ยอดผู้ติดเชื้อที่ทะลุ 7 พันสูงที่สุดตั้งแต่เมืองไทยต้องเผชิญสถานการณ์โควิด-19 มา ทำให้ทุกฝ่ายต่างพากันเครียดไปตามๆ กัน เพราะไม่รู้สถานการณ์จะไปสิ้นสุดตรงไหน ในขณะที่วัคซีน ความหวังสุดท้ายก็ยังได้รับกันไม่ทั่วถึง
ล่าสุด “เจี๊ยบ ลลนา ก้องธรนินทร์”ทนไม่ไหวกับสถานการณ์ในตอนนี้ ขอออกมาเล่าในฐานะหมอในห้องฉุกเฉิน ซึ่งเป็นด่านหน้าช่วยชีวิตผู้ป่วย พ้อเศร้าทุกครั้งที่ต้องใส่ท่อช่วยหายใจเพราะไม่มีใครรอดสักราย วอนขอในฐานะหมอ ขอวัคซีนมีประสิทธิภาพและทั่วถึงให้ประชาชน
“วันนี้เจี๊ยบขอเล่าประสบการณ์ด่านหน้าให้ฟังกันนะคะ ในฐานะหมอในห้องฉุกเฉิน เจี๊ยบคลุกคลีกับเคสผู้ป่วยโควิดมาตลอด ซึ่งสถานการณ์ในตอนนี้ต้องยอมรับว่ามันทั้งแย่และหนักมากกว่าการระบาดครั้งก่อนๆ เป็นพันเท่า คนไข้โควิดอาการหนักแต่ไม่มีเตียงต้องนอนรอเตียงกองกันอยู่ล้นหน้าห้องฉุกเฉิน แต่อย่าลืมว่าโรงพยาบาลไม่ได้มีเฉพาะเคสโควิดอย่างเดียว ยังมีทั้งอุบัติเหตุและคนเจ็บป่วยหนักที่อันตรายถึงชีวิตที่ต้องเข้ารับการรักษา
ไม่กี่วันมานี้มีคนไข้อาเจียนพุ่งเป็นเลือด หัวใจหยุดเต้น การที่หมอจะกระโดดเข้าไปช่วยชีวิตปั๊มหัวใจทันทีเหมือนเมื่อก่อนก็ไม่สามารถทำได้ ต้องใส่ชุด PPE ก่อน ยังมีรายละเอียดในขั้นตอนการรักษาอื่นๆ อีกหลายอย่างมาก คนทำงานก็กดดันด้วยเวลาที่เร่งรีบและด้วยปริมาณเคสบางครั้งผู้ป่วยและญาติไม่เข้าใจคิดว่ามัวทำอะไรอยู่ ทำไมไม่รีบมารักษา แต่ขณะนั้นพวกเราทุกคนกำลังเตรียมความพร้อมป้องกันเพื่อเข้าไปช่วยชีวิตผู้ป่วยอย่างปลอดภัย ล่าสุดเพื่อนร่วมงานเจี๊ยบน้องพยาบาลเป็นลมในชุด PPE ระหว่างกำลังทำงาน
ห้องแยกโรคป้องกันการแพร่เชื้อ (ห้องความดันลบ) ที่ใช้สำหรับเคสผู้ป่วยโควิดมีจำกัด ไม่พอกับจำนวนผู้ป่วย จนคนไข้โควิดต้องออกมานอนรักษาอยู่ด้านนอก ทำได้เพียงเว้นระยะห่าง (ที่ไม่ห่าง) ระหว่างเตียง ผู้ป่วยใกล้เคียงรวมถึงเจ้าหน้าที่ก็ต้องเสี่ยงติดเชื้อไปตามกัน เพราะห้องแยกโรคเต็มหมด และเป็นเรื่องที่น่าเศร้ามากค่ะ เจี๊ยบเจอเคสคนไข้อายุมากกว่าเจี๊ยบแค่ปีเดียว ไม่มีโรคประจำตัวอื่นใด แต่ก็เป็นหนักจนเสียชีวิตลำพังบนเตียง ไม่มีโอกาสได้ร่ำลาใคร ญาติพี่น้องไม่สามารถเข้าพบได้ ลองนึกดูว่าถ้าเรื่องแบบนี้เกิดกับครอบครัวหรือคนใกล้ตัวของตัวเองจะทรมานใจขนาดไหน
เคสโควิดที่ป่วยหนักจนจำเป็นต้องใส่ท่อช่วยหายใจก็เกิดขึ้นทุกวัน ตั้งแต่ทำงานใส่ท่อช่วยหายใจให้คนไข้โควิดมา ยังไม่มีเคสไหนเลยที่รอด ทุกครั้งที่จะต้องใส่ท่อช่วยหายใจ ให้ผู้ป่วยเจี๊ยบรู้สึกเศร้ามาก เพราะตัวหมอเองยังไม่รู้เลยว่าคนไข้จะมีโอกาสได้กลับบ้านไหม ที่ทำได้ดีที่สุดในตอนนั้นเพียงแค่จับมือและบอกคนไข้ว่าเดี๋ยวหมอจะใส่ท่อช่วยหายใจให้ตอนตื่นมาจะมีท่ออยู่ในปากนะ
มีเคสนึง คนไข้เป็นคนขับรถแท็กซี่ คุณลุงเล่าว่าผู้โดยสารให้ไปส่งที่รพ. ระหว่างทางก็ถามผู้โดยสารว่าไปส่งที่รพ.เป็นอะไร เป็นโควิดหรือเปล่า ผู้โดยสารเลี่ยงไม่ตอบ คนขับก็ไม่กล้าให้ลงจากรถเห็นผู้โดยสารขึ้นมานั่งแล้ว จึงไปส่งให้ถึงที่หมาย หลังซักประวัติเสร็จไม่นานคุณลุงก็อาการหนักจนต้องใส่ท่อช่วยหายใจ เป็นอีกเคสที่จากไป เจี๊ยบไหว้พระขออธิษฐานให้คุณลุงสงบสุขอยู่บนสวรรค์นะคะ
สถานการณ์ในตอนนี้หนักมาก บางเคสที่เจออายุไม่เยอะ ไม่มีโรคประจำตัวมาก่อนก็อาจมีโอกาสอาการหนักได้ ความเสี่ยงมีอยู่ทุกที่ เจี๊ยบขอเป็นหนึ่งเสียงในฐานะแพทย์และประชาชนคนหนึ่ง ขอวัคซีนที่มีประสิทธิภาพและทั่วถึงให้ประชาชน ทุกคนอย่างเร็วที่สุดเถอะนะคะ เพราะแต่ละวินาทีที่ช้าไปคือชีวิต หมอทุกคนอยากเห็นคนไข้ได้กลับบ้านไปหาคนที่เขารัก”