เมื่อเกือบยี่สิบปีก่อน มีหนังจากอังกฤษเรื่องหนึ่งเข้าฉาย พร้อมโฆษณาว่าเป็นหนังที่ถ่ายทำด้วยกล้องดิจิทัลแบบเต็ม เป็นเรื่องแรกๆ ของโลก
แต่นอกเหนือจากเรื่องเทคโนโลยีในการถ่ายทำแล้ว 28 Days Later เรื่องนี้กลายเป็นหนังที่ปลุกให้หนังซอมบี้กลับมาฮิตอีกครั้ง คราวนี้ไม่ได้อยู่ในวงการหนังสยองขวัญเหมือนในอดีตแต่หนังซอมบี้กลายเป็นภาพยนตร์กระแสหลักไปแล้ว
จากศพเริ่มได้ให้เครื่องช้า หนังซอมบี้ยุคใหม่ สร้างความระทึกขวัญ ด้วยตัวละครซอมบี้ที่เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วและอันตรายแบบสุดๆ ไอเดียทำตามถูกขุดมาใช้กับหนังประเภทนี้มากมาย
ที่สำคัญหนังซอมบี้ไม่ได้ถูกจำกัดอยู่แค่ในหมู่คนทำหนังอังกฤษ อเมริกา หรือยูโรประเทศต่างๆอีกต่อไปแล้ว แต่เชื้อรายซอมบี้ยังแพร่มาถึงฝั่งเอเชียจนมีการสร้างแนวนี้ออกมาอย่างต่อเนื่องในช่วงยี่สิบปีที่ผ่านมา
เรื่องแรกที่น่าสนใจก็จะเป็นงานจากฮ่องกงที่ใช้ชื่อว่า Bio Zombie ที่พูดง่ายๆว่าหลอก ไอเดียของหนังซอมบี้อันดับหนึ่งตลอดกาลอย่าง Dawn of the Dead มานั่นแหละ
เรื่องราวซอมบี้ระบาดทั่วเกาะฮ่องกง แต่เหตุการณ์ในหนังเกิดขึ้นห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งตัวละครถูกติดอยู่ในห้างแห่งนี้และต้องเอาตัวรอดให้ได้ โดยเอกลักษณ์ของหนังฮ่องกงเรื่องนี้ก็คือใส่ตัวละครนักเลงสไตล์หนังฮ่องกงเข้าไปเอาตัวรอดในเรื่อง พูดง่ายๆ ก็คือหนังกู๋หว่าไจเวอร์ชั่นซอมบี้นั่นเอง
กัมพูชาก็เป็นอีกประเทศที่โรงสร้างหนังซอมบี้ดูบ้างเหมือนกัน ในผลงานที่ชื่อว่า Run เมื่อเชื้อไวรัสระบาดทั่วกรุงพนมเปญ ก่อให้เกิดศพคืนชีพมากมาย พูดง่ายๆ ว่าหนังไม่มีอะไรใหม่เลย ทำตามอย่างหนังฮอลลีวูดแค่จัดฉากหลังเกิดขึ้นในกัมพูชาเท่านั้น
ส่วนหนังซอมบี้เรื่องแรกของบอลลีวูดก็คือ Rise of the Zombie ที่ดูหน้าตาของหนังแล้วก็เห็นได้ชัดว่าเป็นงานทุนต่ำๆ ก็เลยออกมาไม่ค่อยประสบความสำเร็จเท่าไหร่
แต่ที่น่าสนใจก็เห็นจะเป็นหนังเรื่อง Go Goa Gone จะสังเกตได้ว่าหนังซอมบี้อินเดียส่วนใหญ่ ใช้ทุนไม่มากอาจจะไม่ใช่เป็นหนังกระแสหลัก ก็เลยมักจะไปถ่ายทำก็ตามป่า และไม่เน้นฉากซอมบี้ในเมืองที่ใหญ่โตอลังการอะไร
ส่วนเพื่อนบ้านของไทยอย่างมาเลเซียก็ปล่อยหนังซอมบี้อเหมือนกัน ในชื่อที่ว่า KL Zombie หรือกัวลาลัมเปอร์ซอมบี้อะไรทำนองนั้น ซึ่งหนังรู้จะเน้นไปที่ความฮาประกอบความน่ากลัว ก็เลยขายได้เฉพาะในมาเลเซียไม่ประสบความสำเร็จออกมานอกประเทศ
ข้ามเกาะไปฟิลิปปินส์ ก็มีหนังซอมบี้เรื่อง The Grave Bandits เรื่องราวไปไกลถึงขั้นมีดาวหางตกลงบนโลก จึงขอให้ตรวจศพกินคนเดินได้ หนังผสมทั้งซอมบี้ และหนังผจญภัยเข้าด้วยกัน จนออกมาแปลกๆ และไม่ค่อยประสบความสำเร็จเช่นเคย
สำหรับ Hsien of the Dead เป็นผลงานซอมบี้สิงคโปร์ ดูหน้าตาเนื้องานก็ชัดเจนว่าเป็นหนังทุนต่ำอีกเรื่อง และขายขำ เหมือนกับหนังซอมบี้เอเชียเรื่องอื่น ที่ส่วนใหญ่มักจะเน้นขายในประเทศ เน้นขายมุกท้องถิ่นตลกโปกฮากันไปเป็นหลัก ยากที่จะเรียกร้องความสนใจจากผู้ชมในประเทศอื่นได้
สุดท้ายหนังซอมบี้ที่น่าสนใจจากฝั่งเอเชีย ก็คงจะวนเวียน อยู่กับหนังญี่ปุ่นและหนังเกาหลีเหมือนเดิม ที่ดูจะเน้นความสยดสยอง แบบสุดท้ายซอมบี้แท้ๆ ผสมการถ่ายทำที่ได้มาตรฐาน มีไอเดียแปลกใหม่
ญี่ปุ่นเกาหลีก็คงเป็นเจ้าแห่งซอมบี้เอเชียไปอีกหลายปี โดยเฉพาะการออกมาของ One Cut of The Dead ที่กระแสวิจารณ์นั้นดีเหลือเกิน
ส่วนกระแส “ศพคืนชีพ” ในเกาหลีใต้ก็ยังน่าจะฮิตไปอีกหลายปี เพราะวงการบันเทิงเกาหลียังขยันส่งหนังและซีรีส์ออกมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ “ซอมบีโชซอน” อย่าง Kingdom ที่ฮิตถล่มทลายไม่เฉพาะในเอเชีย แต่ดังไกลไปถึงตลาดตะวันตก ด้วยการผูกเรื่องซอมบี้เข้ากับประวัติศาสตร์เกาหลีได้อย่างน่าสนใจ
แถมยังมีการ “เขียนกฎกติกา” ให้กับซอมบี้แบบแปลกใหม่จนทำให้เนื้อเรื่องของ Kingdom เต็มไปด้วยอะไรที่คาดเดาไม่ได้
ส่วน #Alive คนเป็นฝ่านรกซอมบี้ ก็เป็นหนังซอมบี้ที่เล่าเรื่องในสไตล์ของยุค “โซเชียลมีเดีย” ได้อย่างน่าสนใจเช่นเดียวกัน
หนังที่เล่าเรื่องของหนุ่มที่ติดอยู่ในตึกเพียงคนเดียวระหว่างเกิดภาวะ “ซอมบี้” ระบาด โดยเล่าเรื่องการระบาดของซอมบี้ผ่านเทคโนโลยีต่างๆ จนกลายเป็นความแปลกใหม่ และประสบความสำเร็จชนิดหนังฮอลลีวูด Alone ที่เป็นต้นฉบับของหนังเรื่องนี้ถูกลืมไปโดยปริยาย