“แมน การิน” เผยภาพในไอจีไม่ใช่สิ่งที่ตนทำเพื่อเป็นคอนเทนต์ให้คนขำ แต่เป็นเหตุการณ์จริงที่เกิดขึ้น ตื่นเต้นกับการที่เตรียมตัวพา “เกล” ไปคลอด บอกมีลูกแล้วชีวิตเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ เคยคิดวางแผนชีวิตให้ลูกแบบเป็นสเต็ป แต่ตอนนี้เลิกคิดเลย เพราะทุกวันนี้พอได้เลี้ยงลูกเองถึงได้เรียนรู้ไปพร้อมกับลูกในทุกๆ วัน จะไม่ชี้ทาง แต่จะคอยหาข้อมูลช่วยเสริมให้มากกว่า เผยมีคนที่สองแน่นอน แต่รอให้คนแรกเริ่มดูแลตัวเองได้มากกว่านี้ก่อน พร้อมใช้วิธีทางวิทยาศาสตร์
เพิ่งได้เป็นคุณพ่อป้ายแดงไปหมาดๆ สำหรับเจ้าพ่อศาสตร์ตัวเลขอย่าง “แมน การิน วราภัสร์” ซึ่งภรรยาสาว “เกล รดา ศิริมะณีวัฒนา” เพิ่งคลอดลูกชายคนแรก “น้องกราฟ กรธัช วราภัสร์” หลังรอคอยกันมานานกว่า 4 ปี ซึ่งก่อนหน้านี้ฝ่ายหนุ่มแมนมักจะโพสต์ภาพและข้อความให้คนเห็นแล้วอมยิ้มได้ตลอด บอกว่าตื่นเต้นกับการเตรียมตัวพาภรรยาสาว ไปคลอด เลยต้องเตรียมของพะรุงพะรัง โดยเจ้าตัวก็เผยว่านั่นคือเหตุการณ์จริงที่เกิดขึ้น ไม่ใช่ภาพที่เอามาลงทำคอนเทนต์แต่อย่างใด
“คือมันหลายเรื่องราวครับ บางคนอาจจะไม่ค่อยเข้าใจ อย่างแรกคือการไปโรงพยาบาลยุคโควิด อันดับแรกเราต้องสว็อปจมูกทุกครั้งครับ และต้องรอผล 2 ชม. เสร็จขึ้นไปตรวจว่าปากมดลูกว่าเป็นยังไงบ้าง พร้อมคลอดหรือเปล่า แต่ถ้าหมอบอกว่ายังเปิดแค่นิดเดียวเอง ก็จะให้กลับมาบ้านครับ พออีกวันไปใหม่ก็ต้องสว็อปจมูกและรออีก 2 ชม. ฉะนั้นการที่เราจะไปใช้ชีวิตอยู่ในช่วงพักฟื้นที่โรงพยาบาล เราจะต้องเตรียมของให้ครบ เพราะถ้าออกมาแล้วเข้าไปใหม่ก็ต้องสว็อปจมูกใหม่หมดทุกอย่างครับ ก็เลยทำให้การเตรียมของต่างๆ ต้องคิดแล้วคิดอีก มีอะไรขาดเหลือไหม
มันไม่ได้เป็นเรื่องตลกนะครับ เพราะจริงๆ แล้วคุณพ่อหลายคนลืมของเยอะมาก บางคนไม่ใส่รองเท้ามาก็มีครับ ผมก็เลยพยายามมีสติในการที่จะเตรียมโน่นนี่นั่น และด้วยความที่เป็นคนรนด้วย แค่เกลบอกปวดท้องนิดนึงผมก็คว้ากุญแจรถแล้ว ที่โพสต์ทุกอย่างนั่นคืออาการจริงเลยครับ มีรูปนึงที่ผมถอดเสื้อแล้วมีฟองแชมพูติดหัวน่ะ คือผมอาบน้ำอยู่ แล้วเกลตะโกนมาว่าปวดท้องมากเลย ผมก็คว้าเสื้อแล้ววิ่งออกมาเลย ก็คิดว่าจะมาใส่เสื้อในรถ สระผมอยู่ยังไม่ได้ล้างออกเลย เกลเขาเห็นก็เลยถ่ายรูปเอาไว้ นี่คือเรื่องจริงครับ ไม่ใช่ว่ามานั่งถ่ายกันเล่นๆ”
เผยวินาทีเห็นหน้าลูกครั้งแรกดีใจมาก เพราะรอคอยมากว่า 4 ปี
“วันนั้นเป็นวันที่เรารู้สึกสบายใจมากๆ ครับ เพราะว่าใกล้มือหมอ เราเตรียมทุกอย่างมาพร้อมหมด แล้วมันเป็นวันที่ครบ 39 วีกที่เราอยากให้เขาอยู่ในท้องจนครบจริงๆ เพราะเด็กจะมีพัฒนาการที่สมบูรณ์ที่สุด ก็ปรากฏว่าอยู่ครบพอดีครับ เช้าวันที่ครบ 39 วีกก็ได้ผ่าเลย แล้วผมก็ได้เข้าไปในห้องคลอดด้วย คือปกติผมไม่ได้เป็นคนกลัวเลือดอะไรอยู่แล้ว แล้วก็ไม่ได้เอากล้องอะไรเข้าไปเลย แต่ที่มีรูปก็คือขอให้พี่พยาบาลช่วยเก็บภาพไว้ให้หน่อย ก็เข้าไปตัวเปล่าและโฟกัสที่เกลกับลูกเท่านั้นครับ
อารมณ์ตอนเห็นหน้าลูกครั้งแรกคือดีใจมากๆ ครับ นี่คือสิ่งมีชีวิตที่มหัศจรรย์มากๆ เราเคยคุยกับเขาอยู่ในท้องทุกวัน เล่านิทานให้ฟัง พอวันนี้เขาออกมาแล้วเราก็ดีใจมากๆ ครับ นี่คือลูกที่เรารอคอยมา 4 ปี ในการที่เราพยายามมาหลายๆ อย่าง ตั้งหลายครั้งกว่าจะสำเร็จ พอลูกออกมาเกลก็ร้องไห้ แล้วลูกก็ร้องดังมาก เป็นโมเมนต์ที่มีความสุขมากๆ ครับ ผมก็ร้องไห้เหมือนกัน ผมสายนี้อยู่แล้ว แต่ก็ไม่ได้มาก จะไปแอบร้องคนเดียวตอนที่เอาลูกไปทำความสะอาดตัวมากกว่า”
ตั้งแต่เลี้ยงลูกกันเองตั้งแต่แรก จากที่ไม่เคยอุ้มเด็ก แต่ตอนนี้อาบน้ำลูกคล่องมาก
“ก็ต้องบอกว่าอาจจะโชคดีที่ช่วงอาทิตย์ที่ผ่านมาผมไม่มีงานต้องออกข้างนอก ซึ่งก็สามารถทำงานแบบออนไลน์ที่บ้านได้ และมีน้องสาวของเกลคอยช่วยมาเป็นพี่เลี้ยงคอยช่วยระดับนึง ซึ่งต้องบอกว่าเราเป็นมือใหม่กันทั้งหมด เราก็พยายามเรียนรู้ไปพร้อมๆ กันครับ เราไม่ได้ใช้พยาบาลมาคอยช่วยเลย เราเลี้ยงกันเองจริงๆ เราตัดสินใจกันตั้งแต่แรกแล้วครับ ก็มีหลายคนบอกว่าเลี้ยงกันเองมันเหนื่อยนะ บางคนก็บอกว่ามีตังค์รวยแล้วทำไมไม่จ้างพยาบาล แต่ผมคิดว่าผมอยากเรียนรู้ลูกของผมเองมากกว่า ไม่ใช่ว่าพอเรามีแล้วก็ส่งต่อให้พี่เลี้ยงพยาบาล เรามีหน้าที่แค่ให้นมแล้วก็ออกไปทำงานหาเงินเหรอ อย่างนั้นมันไม่ได้ฟีลความเป็นพ่อแม่นะผมว่า
อย่างผมมีหน้าที่เปลี่ยนแพมเพิสกับอาบน้ำลูก ผมจับเวลาเปลี่ยนแพมเพิสทุกวันเลยนะ คือจะทำทุกอย่างให้เร็ว ทุกวันนี้ผมเปลี่ยนแพมเพิสเร็วมาก อาบน้ำให้ลูกเร็วมาก คล่องมาก แล้วเราก็จะสังเกตอาการเขาได้ว่าเขาร้องเพราะอะไร เขาร้องเพราะอยากให้เราอุ้ม หรืออยากให้เปลี่ยนผ้าอ้อม หรือหิว อึสีนี้อารมณ์เป็นยังไง ร้องแบบนี้คือยังไง ผมจะสังเกตลูกทุกอย่าง โดยเฉพาะอาบน้ำนี่ผมชอบมาก คือก่อนหน้านี้ผมไม่เคยอุ้มเด็กสักคนเลยนะ ผมกลัวทำตก กลัวการอุ้มเด็กมากๆ กลัวคอเขาไม่แข็งแรง แต่พอเป็นลูกตัวเองผมอยากอุ้มมากเลย ผมมั่นใจว่าผมอุ้มลูกตัวเองแล้วปลอดภัยแน่นอน”
บอกชีวิตเปลี่ยน ความคิดเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ
“แต่ก่อนเคยคิดว่าถ้ามีลูกจะสอนให้ลูกเป็นอย่างนั้น อย่างนี้ แต่สุดท้ายพอมีจริงๆ กลายเป็นว่าลูกสอนเราเองมากกว่าว่าเราต้องทำตัวยังไง การมีลูกทำให้เราเห็นมุมมองที่เปลี่ยนไป เข้าใจชีวิตมากขึ้น เข้าใจความเป็นครอบครัวมากขึ้น เรื่องอนาคตของลูกเนี่ย บ้านผมยังไม่ได้มองไกลขนาดนั้น แต่แค่ศึกษาข้อมูลว่าต้องเตรียมอะไรแบบไหน คือผมจะเรียนรู้จากลูกวันต่อวัน ผมจดทุกวันเลยว่าวันนี้ลูกสอนอะไรผมบ้าง เราเรียนรู้พัฒนาการเขา
อย่างวันนึงเห็นว่าลูกเรามีพรสวรรค์ด้านศิลปะ เราอาจจะมองหาโรงเรียนทางเลือกเผื่อไว้ แต่เมื่อก่อนผมวางเป็นแพลนไว้เลยนะ ลูกผมออกมาต้องเรียนที่นี่ เข้าสาธิตจุฬาฯ เข้าเตรียมอุดมฯ เอ็นทรานซ์เข้าคณะนี้ๆ เสร็จแล้วส่งไปเรียนมองนอกนั่นนี่ ผมคิดแบบนี้ก่อนที่จะมีลูกเมื่อ 2-3 ปีก่อน แต่พอวันนี้ผมเปลี่ยนความคิดหมดเลย เพราะลูกจะสอนเราเอง และจะบอกเราเองว่าเขาต้องการอะไร แต่แค่เราต้องมีข้อมูลให้เขาเอาไว้เท่านั้นเอง
ตอนนี้ก็ถือว่าเรียนรู้ไปพร้อมกับลูกครับ แต่ก็เริ่มเป็นสเต็ปมากขึ้น เริ่มแบ่งหน้าที่กันได้ชัดเจนขึ้น กลางวันก็พยายามให้เขาเล่นเยอะๆ กลางคืนจะได้นอน ตื่นน้อยๆ แต่ผมมองว่าเขาเลี้ยงง่ายนะครับ ผมอาจจะโชคดีที่เขาไม่ค่อยงอแงมาก หรือเพราะเรามองออกว่าถ้าเขางอแงเราจะต้องแก้ไขยังไง”
เผยตอนนี้ยังไม่ขอให้ใครมาหาทั้งนั้น แม้กระทั่งปู่ ย่า ตา ยาย
“คุณตา คุณยาย คุณปู่ คุณย่าอยากมาดูหลานมากๆ ครับ เพราะตอนที่อยู่โรงพยาบาลเราไม่ได้ให้ใครมาเยี่ยมเลย เพราะทางโรงพยาบาลมีกฎเข้มงวดว่าห้ามคนนอกเข้าด้วย อีกอย่างผมไม่อยากให้เกิดดรามา คือถ้าผมให้เพื่อนคนนี้มา แล้วอีกคนไม่ได้มาเขาจะคิดยังไง แล้วถ้าบังเอิญเกิดซวย คนนั้นดันพาโควิดติดเข้ามา แล้วมาติดกันทั้งแผนกเด็กนี่เรื่องใหญ่เลยนะ ผมก็เลยคุยกับเกลว่าเราตัดปัญหาตรงนี้ดีกว่า ก็เลยมีแค่คุณทวดกับคุณยายคือแม่ของเกลเท่านั้น เพราะท่านอายุมากแล้ว อยากเห็นหลานจริงๆ ผมก็เลยให้ท่านมาดูที่บ้าน แล้วก็ผ่านเครื่องฆ่าเชื้อที่ผมมีที่บ้าน แต่คนอื่นยังไม่ได้เข้ามาบ้านผมเลยครับ
ช่วงนี้ก็จะเป็นนิวนอร์มอลในการเยี่ยมหลานกันไปก่อนครับ เพื่อนๆ ญาติๆ ก็มีส่งของมาให้เต็มเลย เราก็เอาของมาถ่ายกับลูกแล้วก็ส่งไปให้เขา ก็รอวันที่ครบ 1-2 เดือนให้ลูกแข็งแรงขึ้น ทำประกันชีวิตได้ ทำวัคซีน แล้วก็ค่อยว่ากันอีกทีนึง ค่อยๆ คัดคนให้มาเยี่ยมได้ดีกว่าครับ”
บอกที่มาของชื่อ “น้องกราฟ กรธัช” คือความรักของพ่อแม่ที่ทำให้เกิดขึ้นมา
“ผมอยากให้มีความคล้องกับแม่ด้วยครับ คือชื่อเกลมาจากสเกล ที่เป็นเหมือนตารางที่เป็นมาตรวัด แล้วกราฟก็เป็นตารางเหมือนกัน ซึ่งกราฟก็มี ก. และ ร. มีความเป็นพ่อและแม่ผสมอยู่ ก.คือการิน ร.คือรดา ก็เลยเป็นชื่อน้องกราฟครับ ส่วนชื่อจริงคือ กรธัช แปลว่า ผู้สร้างสิ่งที่สูงสุด แต่ผมมองในอีกมุมคือ ก.การิน ร.รดา ส่วนธัชมันคล้องกับ touch ที่แปลว่าสัมผัส ก็เลยมีความหมายว่าการินกับรดามีความสัมพันธ์ ก่อเกิดซึ่งกันและกันจนเป็นเขาขึ้นมา ก็คือบุตรแห่งแมนเกลนั่นเองครับ”
บอกนอกจะดูแลลูกแล้ว ต้องคอยเอาใจใส่ภรรยาด้วย เพราะจะเซนซิทีฟเป็นพิเศษ
“กับเกลเนี่ยก็ไม่ถึงกับแบ่งเวลากันชัดเจนหรอกครับ เพราะอย่างถ้าเขาต้องตื่นมาให้นมลูกตอนดึกๆ ผมก็จะตื่นมาอยู่กับเขาด้วย ก็เหมือนมาอยู่เป็นเพื่อนกัน ต้องเข้าใจความรู้สึกของคนเป็นแม่ด้วยครับ เพราะถ้าเราหลับแต่เขาตื่น เราไม่รู้หรอกว่าภาวะความคิดของเขาคืออะไร ช่วงนี้จะเป็นเรื่องความเซนซิทีฟเยอะมาก ผมคิดแค่ว่าอะไรที่มันจะลดความเซนซิทีฟลง ลดความเครียดของแม่ลงได้ เราก็ต้องช่วยกัน เราก็พยายามชมเขา ให้กำลังใจเขา เขาก็จะมีความสุข เพราะบางคนพอมีลูกแล้วลืมคนเป็นแม่ไปเลยก็มีนะครับ มัวแต่ไปเห่อลูกอย่างเดียวเลย สำหรับผมถ้าหอมลูก 1 ที ต้องหอมแม่ 2 ทีอะไรประมาณนี้
อีกอย่างคือให้เกลงดรับสาร งดดูสื่อโซเชียลเลยครับ เพราะยิ่งช่วงฮอร์โมนตกด้วย พอได้เห็น ได้ยินข่าวช่วงนี้ว่ามีเด็กเสียชีวิตจากโควิดบ้างอะไรบ้าง ตรงนี้มันบั่นทอนพอสมควรเลยนะ อีกอย่างคือมีคนอินบ็อกซ์มาขอความช่วยเหลือเยอะมาก ส่งรูปเด็กน่าสงสารมาให้ดู บอกว่าช่วยหน่อยได้ มาขอยืมตังค์อะไรแบบนี้ครับ แล้วด้วยความเซนซิทีฟคนเพิ่งมีลูกก็จะอ่อนไหวมากๆ เขาก็อยากจะช่วยไปซะทุกคนเลย ผมก็เลยบอกว่าเขาต้องลดการดูโซเชียลแล้วนะ คือปกติเกลเป็นคนไม่เล่นโซเชียลอยู่แล้ว จะเข้าเฉพาะเฟซบุ๊กของเขากับเพื่อน อย่างรูปในไอจีเราก็ลงแค่วันละรูปเท่านั้นเองครับ
ถามว่าวางแผนเลี้ยงลูกในยุคโควิดแบบนี้ ผมว่ามันมีสองมุมนะ อย่างแรกคือมันทำให้เราได้อยู่ด้วยกัน เรียนรู้กัน หรืออาจะมีคนนั้นคนนี้เข้ามาช่วยแนะนำสอนเรา มันอาจจะทำให้เกิดภาวะความเครียดกับเราได้ง่าย ก็เลยจะบอกกันว่าดูสิ่งที่เหมาะกับบ้านเราจริงๆ ดีกว่า อย่างเวลาลงรูปในไอจีก็จะมีคนมาช่วยเลี้ยงเยอะครับ ผมก็ขอบคุณมากๆ ในทุกคอมเมนต์ ทุกคำแนะนำที่บอกกันมา แต่เราก็เลือกสิ่งที่เหมาะกับบ้านเรามากที่สุด เพราะแต่ละบ้านก็เลี้ยงลูกไม่เหมือนกันหรอก”
บอกพร้อมมีลูกคนต่อไป แต่รอให้คนแรกช่วยเหลือตัวเองได้มากกว่านี้ก่อน
“ก่อนหน้านี้เราเคยมีความคิดว่าอยากมีอีกคนต่อเลย แต่ตอนนี้มองหน้ากันแล้วถามว่าเหนื่อยไหม (หัวเราะ) แอบมีเล็กๆ แต่เป็นความเหนื่อยที่มีความสุขครับ ก็เลยอาจจะรออีกสักพักนึงให้คนนี้ดูแลตัวเองได้มากกว่านี้ก่อน เพราะถ้าเรามีเลยตอนนี้ แต่คนนี้ยังดูแลตัวเองไม่ได้เลย เราก็จะเหนื่อยเกินไป เพราะเราเลี้ยงกันเองจริงๆ ไม่ได้มีใครช่วย และดูเรื่องสถานการณ์ด้วยครับ แต่ถามว่าอยากมีไหม เราอยากมีครับ
แต่ครั้งต่อไปอาจจะอาศัยวิธีการแพทย์ก็ได้ครับ เพราะเราเตรียมทุกอย่างไว้หมดแล้ว ไม่มีปัญหาเลย มีปัญหาแค่ว่าเราจะไม่มีเวลานอนหรือเปล่า เราจะไหวไหมแค่นั้นเอง ถามว่าอยากได้ผู้หญิงไหม ผมยังไงก็ได้นะ แต่จริงๆ แล้วคนนี้ได้ผู้ชายเกลเขาแฮปปี้นะ เพราะเกลชอบเด็กผู้ชาย ส่วนผมน่ะชอบเด็กผู้หญิง ก็เลยคุยกับเกลว่าถ้าคนที่สองขอเป็นบุตรแห่งแมนได้ไหมเพราะคนแรกเป็นบุตรแห่งเกลไปแล้ว (หัวเราะ) แต่เดี๋ยวรอดูอีกทีครับว่าจะยังไง ขอเอาคนแรกนี่ก่อนครับ นี่แค่ 3-4 คืนพวกผมยังเป็นแพนด้าแล้วเลย (หัวเราะ) อนาคตก็ค่อยว่ากันครับ”
