เข้าใกล้โค้งสุดท้ายเข้าไปทุกทีแล้ว สำหรับ “The Golden Song เวทีเพลงเพราะ ยกกำลัง3” หลังแข่งขันค้นหาผู้ที่ขับร้องบทเพลงทองคำได้ถูกใจคนในยุค พ.ศ.นี้มากที่สุดมายาวนานกว่า 7 เดือน จนได้สุดยอดนักร้องเสียงเพราะ 6 คนสุดท้าย อย่าง วิภู กำเหนิดดี, ร็อคเก็ต-ศุภพัฒน์ ทัศนจำรูญ, หมิว-ชนิตา แดงสำราญ, แม็ค-สิริ ไชยกุล, วิน-วศิน พรพงศา และ แพรว-รัตนาพร นอสูงเนิน ที่มีดีกรีความสามารถที่ไม่ธรรมดา แต่กว่าจะมาเป็น 6 สุดยอดเพชรเม็ดงามในรอบชิงชนะเลิศนี้ได้ พวกเค้าต้องฝ่าฟันกันมาหนักหน่วงขนาดไหน เราไปดูเส้นทางสู่ชัยชนะของพวกเค้าแต่ละคนกัน
เริ่มกันที่อาจารย์หมอ วัย 51ปี วิภู กำเหนิดดี จาก กรุงเทพมหานครฯ นายแพทย์สุดเนี้ยบที่มาพร้อมน้ำเสียงทรงพลัง และอารมณ์สุดบาดลึก ก่อนจะมาเป็น 6 คนสุดท้ายบนเวทีนี้ หมอวิภูเคยเป็นอดีตแชมป์สยามกลการ ปี 2536 แต่เนื่องจากห่างหายการประกวดร้องเพลงไปนาน วันนี้เขาขอแขวนชุดกาวน์เพื่อทวงคืนเวทีมาทำตามความฝันในการร้องเพลงอีกครั้ง ซึ่งตลอดการแข่งขันที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นเพลงช้าที่ต้องถ่ายทอดอารมณ์ หรือเพลงเร็วชวนคึกคัก หมอวิภูก็ทำออกมาได้อย่างน่าทึ่ง เป็นที่น่าประทับใจของแฟนรายการมาโดยตลอด และเคยคว้าคะแนนการแข่งขันจาก 1ในคณะกรรมการในรอบ 24 คนไปได้สูงสุดถึง 100 คะแนน
ต่อกันที่ ร็อคเก็ต-ศุภพัฒน์ ทัศนจำรูญ อายุ 28 ปี จ.ราชบุรี ทหารหนุ่มจากกองดุริยางค์ทหารบก จ. ราชบุรี ที่มาพร้อมกับมาดนิ่งและน้ำเสียงที่นุ่มลึก เขามาประกวดเวทีนี้พร้อมกับคุณแม่ และแม้เขาจะเป็นคนเดียวที่ได้ไปต่อบนเวทีนี้ เขาจึงขอทำหน้าที่สานต่อความฝันของคุณแม่ให้ดีที่สุด ท่ามกลางหลายเสียงวิพากษ์วิจารณ์และแรงกดดันที่ว่าเขาไม่เหมาะที่จะผ่านเข้ารอบ แต่เขาก็ไม่ย่อท้อ ทุ่มเทฝึกซ้อมอย่างหนัก และทำโชว์ได้ออกมาเป็นที่น่าประทับใจขึ้นเรื่อยๆ จนทำให้เขาได้เข้ามายืนเป็น 1 ใน 6คนสุดท้าย
และ หมิว-ชนิตา แดงสำราญ อายุ 23 ปี จาก กรุงเทพมหานครฯ นักร้องอาชีพบนเรือสำราญ สาวนักสู้ที่มาแข่งขันรายการนี้ทั้ง 3 ซีซั่น ที่แม้เธอจะไปไม่ถึงฝันในรอบลึกๆ จาก 2 ซีซั่นที่ผ่านมา แต่เธอก็ไม่ย่อท้อ กลับมาฮึดสู้อีกครั้งในซีซั่นที่ 3 พร้อมการพัฒนาที่ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดทั้งการร้องเพลงและเสน่ห์ที่เฉิดฉายน่าจับตามอง พิสูจน์ให้เห็นถึงความมุ่งมั่นและพยายามของเธอให้กับกรรมการ และแฟนรายการได้ประจักษ์ในทุกรอบการแข่งขัน และทำให้เธอสามารถผ่านเข้ารอบมาเป็น 1 ใน 6 คนสุดท้ายในรอบชิงชนะเลิศของซีซั่นที่ 3 นี้ได้สำเร็จ
ตามมาด้วยหนุ่มน้อยวัย 14 ปี แม็ค-สิริ ไชยกุล จาก กรุงเทพมหานครฯ ที่ถือเป็นผู้เข้าแข่งขันที่อายุน้อยที่สุดของซีซั่นนี้ แต่กลับเป็นผู้เข้าแข่งขันเล็กพริกขี้หนูที่มีความสามารถเกินอายุ ด้วยพรสวรรค์ในการร้องเพลง และเสียงร้องที่สดใสกังวานเสนาะหู จน 4 กรรมการและแฟนรายการต้องทึ่งในความสามารถ แม้แต่ในการร่วมขับร้องบทเพลงกับนักร้องมืออาชีพในรอบ Semi Final น้องแม็คก็ทำได้ดีไม่มีที่ติ แต่ทั้งเจ้าตัวและกรรมการก็ยังมิวายกังวลถึงเรื่องการเปลี่ยนแปลงของน้ำเสียงตามช่วงวัย ที่อาจเกิดการเสียงแตกระหว่างแข่งขันได้ ซึ่งก็ต้องมาลุ้นและเอาใจช่วยน้องแม็คกันในรอบชิงชนะเลิศนี้
ทางด้านของหนุ่มวิน-วศิน พรพงศา อายุ 27 ปี จ.สมุทรสาคร ครูสอนร้องเพลงที่พกดีกรีปริญญาตรีการขับร้องเพลงคลาสสิคจาก ประเทศสิงคโปร์ เขาก้าวเข้ามาพิสูจน์ความสามารถบนเวทีนี้ด้วยสไตล์การร้องเพลงที่เป็นตัวเอง แต่วินก็ไม่วายถูกวิจารณ์เรื่องน้ำเสียงที่หลายคนบอกว่าไม่เหมาะกับบทเพลงลูกกรุง แต่ด้วยความพยายาม บวกกับเทคนิคและดีไซน์การร้องที่มักจะสร้างความเซอร์ไพรส์ให้กับกรรมการและแฟนรายการอยู่เสมอ ก็เป็นการพิสูจน์ให้ได้เห็นถึงความสามารถที่น่าทึ่งของผู้ชายคนนี้จนได้รับคำชื่นชมอย่างล้นหลาม จนก้าวเข้ามาเป็น 6 คนสุดท้ายของรายการนี้ในที่สุด
และปิดท้ายกันที่ แพรว-รัตนาพร นอสูงเนิน สาวเสียงหวานวัย 23ปี จากเมืองย่าโม ที่ผ่านการเดินสายประกวดเพลงลูกทุ่งมาหลายสิบปี เวทีนี้ถือเป็นเวทีแรกในการร้องเพลงลูกกรุงที่สร้างความท้าทายให้กับเธอเป็นอย่างมาก แต่เธอก็สามารถทำได้อย่างน่าทึ่งและสร้างความประทับใจให้กับกรรมการอยู่หลายครั้ง จนทำให้เธอได้ผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศได้อย่างไม่มีข้อกังขา แต่เธอกลับต้องเจออุปสรรคทางด้านสุขภาพเนื่องจากป่วยเป็น โควิด-19 จนทำให้เธอเกือบต้องเสียโอกาสนี้ แต่ในที่สุดเธอก็สามารถรักษาตัวให้หายทันและพร้อมขึ้นพิสูจน์ความสามารถในรอบชิงชนะเลิศได้
และในวันอาทิตย์ที่จะถึงนี้ พวกเขาทั้ง 6 คนก็ทุ่มซ้อมกันอย่างหนัก เพื่อพร้อมที่จะทำหน้าที่อย่างเต็มที่ในการแข่งขันในรอบชิงชนะเลิศ “The Golden Song เวทีเพลงเพราะ ยกกำลัง3” รักใคร เชียร์ใคร ตามให้กำลังใจพวกเขาได้ วันอาทิตย์ที่ 4 ก.ค.นี้ เวลา 18.00น. ทางช่องวัน31