อันนี้ท่านทำผิดหรือทำถูก หรือทำไปตามนโยบายไหม ฟังดีๆ นะครับ เพราะฉะนั้นเวลาประชาชนออกมาพูด ออกมากล่าวคำตำหนิติติงในการทำงาน ผมว่าท่านไม่มีสิทธิ์ที่จะให้ใครออกมาเที่ยวฟ้อง หรือออกมาบอกว่าให้ตำรวจมาตรวจสอบไหม ว่าเฮ้ย…พูดอย่างนี้ไม่ได้ พูดอย่างนี้ไม่ถูก พูดไม่ได้
อ้าว…แล้วประชาชนพูดไม่ได้ แล้วใครพูด ผมถามเถอะ ผมถามหน่อย ประชาชนพูดไม่ได้ แล้วใครจะพูดได้ ผมถึงจะเป็นนักร้องนักแสดง แต่ผมก็เป็นประชาชนคนหนึ่ง ที่มีสิทธิ์ที่จะพูด ในเมื่อคำพูดของผมไม่ได้ก้าวล่วง หรือไปบอกว่าผมจะไปฆ่าใคร ผมกำลังนั่งวิพากษ์วิจารณ์นโยบายของคุณ
ถ้าผมเป็นคุณนะ ผมจะนิ่ง แล้วผมจะทำตามหรือไม่ทำตาม นั่นคืออีกเรื่องหนึ่ง แต่ผมจะทำให้สิ่งที่ถูกต้องที่ดีงามที่สุด คนทั้งประเทศไม่มีใครเขากินแกลบ เขากินข้าวกันทั้งนั้น แล้วเขาก็สามารถรู้ได้ว่า อันนี้ผิด อันนี้ถูก อันนี้ใช่หรือไม่ใช่
วันนี้คุณมากล่าวหา ว่าพวกเราออกมาบิดเบือนในความเป็นจริง งั้นผมจะขอกล่าวหาพวกท่านได้บ้างไหม เวลาท่านออกข่าวแต่ละวันๆ แล้วท่านหมกเม็ดอะไร โกหกอะไรกับประชาชนบ้าง ผมพูดได้ไหม คือตกลงว่าตัวบทกฎหมายมันอยู่ที่อะไร
ถ้าวันนี้ท่านฟ้องผม ในข้อหามาตราที่คุณบอก ผมก็จะฟ้องกลับคุณ ในข้อหามาตราเดียวกัน คุณเอารูปผมไปออก คุณเอาชื่อผมไปประกาศ ว่าผมทำอย่างนั้นอย่างนี้ ถ้าเกิดคนเขาไม่รู้ว่าผมพูดอะไรไป ผมก็กลายเป็นคนผิดแล้วถูกไหม ผมเสียชื่อแล้วถูกไหม
ผมว่าวันนี้ชื่อเสียงที่พวกเราได้มาทุกคน มันก็มาจากประชาชน ผมไม่เคยได้มาจากนักการเมือง คือถ้าอะไรที่ประชาชนเจ็บปวด เราก็เจ็บปวด ทุกอย่างเราเจ็บปวด ถ้าหากว่าวันนี้คุณไม่พอใจกับสิ่งที่ออกมาเรียกร้อง ก็ออกไปเท่านั้นเองครับ ก็จบ ทำไมต้องไล่ฟ้องประชาชน ทำไมต้องให้ลูกน้องคนโน้นคนนี้ออกมา เพื่ออะไร
แล้วสิ่งที่ผมพูด ก็ไม่ได้พูดอะไรที่มันเกินไปจากความจริงเลยนะ ทุกวันนี้ผมถามคุณหน่อย คุณเสพข่าวแล้วคุณหาข่าวจากไมโครเวฟเหรอ คุณถึงไม่รู้ว่าประเทศชาติ เพื่อนบ้านใกล้เคียงเขาทำอะไรกันบ้าง มีแต่คุณอ้างๆ ว่าเราทำดี ทำอย่างนี้ ทำอย่างนั้น แล้วคนที่เขาเป็นประชาชน เขาถูกปิดหูปิดตา เขาดูอะไรไม่เป็นเหรอคุณ
คุณบอกว่าตอนนี้เรามีวัคซีน เราได้ฉีดไปถึงระดับไหนแล้ว อ้าว…คุณมาพูดทำไม สิ่งที่คุณจะต้องทำ คือ คุณต้องคิดช่วยเหลือทุกอย่างเลย ไม่ใช่มาไล่จับพวกนักร้อง พวกดาราที่ออกมาพูด ผมว่านี้เป็นสิ่งที่แย่มากๆ เลย ผมพร้อม เมื่อไหร่คุณส่งหมายถึงผมมา ผมฟ้องกลับคุณแน่นอน เพราะผมถือว่าคุณไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียอะไรกับคนที่ผมพูด กับสิ่งที่ผมพูดเลย คุณเดือดร้อนตรงไหนของคุณ ไอ้คนที่ออกมาน่ะ คุณเดือดร้อนอะไร
ถ้าพูดถึงภาษากฎหมาย คุณคิดว่าคุณเรียนคนเดียวเหรอกฎหมาย ก็เรียนมาจากตำราเดียวกันหมด แล้วผมไม่ได้เหรอ ที่ปรึกษาทางด้านกฎหมายของผม อันดับแรก ผมไลฟ์สดในพื้นที่ของผม แล้วถ้าผมผิด คนที่เอาคลิปผมไปตัดต่อ แล้วไปลงจั่วหัวแบบโน่นแบบนี้ อันนั้นผิดไหม ทำไมไม่ไปตาม สิ่งที่ผมพูด ผมอาจจะหมายถึงนายกอบต.บ้านผมก็ได้ ผมไม่ได้เอ่ยชื่อใคร
ฟังรายการโหนกระแสของ หนุ่ม (กรรชัย กำเนิดพลอย) แล้วของขึ้น เอาเถอะ ผมขอพูดว่าวันนี้เราเหลืออดเหลือทนแล้ว ที่เราพูด ถ้าสิ่งที่เราพูดมันเกิดจากความจริง ผมว่าภาครัฐมาหน่วยงานเยอะแยะ ที่จะออกมาแก้ไข ที่จะออกมาโต้พวกเราได้ มีเยอะแยะ คุณคุมอยู่ทั้งนั้น ทำไมจะทำไม่ได้ คุณก็ทำดิ ดีกว่ามาไล่จับพวกเราถูกไหม บ้านเมืองมันตกอยู่ในสภาพอะไร
แล้วรัฐบาลแต่ละยุคแต่ละสมัย ทำไมมันปฏิบัติกฎหมายไม่เหมือนกัน ทุกรัฐบาลผมก็เห็นมีคนออกมาทักท้วง เขาด่ากันเสียๆ หายๆ ก็มี เขาก็ทำกัน ผมว่ามันอยู่ที่วิจารณญาณของแต่ละรัฐบาล วันนี้ผมไม่รู้ว่าผมรบกับใคร ผมนั่งบ่นนั่งพูด ว่ามันไม่ถูกต้อง ทำไมไมคนรอบข้างไม่ช่วยเหลือ ไม่อ่านหนังสือกันบ้าง
ผมพูดในฐานะที่ผมเป็นประชาชนคนหนึ่ง คนที่ไปแจ้งเนี่ย คุณเสียหายตรงไหน มันมีผลกระทบกับคุณโดยตรงตรงไหน แต่เวลาคุณเอาชื่อผมไปออกเนี่ย คุณรู้ไหม ว่าคนที่เขาไม่รู้ว่าผมพูดอะไรไว้ ผมเสียหาย เพราะฉะนั้นคุณฟ้องผมมาตราไหน ผมฟ้องคุณมาตรานั้นแหละ คุณอย่าคิดว่าคุณเรียนหนังสือคนเดียวสิ
ให้มันรู้ไปเลย ว่า ประเทศนี้มีกฎหมาย 2-3 ขั้นตอน ให้มันรู้กันไป ว่าเรียนหนังสือมาคนละเล่มกัน พอเถอะ เหมือนที่ เพชร กรุณพล เทียนสุวรรณ บอกว่าไม่ต้องกราบเรียนแล้ว มันรู้หมดแล้ว ผมพูดในภาษาผม ผมพูดในพื้นที่ผม แต่คนที่ตัดคลิปผมไปออกตรงนั้นตรงนี้ ผมไม่รู้ว่าภาษาที่คุณไปตัด ความหมายมันถูกแปลงไปไหม คุณต้องดูต้นฉบับ และผมไม่เคยเอ่ยชื่อนายกฯ เลย ความกะล่อนทางกฎหมายมันมี พวกคุณยังใช้กันเลย อะไรกันเนี่ย คุณเป็นอะไรกัน
คนที่อาสามาทำงานให้ประชาชน คนที่เป็นนักการเมือง ไม่ว่าใครก็ตามแต่ ถ้าคุณได้ฉันทานุมัติ นั้นคือคนตั้งใจเลือกคุณไป เมื่อวันหนึ่งประชาชนเขาไม่พอใจ ที่เขาเลือก เขาก็มีสิทธิ์ที่จะบ่น แล้วถ้าคนบ่นว่าตรงนั้นตรงนี้ไม่ถูก คุณต้องจับเขามาประหารชีวิตเหรอ ไม่ใช่การลงโทษตัวเองโดนการลาออกหรอกเหรอ ผมเข้าใจว่าเป็นแบบนั้น พูดไม่ได้ ผิด เอากฎหมายมาเล่นงานมันเลย เอากฎหมายมาปิดปากมันเลย
เรื่องที่ท่านจะต้องทำมันมีอีกเยอะไหม แล้วท่านบอกว่าดารานักร้อง เป็นผู้มีคนติดตามเยอะ ถ้าออกมาพูดเดี๋ยวจะสับสน เดี๋ยวประชาชนจะเข้าใจข้อมูลที่คลาดเคลื่อน คุณทำงานมากี่ปีแล้ว คุณสื่ออะไรได้บ้างถ้าอย่างงั้น ผมเป็นนักร้อง ผมก็พูดโง่ๆ ของผม ผมไม่สามารถก้าวล่วงไปที่ระดับใหญ่ ผมก็โง่ๆ คนหนึ่ง ผมพูดตามเนื้อผ้าที่ผมเห็น
เวลานี้เราเห็นไหม ว่าเตียงรักษาคนไข้ไม่มี ผมถามหน่อย คุณไม่เดาสถานการณ์เหรอ ว่าโรคภัยไข้เจ็บมันจะมายังไง แล้วอะไรพร้อมหรือไม่พร้อม ผมถามหน่อย ว่าปัจจุบันนี้ โรงพยาบาล คุณหมอ พยาบาล เหนื่อยกันไหม แล้วทำไมโรงพยาบาลของรัฐจะต้องทอดผ้าป่าในการซื้อเครื่องมือแพทย์ ทำไมต้องเรี่ยไรเงินกันทุกครั้ง งบประมาณทำไมไม่ให้มา
วันนี้ผมขอเรียกร้อง ดารา นักร้อง นักแสดงทุกคนครับ ชาวบ้านทุกคนที่เล่นเฟซบุ๊ก ที่เห็นด้วย ออกมาเรียกร้องเลยครับ ออกมาแสดงความคิดเห็นในทางที่ถูกต้อง ส่วนบิดเบือนหรือไม่บิดเบือน ใครจะอยากให้ประเทศมันวุ่นวาย แต่คุณทำแบบนี้ เดี๋ยวประเทศวุ่นวายแน่
นี่งานว่างกันใช่ไหม ไม่มีอะไรจะทำกันแล้วใช่ไหม ถึงมาไล่ด่านักร้อง ไล่จับดาราเนี่ย ว่างมากใช่ไหม ไม่ต้องคิดมันแล้ว สิ่งที่จะช่วยเหลือประชาชน เอาแค่หอมปากหอมคอพอนะ ผมแสดงจุดยืนของผม ว่าฟ้องมาฟ้องกลับ ผมมีสติสัมปชัญญะทุกอย่างครับ แล้วผมมองว่า สิ่งที่เขากำลังทำเวลานี้ กำลังเรียกแขกครับ คุณอยู่เฉยๆ ก็ไม่มีอะไร อยู่เฉยๆ แล้วรับปัญหานี้ไปแก้ แล้วทำให้ดี ผมเชื่อว่าถ้าคุณทำดีที่สุด ประชาชนคนไหนออกมาพูด ประชาชนจะโดนด่าเอง นักร้องศิลปินจะโดนด่าเอง
แต่ถ้าคุณแก้ไม่ได้ คุณคิดว่าพวกผมไม่ออกมาพูด คุณจะอยู่ได้เหรอ คุณก็โดนด่า แต่เรามันนิ่งอยู่ไม่ได้ เราเห็นญาติพี่น้องเรา ตายไม่มีเตียง เราเห็นคนตายทุกวัน จากร้อยขึ้นมาเป็นหมื่นคน ตายวันหนึ่งเกือบสองร้อย แล้วในอนาคตวันหนึ่งจะเท่าไหน ผมไม่ขอก้าวลงไปในเรื่องของวัคซีนมากนะครับ เพราะว่าผมก็ไม่ได้มีข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องวัคซีนมาก
แต่บังเอิญผมไม่ได้ดูข่าวทางไมโครเวฟ ผมดูข่าวต่างประเทศ ให้ลูกหลานแปลให้ฟัง ดูทั้งหมดว่าในอาเซียนเขาอยู่ยังไง ต่างประเทศเขาอยู่ยังไง โลกเขาทำอะไรกัน แค่เอาต่างประเทศมาเปรียบเทียบกับเราเท่านั้นเองครับ อะไรดีไม่ดี ผมก็ต้องฟังคนส่วนมากครับ แต่ตอนนี้ผมไม่ได้วิพากษ์วิจารณ์ ผมแค่บ่น ว่าท่านต้องฟังเสียงประชาชนบ้าง อย่ารั้น เวลานี้มันเซนซิทีฟมาก ยิ่งต้องฟัง
วันนี้ไม่ใช่ยุค คสช.นะครับ มันเป็นยุคประชาธิปไตย จัดเต็มใบหรือไม่เต็มใบก็ช่างเถอะ ประชาชนมีสิทธิออกสิทธิออกเสียง พูด อ่าน เขียน แต่เวลาคุณพูด คุณพูดเป็นนามธรรมมาก ไม่ได้เป็นรูปธรรมเลย ถ้างั้นผมก็จะพูดบ้าง สิ่งที่คุณไปร้องเรียนให้ตำรวจตรวจสอบ คุณเอาชื่อผมไป แล้วถ้ามันไม่เข้าข้อกฎหมาย คุณจะรับผิดชอบผมยังไงครับ หึ ที่รัก…
ผมไม่อยากพูดเลยนะครับ แต่เมื่อเราพูดออกไปแล้ว มันทำให้ผู้ใหญ่ฟัง ทำให้หลายภาคส่วนทำ เราก็ควรจะเป็นตัวแทนของประชาชนได้ เราอยู่กับเขา เราหากินกับเขา ทุกวันนี้ผมไม่ได้เป็นนักการเมือง ผมเป็นแค่นักร้องคนหนึ่ง ผมยังรู้สึกเป็นหนี้บุญคุณประชาชนเลย
แต่แปลก…ไม่ทราบว่าท่านรับเงินเดือนจากเงินของใครครับ อย่าบอกนะ ว่าเป็นเงินภาษีประชาชน ไม่เอา อายเขา ถ้ารับเงินจากภาษีประชาชน นั่นหมายความว่าไงครับ หมายความว่า ต้องฟังประชาชนไม่ใช่เหรอ ใช่ไหมเอ่ย อย่าเอาตัวบทกฎหมายมาเล่น มาขู่กันเลย ไม่มีใครเขาไม่รู้หรอก คุณกินปลาอยู่คนเดียวเหรอ กราบเรียนตรงนี้นะครับ ถ้าหมายมาก็ฟ้องกลับ ผมยังไม่ได้เอ่ยชื่อใครลงไปสักคนเดียวนะครับ”
