เจ็บปวดทารุณที่สุดในชีวิต “เป็ด เชิญยิ้ม” เผาพ่อต่อจากแม่เพราะติดโควิด ตัดสินใจไม่ต่อท่อปล่อยให้พ่อเหมือนเทียนที่ค่อยๆ ดับ ขอให้แม่มารับพ่อไปสวรรค์ เกิดชาติหน้าจะยากจนแค่ไหนขอได้เกิดมาเป็นพ่อแม่ลูกอีก
ยากยิ่งกว่าจะทำใจกับการสูญเสียในครั้งนี้ สำหรับนักแสดงตลกรุ่นใหญ่ “เป็ด เชิญยิ้ม” ธัญญา โพธิ์วิจิตร เพราะเมื่อวันที่ 29 มิ.ย. ที่ผ่านมาเพิ่งจะสูญเสีย “คุณแม่วิจิตร โพธิ์วิจิตร” วัย 89 ปี ด้วยโรคโควิด-19 ไป จากนั้นเช้ามืดของวันที่ 9 ก.ค. ครอบครัวก็ได้รับข่าวเศร้าว่า “คุณพ่อสุเทพ โพธิ์วิจิตร” ได้จากไปด้วยวัย 94 ปี จากการติดเชื้อโควิดเช่นกัน
โดยในวันนี้ (11/ กค./64) เวลา 9.00 น. นักแสดงตลกรุ่นใหญ่พร้อมครอบครัว ได้ประกอบพิธีฌาปณกิจ “คุณพ่อสุเทพ” ที่วัดพระศรีมหาธาตุวรมหาวิหาร บางเขน และระหว่างที่เจ้าหน้าที่ได้นำร่างอันไร้วิญญาณของคุณพ่อนำขึ้นสู่เมรุ เจ้าตัวถึงกับร่ำไห้ก้มกราบพื้นและจูบลาภาพถ่ายคุณพ่อเป็นครั้งสุดท้าย บรรยากาศเป็นไปด้วยความโศกเศร้า พร้อมแขกที่เดินทางมาร่วมไว้อาลัย อาทิจาตุรน ฉายแสง (รองอดีตนายกรัฐมนตรี), พ่ออี๊ด สุประวัติ , ไก่ วรายุฑ ,ปู พงษ์สิทธิ์ , หนูเล็ก ก่อนบ่าย , เท่ห์ อุเทน , ตี๋ ดอกสะเดา , บีม วรานิษฐ์ (ลูกสาวดี๋ ดอกมะดัน)
ซึ่งหลังจากได้ทำการฌาปณกิจเสร็จเรียบร้อย “เป็ด เชิญยิ้ม” เปิดใจพร้อมทั้งน้ำตาตลอดการสัมภาษณ์ ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นมันโหดร้ายทารุณเกินจะรับได้ ไม่คิดว่าเรื่องนี้จะเกิดกับครอบครัวของตนเอง ทั้งๆ ที่เพิ่งสูญเสียคุณแม่ไป น้ำตาเก่ายังไม่แห้ง น้ำตาใหม่ก็มาไหลกับการจากไปของคุณพ่อ เผยคำพูดสุดท้ายว่า พ่ออยากกินกล้วย พร้อมแจงมีคนทักว่าเจ้ากรรมนายเวรแรงมาก ให้รีบไปแก้
“มันแค่เห็นรถถอยมา มันก็นึกภาพที่รถคันนี้ถอยแม่มาแบบเดียวกัน พอเปิดมาเห็นสภาพเดียวกับที่เห็นแม่ ผมถามว่ามันโหดร้ายสำหรับผมมากไหม ทุกอย่างมันเหมือนกันหมด มันเป็นภาพเดียวกันหมด แล้วภาพนี้เกิดขึ้นเมื่อประมาณไม่เกิน 7 วัน แล้วมาเชื่อมต่อ ลองคิดดูสิว่าอาจะไหวไหม ซึ่งมันโหดร้าย มันทารุณ มันเจ็บปวด มันเกินที่จะบรรยายที่เราจะรับได้
“เราเป็นลูกเราทำหน้าที่ของลูกที่ดีที่สุดให้กับแม่ เราต้องการให้พ่อแม่เรามีความสุข ใครพูดว่าแม่อายุ 89 พ่อ 94 อายุยืนนะเราดีใจ มีความสุขมาก เราอยากให้พ่อกับแม่อยู่เคียงข้างกันไปตลอด แต่มันไม่ใช่เห็นสภาพมาผมเหนื่อย บอกตรงๆ ผมเหนื่อยมากๆ ปกติผมเป็นคนเข้มแข็งนะ เป็นนักสู้นะ แต่ผมยอมแพ้ ยอมจริงๆ ไม่เกิดกับใครไม่มีใครรู้ ซ้ำแล้วซ้ำเล่ากับครอบครัวเราแบบนี้”
“ในชีวิตผมจะลืมภาพเดิมๆ แบบนี้ไม่ได้ อีก 20-30 ปีถ้าผมยังมีชีวิตอยู่ผมลืมภาพนี้ไม่ได้ ไม่ได้จริงๆ มันโหดร้าย มันทรมาน มันเจ็บปวด ทุกอย่างที่มันเกิดขึ้น ไม่รู้เอาอะไรมาบรรยาย น้ำตาเก่าที่เสียแม่ยังไม่ทันแห้ง น้ำตาใหม่ไหลมาที่แก้ม มันโหดร้ายมาก มันไม่ทิ้งระยะเวลาให้ผมได้มีคนปลอบใจผมเยอะๆ จนผมดีขึ้น ไม่มีแม้แต่เวลา เวลามันไล่เลี่ยกัน แค่สัปดาห์เดียวมันยาก มันเหนื่อย”
ก่อนพ่อเสียเดินทางไปทำบุญแก้กรรมให้พ่อและแม่
“คือก่อนที่คุณปู่จะเสียเนี่ย มีคนมาทักผมบอกว่าเจ้ากรรมนายเวร คุณต้องไปแก้นะ แรงมากนะ เพราะว่าต้นตระกูลแม่เป็นคนพัทลุง เราก็จะไปวัดวันที่ 30 แม่เสีย 29 แม่เสียเสร็จ พ่อก็โอเคดูดีขึ้น เราก็กำหนดวันว่าเราจะไปวันที่ 9 จองตั๋วเครื่องบินอะไรเสร็จเรียบร้อย ตี 5.42 นาที พ่อเสีย มันบังเอิญกันหรือเปล่าเราก็ไม่รู้”
“ก็บอกยังไงผมก็ต้องไป ผมก็ต้องไปแก้กรรมให้พ่อผม ผมก็ต้องเข้าไปทำพิธีแก้กรรมให้พ่อผม ทั้งพ่อทั้งแม่จะได้แก้กรรมให้เสร็จ เราเคยคิดอะไร ลูกหลานรุ่นเก่ารุ่นใหม่ที่ทำโดยตั้งใจก็ดี หรือไม่ตั้งใจก็ดี หรือเกิดอะไรกันขึ้นก็ดี ในตระกูลแม่ สกุลเก่าของแม่ กับตระกูลของพ่อ โพธิ์วิจิตร ถ้าทำอะไรไม่ดีไว้ที่นี่หรืออะไรก็แล้วแต่ หรือเด็กรุ่นใหม่ที่ทำก็ขออโหสิกรรมให้พวกผมเถอะ เปิดทางให้พ่อกับแม่ไปสู่สวรรค์”
“ในขณะที่ผมไม่ไหวจริงๆ พอได้ทำกลับมาก็รู้อยู่แล้ว เรารู้ก่อนล่วงหน้าแล้วว่าพ่อไม่ไหว (ร้องไห้) พ่อเริ่มไม่ไหวแล้ว ประมาณวันที่ 6 พ่อคุยกับคนดูแลที่ป่วยด้วย บอกว่าจะโทร.หาย่าได้ไหม ให้มารับปู่ ปู่จะกลับแล้ว แค่ประโยคนี้ผมก็ไม่ไหวแล้ว ผมไม่เคยบอกพ่อ ห้ามใครบอกพ่อผมเด็ดขาด เราก็โทร.ไปให้กำลังใจ ลูกหลานก็โทร.ไปทุกคน แต่ผมโทร.ไป เขาไม่พูดอะไรกับผมเลย เขาพูดเพียงคำเดียว ประโยคเดียวคือ อยากกินกล้วยๆ ผมพูดอย่างอื่นก็ไม่ฟัง”
“เพราะเขาทานกล้วยที่บ้านเยอะมาก วันหนึ่งครึ่งหวี สมัยอยู่บ้านผม เขาก็บอกอยากกินกล้วย พ่ออยากกินกล้วย ก็คือเป็นคำสุดท้ายที่ได้คุยกับผม แต่พอหลานคนอื่นพูดถามว่าเป็นยังไง สบายไหม เขาก็ไม่รับอะไรทั้งสิ้นแล้ว ออกซิเจนก็เริ่มเหลือน้อย จนวันที่ 8 หมอก็โทรมา ก็ถามว่าคุณเป็ดจะเอายังไง ตอนนี้ออกซิเจนของคุณพ่อเหลือไม่ถึง 50 แล้ว ผมก็บอกว่าถ้าเจาะล่ะ ต่อท่อล่ะ คือมันมีอยู่ 2 ประเด็น หมอการันตีให้ผมได้ไหมว่าพ่อจะอยู่ได้อีกนานแค่ไหน”
“คุณหมอก็บอกว่า คุณเป็ดตอนนี้ท่าน 94 แล้วนะ ถ้าต่อท่อมันเจ็บนะ มันเจ็บแล้วก็ไม่รู้ว่าจะมีชีวิตต่อได้กี่วัน (ร้องไห้) กับการที่ไม่ต่อ แล้วปล่อยให้ท่านไป เหมือนกับเทียนค่อยๆ ดับไป จะดีกว่าไหม ผมกับพี่น้องทุกคนก็โอเค ก็ต้องปล่อยพ่อไป มันเจ็บปวด พอรู้ว่าปล่อยพ่อไปแล้วมันสิ้นทุกอย่าง”
“คือผมเชื่อว่าคู่นี้ 70 ปีที่เขาเดินเกี่ยวแขนกัน 70 ปีเขาไม่เคยห่างจากกัน (ร้องไห้) เขาห่างกันแค่ 7 วันที่ผ่านมาเนี่ย ผมคิดว่าพ่อไปสวรรค์ แม่มารับพ่อไปสวรรค์ ผมอยากจะบอกว่าพ่อกับแม่ในชาติหน้า ถ้าผมได้เกิด ผมขอเกิดเป็นลูกพ่อกับแม่ ไม่ว่าเราจะจนตอนสมัยเด็กๆ จนมากแค่ไหนผมก็จะไปเกิดกับพ่อกับแม่ (ร้องไห้หนัก) ผมขอแค่นี้”
ตอนที่ก้มกราบหน้ารูปคุณพ่อ บอกกับพ่อว่า ขอให้แม่มารับไปสวรรค์
“ก็บอกให้พ่อไปสวรรค์ แม่มารับพ่อแล้ว พ่อไปอยู่กับแม่นะ ชาติหน้าผมขอ ไม่ว่าเราจะลำบากยากจน จะไม่มีกินสมัยเด็กๆ อีกสัก 10 เท่า ผมก็อยากจะเป็นลูกของเขาทั้งสองคน นี่คือความเจ็บปวดที่ผมเจอ มันไม่ไหวจริงๆ (สะอื้นหนัก) มันเหนื่อยจริงๆ มันเหนื่อยในอกมาก บางทีเราบอกเราเป็นคนเข้มแข็ง แต่ถึงเวลามันเข้มแข็งยังไงก็ไม่ไหว สิ่งที่มันเกิดขึ้นแบบนี้ ผมว่ามันไม่มีใครรับได้ มันรับได้ยากจริงๆ มันโถมมาแรงมาก”
และในวันนี้เวลา 18.00 น. จะมีพิธีสวดพระอภิธรรมอัฐิคุณพ่อสุเทพ ที่ศาลา 16 ที่วัดพระศรีมหาธาตุวรมหาวิหาร ตั้งแต่เย็นวันนี้ไปจนถึงวันที่ 13 กรกฎาคม โดยจะนำอัฐิของคุณแม่วิจิตรมาตั้งสวดคู่กัน และจากนั้นจะนำอัฐิของทั้งคู่ไปลอยอังคารที่สัตหีบในลำดับต่อไป