“ปั้นจั่น” เปิดหมดใจ มรสุมชีวิตโพสต์เดียวเปลี่ยนชีวิต จากดังเป็นดิ่ง กลายเป็นโรคซึมเศร้า อยากหลับไม่อยากตื่นอีก ปิดไฟปิดม่าน จนแม่สั่งห้ามล็อกประตู ทุกวันนี้ก็ยังต้องรักษาด้วยการกินยา เผยเอฟเฟกต์ที่ตามมาอาจทำให้เสื่อมสมรรถภาพทางเพศ เพราะตอนนี้อารมณ์ต่างๆ มันกลางๆ ไปหมด ร่าเริง-เศร้าไม่สุด
เรียกว่าไม่ได้ออกรายการพูดคุยถึงประเด็นอะไรต่างๆ มานานทีเดียว สำหรับพระเอกหนุ่ม “ปั้นจั่น ปรมะ อิ่มอโนทัย” ที่ล่าสุดยอมเปิดหมดใจผ่านรายการแฉ ในช่วงที่ชีวิตกำลังโด่งดังจากบท “เรือง” ละครบุพเพสันนิวาส ถูกยกเป็นสามีแห่งชาติ แต่อยู่ดีๆ ชีวิตก็พลิกผันหลังโพสต์ข้อความทำนองว่าคนด่ารัฐบาลสืบทอดอำนาจ แต่ก็เห็นลูกจบนอก ขับซูเปอร์คาร์ อย่าบ่นมาก ให้ทำมาหากินต่อไป จนโดนกระแสโจมตีหนักเมื่อ 2 ปีก่อน ซึ่งเจ้าตัวเผยว่าหลังจากนั้นทำให้กลายเป็นโรคซึมเศร้า ที่ส่งผลมาถึงทุกวันนี้
“อาการมันค่อยๆ สะสมมาครับ เพราะข่าวหนักๆ ที่ผมเจอมัน 2 รอบ แล้วเราไม่เคยเจอ มันก็จิตตก ไม่อยากทำงาน ไม่อยากทำอะไร ไม่อยากเจอใคร ไม่มีพลังเลย อยู่แต่ในห้อง นอนปิดไฟ ปิดม่าน ไม่มีแรงจะทำอะไร จนแม่บอกว่าไม่ให้ล็อกห้อง เขาก็เก็บกุญแจห้องไว้ จริงๆ มันเหมือนสวิตซ์นะ พอเราออกมาเจอคนเราก็ร่าเริง แค่พอกลับบ้านก็เงียบๆ นิ่งๆ แต่เวลาออกมาเจอคนเราก็ออโต้ ต้องทำงาน สวมวิญญาณเป็นอีกคนนึง
ถามว่าน้อยใจไหมช่วงนั้นทำอะไรก็ผิด จริงๆ มันเป็นเรื่องเข้าใจผิดแค่การสื่อสารนิดเดียวเอง แล้วก็ทำให้เรื่องมันบานปลายไปใหญ่ คือเราเป็นคนที่แคร์ความรู้สึกคนอื่น แล้วพอเรามาโดนคอมเมนต์ต่อว่าว่าเราไม่แคร์คนอื่น มันเลยทำให้ยิ่งเฮิร์ตเข้าไปอีก เพราะผมเองก็ลูกชาวบ้านคนธรรมดาคนนึง แล้วผมก็ไม่เคยไปมองว่าคนมันสูงต่ำต่างกันยังไง แต่พอคนเขาเข้าใจเราอย่างนั้นเราก็เสียใจ ว่าทำไมเขาถึงมองเราแบบนี้”
บอกไม่มีโอกาสได้ออกมาชี้แจง นอยด์ถึงขั้นไม่อยากมองหน้าใคร
“ตอนนั้นไม่รู้จะแก้ไขยังไง คือเคสผมมันเป็นเคสแรกๆ ที่เกิดขึ้นด้วย พอเคสหลังๆ เดี๋ยวนี้เขาก็จะกล้าแก้ตัวกันมากขึ้น แต่ตอนนั้นผมก็อยากจะแก้ตัวนะ ปรึกษาผู้จัดการ เขาก็บอกว่าอย่าไปพูดเลย ยิ่งพูดก็เดี๋ยวต่อความยาวสาวความยืด แต่ถ้าเกิดมองในมุมกลับกันเราไม่ได้มีโอกาสแก้ต่างให้ตัวเองเลย ไม่มีโอกาสได้พูดเลย มันก็ออกได้สองแบบ แล้วปล่อยให้กาลเวลามันตอบเองว่าเป็นยังไง
ตอนนั้นผมไปออกรายการนึงแล้วกระแสมันกำลังแรง เป็นรายการสดด้วย คือหน้าผมนี่ไม่ไหวแล้วจริงๆ ครีเอทีฟเขาก็ถามว่าน้องไหวหรือเปล่า เป็นครั้งแรกในชีวิตที่ผมบอกผู้จัดการว่าผมไม่ไหว พูดแล้วน้ำตามันจะร่วง มันเหี่ยวไปทั้งตัว ขับรถออกไปจ่ายค่าทางด่วน ผมยังไม่อยากมองหน้าเขาเลย เพราะผมกลัวว่าเขาจะเห็นว่าเราเป็นคนแบบนั้นหรือเปล่า”
บอกอยากหลับแล้วไม่ต้องตื่นมาอีกเลย
“นอยด์ไปหมด ต้องไปหาหมอเลย คือถ้ามีงานก็ออกไปทำนะครับ แล้วเวลาไปถ่ายละครไม่มีใครทักผมเลย เพราะเขารู้ว่ายิ่งทักก็ยิ่งแทงใจดำ พอไปถึงกองสักพักผมก็จะหลับ ไม่เล่นกับใคร กลับบ้านก็นอน มันมีอาการเหมือนง่วงตลอดเวลา อยากหลับเพราะมันไม่ต้องคิดอะไร เคยคิดว่าถ้าหลับแล้วไม่ต้องตื่นก็ได้ เหนื่อย คิดอย่างนั้นเลย
จริงๆ แล้วผมรู้ว่าเราคงไม่ถึงขั้นอะไรอย่างนั้นหรอก เพราะเรายังมีคนที่ต้องดูแล มีพ่อมีแม่ แต่หลักๆ แล้วคุณพ่อคุณแม่เป็นกำลังใจสำคัญ เพื่อนๆ หลายๆ คนที่เข้าใจก็จะโทร.มา ไม่ว่าจะอยู่ในมุมไหน ฝั่งไหนก็ตาม เขาก็บอกว่าไม่รู้ว่าคนอื่นจะบอกว่ามึงเป็นยังไง แต่กูรู้จักมึง มึงไม่ได้เป็นแบบนั้น นี่คือกำลังใจเล็กๆ ที่ต่อพลังเราในตอนนั้น มันก็มีช่วงนึงที่เราไม่มีจิตใจจะไปแคร์ใครแล้ว ไม่รู้เป็นข้อดีหรือเปล่า”
บอกยังต้องกินยารักษาอาการซึมเศร้าทุกวัน มีผลอาจทำให้เสื่อมสมรรถภาพทางเพศ
“อาจจะเพราะตอนนั้นเลิกกับแฟนด้วย คือมันมีปัจจัยอื่นด้วย แต่ปัจจัยเรื่องของผมกับอาการนี้มันก็มีส่วน ก็ต้องกินยาจนถึงทุกวันนี้ครับ คือที่จริงมันหยุดได้นะ เพราะยาตัวนี้มันไม่มีเอฟเฟกต์ ผมไปหาหมอที่โรงพยาบาลเอกชนที่นึงเขาดูแลให้ แต่ยาตัวนี้เวลาเราร่าเริงมันจะร่าเริงไม่สุด เศร้าก็เศร้าไม่สุด อยู่กลางๆ แล้วก็ทำให้ใจเย็นลง ไม่คิดมาก ชิล มีเอฟเฟกต์อยู่อย่างเดียว อาจจะทำให้เสื่อมสมรรถภาพทางเพศ (หัวเราะ) เพราะยามันทำให้อารมณ์เรามันบาลานซ์ไปหมด แต่ก็ยังมีอารมณ์ทางเพศอยู่นะ ไม่ใช่ไม่มีเลย”
ตั้งเป้าเทิร์นโปรกอล์ฟ เตรียมเบรกงานละคร
“ตอนนี้มาเน้นหนักเรื่องตีกอล์ฟครับ ผมอยากเทิร์นโปรให้ได้ แล้วก็จะลดงานละครลง คือผมชอบกีฬาอยู่ พอได้มาตีกอล์ฟแล้วมันได้สมาธิ มันสนุก ก็เลยทุ่มเต็มที่เลย”