xs
xsm
sm
md
lg

ถามตรงๆ กับ “จิตดี” 7 ปีต้องทนอะไรกับ “พุทธ”?

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ถามตรงๆ กับ “จิตดี” เปิดหมดเปลือก 7 ปีทำงานกับผู้ชายที่ชื่อ “พุทธ” รับแลกมาด้วยน้ำตาและความกดดัน เคยคิดจะลาออกวันละร้อยรอบ แต่เพราะยังอยู่ สงสัยเป็น “คู่เวรคู่กรรม” รับรู้ใจและเข้าใจในสไตล์ของผู้ชายคนนี้ ไม่หวั่นคนมองแตกคอ พร้อมยิ้มรับกระแส “คู่จิ้น” นั่งคู่กันอีกครั้ง

อาจจะเป็นความลงตัวที่แปลกๆ แต่กระนั้นก็ต้องยอมรับว่าการจับคู่กันของผู้ประกาศระหว่าง "จิตดี ศรีดี" กับ "พุทธอภิวรรณ องค์พระบารมี" ในรายการ "ทุบโต๊ะข่าว" เป็นอะไรที่สร้างสีสันให้กับวงการข่าวบ้านเราไม่น้อย

ย้อนกลับไปก่อนหน้าที่ยังทำงานร่วมกันเชื่อว่าคงมีหลายคนที่เห็นบทบาทหน้าจอแล้วรู้สึกเห็นอกเห็นใจฝ่ายหญิงไม่น้อย ทว่าก็เป็นเรื่องแปลกที่ปัจจุบันเมื่อเธอแยกออกไปทำรายการใหม่แล้วก็กลับมีคนที่คิดถึงบรรยากาศที่ทั้งสองทำหน้าที่ด้วยกันอีกไม่น้อยเช่นกัน



"ย้อนกลับไปเราก็ไม่เคยถามเขานะว่าทำไมพี่เขาถึงเลือกเรา แต่เราก็เคยได้ยินน้องๆ ในทีมพูดกันว่าไอ้เจี๊ยบมันไม่เคยคิดร้ายกับใครเนอะ เอามันมานั่นแหละ..." ผู้ประกาศข่าวหญิงหวนถึงจุดเริ่มต้นก่อนเผยว่าจริงๆ เธอเคยจับคู่กับฝ่ายชายในการทำหน้าอ่านข่าวภาคดึกผ่านเคเบิ้ลทีวีช่องหนึ่งมาแล้ว

แต่เมื่อสถานะเปลี่ยนจากเพื่อนร่วมงานมาเป็นหัวหน้าลูกน้อง จึงทำให้ได้เห็นบทบาทที่เปลี่ยนไปของอีกฝ่าย..."ตอนนั้นเราทำฟรีแลนซ์ช่องเกษตรทางเคเบิ้ล เขาก็ชวนเรามา จากที่เราเคยเป็นเพื่อนร่วมงาน อ่านข่าวดึกที่ช่องเคเบิ้ลด้วยกัน และกลายมาเป็นลูกน้องก็อีกฟิลหนึ่ง"

"เราก็ได้เห็นตัวตนที่แท้จริงของพี่เขา เห็นความดุดัน ความมุ่งมั่น ความเขี้ยว ได้คลุกคลีอยู่ด้วยกัน จนเข้าใจว่าสิ่งที่เขาเป็นคือสุดท้ายแล้วต้องทำงานให้สำเร็จ เพราะในพาร์ทของเจ้านายคืออย่าให้ผิดเลยนะ ทุกคนเรียกพ่อ (ยิ้ม) อย่าหือกับพ่อ พ่อสั่งต้องรีบไป พ่อสั่งต้องรีบทำ"

"พ่อสั่งต้องรีบแก้ ถ้าแก้ไม่ได้ก็ไม่ได้กลับบ้าน ด้วยความที่เขาเป็นเจ้าหน้า เขาก็จะดุ แต่เรามองว่าเป็นวิธีสอนของเขา ทำงานกับพี่พุทธไม่มีคำว่า ‘ไม่ได้’ ทุกอย่างต้องได้ การให้นักข่าวลงพื้นที่ไป แล้วบอกว่าไม่มีอะไร คำว่าไม่มีคือไม่ใช่ การที่ให้คุณลงไปคือต้องมีอะไร ถึงให้ลงไปในพื้นที่"

"เด็กๆ ก็จะเกิดการเรียนรู้ เราทำหน้าจอเราก็เกิดการเรียนรู้เช่นกัน หรือเราพูดไม่ทัน พี่เขาก็งับไปพูดแทนเรา เราก็ไม่โกรธ มันเป็นสไตล์ของพี่เขา"


พร้อมคลายข้อสงสัย “พูดน้อย” เจตนาหรือถูกแย่งซีน?...“หลายคนอาจจะสงสัยว่าเราเป็นคนพูดน้อยไหม เพราะตอนทำทุบโต๊ะเราอาจจะเห็นเราพูดน้อย แต่ในชีวิตจริงถ้าคนที่สนิทกัน เราก็จะพูดมากในระดับนึง แต่พอมาอ่านในทุบโต๊ะพี่พุทธเป็นลีดเดอร์ เราก็มีหน้าที่เสริม มันไม่ได้มีการเตี๊ยมว่าใครต้องพูดมากพูดน้อย"
"มันเป็นการทำงานเป็นทีมมากกว่า เบื้องหน้าคนดูอาจจะเห็นว่าเราพูดแค่ค่ะ แต่เบื้องหลังเราทำงานกันหนักมาก ช่วยกันเลือกประเด็นข่าว เตรียมสคริปต์ ไม่ใช่เจี๊ยบมาถึงแล้วแค่อ่านแล้วคือเสร็จ"

ไม่ต่างอะไรไปจากที่หลายคนรู้สึกอึดอัดแทนฝ่ายหญิงระหว่างที่ต้องทำหน้าที่ร่วมกับอีกฝ่าย ผู้ประกาศหญิงยอมรับว่าเธอเองก็รู้สึกเช่นนั้นถึงขนาดที่คิดจะลาออกหรือร้องขอเปลี่ยนทีมงานอยู่หลายครั้ง แต่หลังจากได้มีโอกาสเปิดใจคุยกับอีกฝ่ายจึงเข้าใจ

"มีคนถามว่าทนทำไม หรือว่าเคยคิดจะไปทำที่อื่นไหม ก็มีเคยคิดนะ คิดที่จะลาออก หรือคิดว่าจะขอเปลี่ยนทีม เพราะความกดดัน ความเครียด ใครจะไปทนอยู่ได้ แต่พอมีอยู่วันนึงได้เปิดใจ ได้คุยกับพี่เขา เหตุผลที่พี่เขาต้องเขี้ยวกับเราเพราะอะไร เราเข้าใจในจุดประสงค์ของพี่เขา ก็ทำให้เราเปิดใจ และก็เปลี่ยนไม่ลาออก"

"แต่เราก็เป็นมนุษย์คนนึง (ความรู้สึกนี้มันเกิดขึ้นเมื่อไร?) ทุกช่วงปี (ยิ้ม) พี่เขาจะหาสิ่งใหม่ๆ มาตลอด พี่เขาไม่หยุดคิด ไม่หยุดพัฒนา พวกเราลองผิดลองถูกมาตลอด จนทุกอย่างมันดีขึ้น จนพอมันเห็นผลลัพท์ในสิ่งที่พี่เขาพร่ำสอน ต้องชื่นชมว่าพี่เขาเป็นอัจฉริยะทางด้านข่าว มุมมองข่าว"

"เขาก็เคยดุเราผ่านจอเหมือนกัน เราก็ค่อนข้างเครียด ไมเกรนขึ้นหัว และก็จะลืมเรื่อง สมองช็อต แต่เราก็ต้องตั้งสติ สมาธิมา สติก็ต้องเกิดด้วย ช้ความนิ่งและค่อยๆ ดูว่าพี่เขาอ่านไปถึงไหนแล้ว และที่เราไม่ค่อยขัด ก็เพราะว่าพี่เขาเล่าได้ละเอียดกว่าเรา เราก็คอยเสริม"


รีวิว 7 ปีกับผู้ชายชื่อ "พุทธ" รัก เคารพ ศรัทธา และแลกมาด้วย "น้ำตา"
"การทำงาน 7 ปี รู้สึกผูกพัน รู้สึกรักและเคารพ รู้สึกศรัทธาและเชื่อมั่น ไม่ใช่จะเทิดทูนสุดๆ นะ เพราะมุมที่ไม่ดี พี่เขาก็มี เขาก็เหมือนมนุษย์ทั่วไป แต่เราก็เข้าใจว่ามันเป็นสไตล์ของพี่เขา แต่ในอีกมุมนึงพี่เขาก็อาจจะทนกับเราไม่ได้เหมือนกัน (หัวเราะ) เราอาจจะช้าไม่ทันใจเขา แต่เราก็เชื่อว่าพี่เขาก็เรียนรู้ในความเป็นเราเหมือนกัน"

"เพราะเราก็รู้สึกว่าเขาเอ็นดูเรา และตลอด 7 ปีที่ทำงานกับพี่เขาคือเราได้เซ้นส์ในการเลือกข่าว วิธีการเลือกข่าว บอกเลยว่าถ้าฉันเสนอไป พี่ฉันต้องเล่น และสุดท้ายก็เล่น รู้ใจไหมล่ะ (ยิ้ม) หลายข่าวที่เราคัดๆ ไปให้พี่เขาก็เอาไปแตกประเด็น หยิบไปให้นักข่าวต่อยอดตลอด”

ถามจริงๆ ว่ามีความสุขมั้ยกับการทำงานที่ผ่านมา?
"จริงๆ แล้วมีความสุขมากๆ คนรู้จักรายการทุบโต๊ะข่าว เจี๊ยบดีใจมากๆ ดีใจผลงานทุกอย่างที่เราตั้งใจทำงานมาตลอด 7 ปี สู่สายตาประชาชน คนดูยอมรับและหันมามองเรา ยอมรับเรา อาจจะมีติชมบ้าง มีผิดพลาดกันบ้าง มันก็เป็นเรื่องธรรมดาของการทำงาน"

"และพอมันมีความสำเร็จ มันทำให้คนดูมองมาที่เรา เพราะเราคือคนทำงาน ก็ทำให้เราไม่ได้คิดมากอะไร ซึ่งเราเองก็ไม่ได้น้อยใจอะไรเลย แต่แค่เครียด กดดันมากกว่าเวลาโดนดุ เป็นอารมณ์นั้นมากกว่า ซึ่งเจี๊ยบก็เชื่อว่าเป็นทุกคน เวลาโดนดุโดนด่า แต่พี่เขาก็ด่าในเรื่องงานไม่ใช่ด่าในเรื่องส่วนตัว"

"งานผิดพลาดก็ต้องถูกตำติ ถูกด่าเป็นเรื่องปกติ แต่ก็มนุษย์เนอะก็ต้องมีความน้อยอกน้อยใจ ต้องมีความฮึดสู้ขึ้นมาก สู้และก็แก้ไข และพัฒนา"

บอกคงเหมือนคู่เวรคู่กรรม..."เพราะถ้าย้อนกลับไปวันที่เราอยากลาออกเพราะว่าเราเครียด เราถูกกดดัน แต่มันเหมือนคู่เวรคู่กรรมหรือคู่บุญกันมา เราอยากจะไปจากพี่เขาหลายรอบ แต่พี่เขาบอกว่าไม่ต้องไป อยู่กันที่นี่แหละ แต่เหมือนพอเราจะไป มันก็ต้องมีเหตุการณ์อะไรมารั้งเราเอาไว้"

"แต่มันเป็นเพียงแค่โมเม้นท์ที่เกิดขึ้นชั่ววูบ แต่ถ้าไม่มีเราอยู่ พี่เขาหาคนอื่นมาแทนก็ได้ แต่ถ้าคนอื่นมา จะมีใครเข้าใจในสไตล์ของพี่เขาไหมล่ะ และน้อยคนที่จะเข้าใจในตัวของพี่เขาได้ เพราะนี่คือธรรมชาติของพี่เขา ซึ่งถ้าเราเข้าใจ เพราะพี่เขาเป็นคนไม่มีอะไรเลย"

"และถ้าพูดเลยว่าพี่พุทธเป็นหัวหน้าที่พูดจาเขี้ยวมาก แต่ดีกว่าหัวหน้าที่ชมๆ แต่ลับหลังคือแทงข้างหลังเรา หรือไม่ส่งเสริมลูกน้อง เพราะทำข่าวที่อมรินทร์ต้องจิตแข็ง (ยิ้ม) เขาเคยพูดกับเราครั้งนึงว่า ยังไงเจี๊ยบก็ต้องทำได้ พี่เชื่อว่าเจี๊ยบทำได้ คำแบบนี้ กูต้องทำให้ได้ แต่เวลาโดนดุบ่อยๆ เราก็จำ (ยิ้ม)"


สำหรับการทำหน้าที่บทบาทใหม่นั้นเจ้าตัวระบุว่าต้องปรับตัวไม่น้อยทีเดียว
"ตอนนี้ได้มาจัดข่าวเช้าอรุณอมรินทร์ ทางช่อง 34HD ก็ตามสโลแกน จิตดีได้พูดแล้ว จะได้พูดแบบเต็มๆ ข่าวสักทีค่ะ เพราะเราได้รับนโยบายจากผู้ใหญ่ทางช่องให้มารับหน้าที่ตรงนี้ ซึ่งอารมณ์มันแตกต่างมาก ทีมงานก็เปลี่ยนไป เพราะถ้าเราอ่านกลางคืนเราต้องมาถึงออฟิตประมาณ บ่าย 2 โมงไม่เกินบ่าย 3"

"เพื่อจะมาอ่านข่าวทั้งหมด ประชุมข่าว พี่พุทธจะเป็นคนเลือกประเด็น เราก็ไปดูคลิปต่างๆ ที่ใช้ประกอบข่าว ทำความเข้าใจกับข่าว และพอเราอ่านข่าวเสร็จก็ต้องมีประชุม และเจี๊ยบก็ต้องมาอัพคลิปลงโซเซียล เราเป็นคนโปรยและพาดหัว เพื่อส่งให้พี่พุทธตรวจก่อนลงโซเซียล"

"แต่บางทีก็มีตี 4 กว่าจะได้กลับบ้านนะ และเราก็ต้องตื่นเที่ยงเพื่อจะเตรียมตัวมาออฟฟิศ แต่ตอนนี้ก็เปลี่ยนมาตื่นเที่ยงคืนเพื่อจะมาอ่านข่าวเช้า พอเราย้ายมาเช้าก็ต้องนอนเร็วสุดคือประมาณบ่าย 3 ถ้าช้าสุดก็ประมาณ 5 โมงคือต้องหลับแล้ว แรกๆ ก็หลับไม่ลง ต้องปรับตัวมาก ข่มตาให้นอน"

"เพราะมันไม่ใช่เวลาและเราเองก็ยังไม่ง่วง แต่กลับกลายเป็นว่าพอสักพักเราเริ่มเพลียมากๆ มันก็จะหลับไปเอง จนเดี๋ยวนี้หลับได้เองเลย และพอ 3 ทุ่มครึ่งก็ต้องตื่นมาเพื่อเตรียมตัวไปออฟฟิศ และการอ่านข่าวเช้ามันต่างกับการอ่านข่าวค่ำ เพราะข่าวเช้าคือต้องอารมณ์ดี"

"ทำยังไงให้คนดูตื่นมารับวันใหม่ด้วยรอยยิ้ม เสพข่าวให้มีความสุข เพราะตอนอ่านทุบโต๊ะข่าวคือเป็นเหตุบ้านการณ์เมือง เป็นการเจาะข่าว ขยี้ตามสไตล์พี่พุทธ"

หลายคนยินดีที่เจ้าตัวได้ทำหน้าที่ใหม่ แต่หลายคนก็ยังคงคิดถึงบรรยากาศเก่าๆ และอยากให้ทั้งสองกลับมาทำงานร่วมกันอีกครั้ง
..."บางคนอาจจะสงสัยว่าทำไมเราถูกย้ายมาอยู่ในช่วงทุบโต๊ะ1 ซึ่งเราก็สงสัยเหมือนกัน แต่พี่พุทธเขาเป็นคนที่เปลี่ยนอะไรก็ปุ๊ปปั๊ปเลย แต่ทั้งหมดก็เป็นกลยุทธของฝ่าบริหาร เราก็ทำหน้าที่ของเรา เราไม่มีปัญหา"

"แต่เราก็ดีนะที่คนดูมองว่าเราสองคนเป็นคู่จิ้นกัน ถ้าคนดูๆ แล้วมีความสุข เราก็มีความสุขไปด้วย บางทีแฟนๆ ก็เม้นท์มาในเฟสบุ๊คว่ากลับมาได้ไหม พี่สองคนทำให้หนูหายจากการซึมเศร้า เขาบอกว่าชอบเวลาที่เราสองคนหยอกเอินกันเขาก็เขียนมาว่าแม้บางข่าวมันจะเครียดๆ แต่พี่ทั้งสองคนก็นำเสนอออกมาให้หนูได้คลายเครียด"

"เราดีใจจากวันที่ไม่มีใครรู้จักเลยว่าว่าพุทธจิตดีคือใคร จนวันนึงทุบโต๊ะเข้าไปนั่งในใจของทุกคน ถือว่าเป็นความสำเร็จอีกก้าว เหนื่อยกับมันมา ช่วยกันเข็นมา มันก็คือความภูมิใจ เพราะกว่าจะมาอยู่ต้นๆ ในแต่ละวันคือค่อนข้างเครียด พี่เราทำงานหนัก เพราะเขาเป็นหัวเรือใหญ่ ต้องนำทีม ทำยังไงให้พวกเราไปด้วยกันได้"

เคยคิดมั้ยว่าถ้า 7 ปีที่แล้ว "จิตดี" ไม่ "ทุบโต๊ะ" ตอนนี้จะ "จิตดี" จะทำอะไรอยู่?

"ถ้าทุกวันนี้ไม่ใช่จิตดีทุบโต๊ะ ก็คงทำงานอยู่สายนี้ แต่ถ้าพี่เขาไม่ชวนมา ก็คงไปสมัครเป็นนักข่าวอยู่ช่องไหนสักช่องแหละ แต่ก็ไม่รู้ว่าจะมีใครอยากจะรับเราหรือเปล่า เพราะตามสไตล์เรา เราชอบอ่านข่าวมุมบวกๆ ข่าวอารมณ์ดี ข่าวตลก อยากอ่านข่าวและให้คนมีความสุข"

"ซึ่งข่าวเช้าก็เหมาะสมกับเรา ทำเสียงยังไงปลุกให้คนตื่นขึ้นมา ข่าวใหญ่ๆ เราก็ไม่พลาด แต่ปากท้องของพี่น้องเราก็พร้อมช่วยเหลือ..."













กำลังโหลดความคิดเห็น