แม้จะได้ชื่อว่าเป็นนักแสดงแอ็กชัน แต่ "เฉินหลง" ก็ยังพยายามหาโอกาสที่จะได้โชว์ฝีมือการแสดงในบทที่หลากหลาย แต่บทบาทแบบหนึ่งที่เจ้าตัวแทบจะไม่เคยรับแสดงเลยก็คงจะเป็นบทตัวร้ายนั่นเอง
โดยทั้งชีวิตนับแล้ว เฉินหลง น่าจะเคยเป็นตัวโกงอยู่แค่เพียงเรื่องเดียว ก็คือหนังกำลังภายในจากบทประพันธ์ของ โกวเล้ง ที่ชื่อว่า The Killer Meteors เท่านั้น
จริงๆ แล้ว เฉินหลง เริ่มต้นอาชีพจากการเป็นพระเอกทันที แต่ตอนนั้นทำยังไงก็ไม่ดังซะที สุดท้ายก็เลยตัดสินใจลองรับบทตัวโกงดูบ้าง ในหนังเรื่อง The Killer Meteors ซึ่งแม้ตัวหนังจะเจ๊ง ไม่มีอะไรน่าจดจำ แต่ก็ทำให้ เฉินหลง รู้จักกับ "หวังหยู่" ซึ่งเป็นคนที่ช่วยเหลือเขาในหลายๆ เรื่อง
โดยหลังจาก The Killer Meteors อีกสองปีต่อมาเฉินหลงก็มาประสบความสำเร็จจาก "ไอ้หนุ่มพันมือ" และจนถึงปัจจุบัน ก็ไม่เคยกลับมาเป็นตัวร้ายอีกเลย
สมัยโกอินเตอร์ได้เล่นหนังฮอลลีวูด ก็มีผู้สร้างที่ติดต่อให้ เฉินหลง มาเป็นตัวร้ายหลายเรื่อง แต่สุดท้ายเขาก็ปฏิเสธไปหมด เพราะไม่อยากจะรับบทเป็นตัวโกงนั่นเอง
หนังแอ็กชั่น Demolition Man ที่ เวสลี่ สไนป์ แสดงเป็นวายร้ายที่ถูกลงโทษด้วยการแช่แข็ง ก่อนจะฟื้นคืนชีพขึ้นมาในโลกอนาคต ก็คือบทที่ เฉินหลง เคยได้รับข้อเสนอ และปฏิเสธไปเช่นเดียวกัน เพราะไม่อยากจะรับบทเป็นตัวร้ายจริงๆ
ปัจจุบัน เฉินหลง เริ่มผ่อนปรนกฎเหล็กเรื่องนี้มาบ้าง และยอมที่จะแสดงเป็นตัวละครประเภท "โจรผู้ร้าย" อยู่บ้าง แต่ก็ยังถือว่าเป็นตัวละคร "พระเอก" ของเรื่องอยู่ดี
ขณะที่ เฉินหลง ไม่ยอมรับบทเป็นตัวร้าย เพราะไม่รู้จะแสดงยังไงฟากของ "เจ็ท ลี" กลับเลือกที่จะก้าวไปสู่วงการหนังฮอลลีวูด ด้วยการเป็นตัวโกงก่อน ในหนัง Lethal Weapon 4
ว่ากันว่าจริง ๆ แล้ว เฉินหลง ปฏิเสธบทนี้ไปเช่นเดียวกัน ก่อนที่จะตกมาอยู่กับ เจ็ท ลี ซึ่งแม้จะเป็นบทร้าย แต่ก็ถือว่าเป็นเส้นทางสำคัญที่ทำให้ เจ็ท ลี ได้ก้าวเข้าสู่วงการหนังฮอลลีวูดอย่างเต็มตัว และกลายเป็นพระเอกชาวจีนคนแรกๆ ที่ทำได้สำเร็จ ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องยากในยุคนั้น
หลังจากนั้น เจ็ท ลี ก็ยังได้รับบทเป็นตัวร้ายอีกครั้งใน The One หนังไซไฟที่ว่าด้วยเรื่องของ โลกคู่ขนาน ที่จะบอกว่าเป็นหนังที่ เจ็ท ลี เหมาแสดงทั้งบทตัวร้ายตัวดีด้วยตัวเองคนเดียว แต่กลายเป็นว่าบทตัวโกงกลับดูมีอะไรน่าสนใจกว่าเยอะ
การรับบทตัวร้ายของเหล่าดาราจีนฮ่องกง ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร โดยเฉพาะยุคก่อนที่กว่าจะดัง แต่ละคนต้องเคยผ่านงานต่างๆ มาเยอะมาก เคยรับบทตัวประกอบ ตัวรองกันมาแทบจะทั้งนั้น "หงจินเป่า" ก่อนที่จะรุ่งก็เคยแสดงเป็นตัวร้ายมาแล้วมากมาย แถมเคยเป็นบันได-กระสอบทรายให้กับดาราที่ดังกว่าในหนังหลายต่อหลายเรื่อง
หรือบางคนที่เริ่มจากการเป็นพระเอก แต่ชีวิตนักแสดงดูจืดจางลงไปเรื่อย ๆ ก็อาจจะเปลี่ยนบรรรยากาศมาเล่นเป็นตัวโกงมั้ง อย่าง "อู๋จิง" ที่กลับมาดังอีกครั้งในบทนักฆ่าตัวร้ายในหนัง SPL
ในหนังทั้งเรื่องเจ้าตัวแทบจะไม่ได้พูดอะไรเลยซักคำ แต่กลับกลายเป็นงานที่ดังที่สุดในตอนนั้นของ อู๋จิง ไปเลย จนทำให้อดีตดาวรุ่งตลอดกาลที่ตอนนั้น เล่นหนังอะไรก็ไม่ดังสุดๆ ซะที ได้กลับมาเป็นที่สนใจอีกครั้ง และค่อยๆ ไต่อันดับกลับมา และกลายเป็นดาราระดับซูเปอร์สตาร์อีกครั้งไปแล้วจนปัจจุบัน
ส่วน "ดอนนี เยน" ก็เคยลองเปลี่ยนมาแสดงเป็นตัวร้ายดูในหนังของ "ฉีเคอะ" จนเริ่มจะกลับมาสร้างชื่อได้อีกครั้ง ทั้งใน "เดชคัมภีร์แดนพยัคฆ์" และบทนายพลแห่งราชวงศ์ชิงใน "หวงเฟยหง" ภาคสอง
แม้แต่ จา พนม ก็ยังเริ่มต้นงานในฮอลลีวูดด้วยการเป็นตัวร้ายเหมือนกัน ในหนัง Fast 7
ไม่เว้นแม้กระทั่ง "บรูซ ลี" ที่เคยรับบทเป็นตัวร้ายอยู่หนึ่งครั้งในชีวิตการเป็นนักแสดง ในหนังเรื่อง Marlowe หนังเรื่องแรกในชีวิตของเจ้าตัวที่แทบจะไม่มีคนจำ
ปัจจุบันหนังที่สร้างจากนิยายของ "เรย์มอนด์ แชนเลอร์" เรื่องนี้แทบไม่ได้มีใครสนใจหามาดูแล้ว และเป็นที่จดจำในฐานะหนังที่มี "บรูซ ลี" แสดงอยู่ด้วยซะมากกว่า
สุดท้ายแล้ว คงไม่มีสูตรสำคัญตายตัวสำหรับเรื่องแบบนี้ ดาราบางคนอาจจะไม่อยากรับบทเป็นตัวร้าย เพราะกังวลกับภาพพจน์พระเอกของตัวเอง แต่บางคนก็ไม่ขัดข้องอะไรถ้าการเป็นตัวร้ายจะเป็นเส้นทางที่ทำให้ได้รับงานใหญ่กว่านั้น...
