“น้ำหวาน ซาซ่า” ขึ้นโรงพักลงบันทึกประจำวัน หลังมีคนปลอมใช้รูปตนจากโซเชียลมีเดีย ไปหลอกลวงคนอื่นให้มาลงทุนบิตคอยน์ ลั่นทำให้เป็นกรณีตัวอย่าง รู้สึกไม่แฟร์กับบุคคลสาธารณะ ส่วนความสัมพันธ์กับสามี “กวาง เอบีนอร์มอล” นั้นมีกระทบกระทั่งกันบ้าง บอกสามีระมัดระวังเวลาจะโพสต์อะไร ตอนนี้แฮปปี้รักกันเหมือนเดิมแล้ว
ช่วงเย็นวันนี้ (15 มิ.ย.) ที่ สน.คลองตัน ดารานักร้องชื่อดัง “น้ำหวาน ซาซ่า” หรือ “พิมรา เจริญภักดี” เดินทางไปลงบันทึกประจำวัน หลังจากที่มีคนปลอมใช้รูปตนจากโซเชียลมีเดีย ไปหลอกลวงคนอื่นให้มาลงทุนบิตคอยน์ โดยน้ำหวานได้เปิดใจกับสื่อมวลชนถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นนี้ว่า...
“สืบเนื่องมาจากเมื่อวาน (14 มิ.ย) มีผู้ประสงค์ดีคนนึงส่งไดเร็กแมสเสจทางอินสตาแกรมมาให้หวานว่ามีคนใช้รูปหวานเป็นโปรไฟล์ไปคุยกับเขา คุยไปคุยมาแล้วก็เหมือนจะหลอกให้ลงทุนในบิตคอยน์ ซึ่งคนที่มาแจ้งกับหวานพอคุยไปสักพักเขาก็เริ่มรู้สึกว่าไม่น่าจะใช่หวาน เหมือนมาหลอกคุยเอาข้อมูลส่วนตัว เขาแคปแชตมาให้หวานดู ว่าระหว่างที่คุยมีการส่งพาสเวิร์ดการถอนเงิน เป็นอะไรที่มีการเกี่ยวกับเงินๆ ทองๆ เข้ามา
เขาก็บอกว่าเขาไม่ลงทุน พอเขาบอกว่าเขาไม่เอา ทางนั้นก็มีท่าทีเปลี่ยนไป ไม่อยากคุย ระหว่างนั้นจะมีการแคปรูปจากอินสตาแกรมของหวานส่งไปคุยเหมือนอัปเดตกันไปมา วันนี้ที่ตัดสินใจมาเพราะมันเป็นความเสียหายเกี่ยวกับเรื่องเงินๆ ทองๆ เราก็จะต้องชี้แจงในความบริสุทธิ์ว่าไม่ใช่เรา”
ตอนนี้ยังมีผู้เดือดร้อนแจ้งมาหาตนแค่คนเดียว
“เขาใช้คำว่าสักพักค่ะ คุยกันมาสักพักนึง แล้วก็มีการคุยโทรศัพท์กันด้วยกับผู้เสียหายคนนี้ ผู้เสียหายคนนี้บอกน่าจะมีหลายคน เพราะตอนคุยโทรศัพท์เสียงแซดมาก ตอนนี้มีคนแจ้งมาถึงหวานแค่คนเดียว แต่หวานอยากจะแจ้งไว้แล้วกันว่าถ้ามีผู้เสียหายจากเรื่องทำนองนี้ให้ไดเร็กแมสเสจมาหาหวาน เมื่อวานหวานปรึกษากับทาง ปอท. ว่าเราควรจะเริ่มต้นยังไงดี เพราะการใช้รูปเรามันก็เจตนาไม่ดีอยู่แล้ว โดยเฉพาะไปหลอกลวงในเรื่องของเงิน เรื่องของการลงทุนมันก็ไม่ควร”
ลั่นพอเป็นเรื่องเกี่ยวกับเงินๆ ทองๆ ตนไม่สามารถปล่อยผ่านไปได้
“มีหลักฐานมาประมาณนึงที่รวบรวมมา มีเบอร์โทรศัพท์เขาด้วย ทางผู้เสียหายแจ้งมาว่าเขาน่าจะอยู่ในเมืองไทย ผู้ที่แจ้งหวานมาเขาเล่าให้ฟังว่า เขารู้อยู่แล้วว่าไม่ใช่หวาน เพราะเขาถามถึงพี่กวาง ถามรายละเอียดต่างๆ แล้วเขาก็ตอบไม่ค่อยได้ วันนี้เบื้องต้นหวานก็จะมาแจ้งความลงบันทึกประจำวันไว้ก่อนว่าเรื่องนี้หวานไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง ถ้าสมมติมีใครที่ได้รับความเสียหายจากเรื่องนี้ก็คือไม่เกี่ยวกับหวาน
สองคือคนที่ทำงานอย่างเรามันจะต้องเจออย่างนี้แน่นอน โดยที่เจ้าตัวอาจจะยังไม่รู้ก็ได้ หวานเลยออกมาเพื่ออยากเตือนให้ทุกคนระวัง เพราะอินสตาแกรม เฟซบุ๊กของคนที่ทำงานอย่างหวานมันเป็นสาธารณะอยู่แล้ว ดูอย่างกรณีหวานเขาเอารูปจากอินสตาแกรมแคปไปคุยเป็นเรื่องเป็นราว คุยธรรมดาเราก็คงปล่อยผ่านไป แต่นี่มันมีเรื่องของความเสียหาย มีการไปหลอกลวงคน เราก็ปล่อยผ่านไม่ได้จริงๆ เดี๋ยวก็จะไป ปอท. อีกครั้งนึงด้วย ถ้าคนนั้นไม่มาแจ้งหวาน หวานก็จะไม่รู้เลยว่าหวานกำลังโดนแบบนี้อยู่ แล้วถ้าหวานไม่รู้ว่าหวานกำลังโดนแบบนี้ ก็ไม่รู้ว่าเขาจะไปหลอกลวงอีกกี่คน ซึ่งคนที่ส่งข้อความมาถึงหวานเขาก็บอกว่าน่าจะมีอีกหลายคนที่โดน”
โอดทำไมสมัยนี้คิดทำมาหากินกันง่ายเกิน อยากให้เคสของตนเป็นกรณีตัวอย่าง รู้สึกไม่แฟร์ที่บุคคลสาธารณะต้องมาโดนอะไรแบบนี้
“เมื่อวานตอนรู้เรื่องก็ยังคิดว่าหรือเราจะโทร.ไปดี กะว่าจะโทร.ไปคุย แต่พอมีคิดอีกทีเรื่องแบบนี้ให้ตำรวจจัดการดีกว่า พอมาเจอแบบนี้รู้สึกว่าทำไมเดี๋ยวนี้คนถึงหากินง่ายด้วยการใช้รูปของคนอื่น โดยเจตนาอะไรหวานก็ไม่เข้าใจตรงนี้ ไม่ใช่แค่คนที่ทำงานอย่างหวานนะ หมายถึงคนทั่วๆ ไปก็ต้องระมัดระวัง พิจารณาให้ดี มีวิจารณญาณดูว่าใช่หรือเปล่า หวานอยากเจอเขานะคนที่ทำ อยากพูดคุยกับเขา หวานรู้สึกว่าในสถานการณ์แบบนี้ที่ทุกคนเดือดร้อน ลำบากทำไมถึงมาหากินแบบนี้ เท่าที่หวานดูคนที่ส่งข่าวมาเขาก็เป็นคนที่มีความรู้พอสมควร เขาเลยไม่เชื่อ ตัวเขาเองก็เป็นคนที่ลงทุนอะไรแบบนี้อยู่ด้วย ถ้าเป็นหวานไม่มีความรู้ในเรื่องการลงทุนอะไรมากมายหวานอาจจะตกเป็นเหยื่อก็ได้
ก็อยากให้เป็นตัวอย่างนะคะ หวานรู้สึกว่ามันไม่แฟร์ในการใช้รูปคนอื่นแล้วเอาไปทำอะไรแบบนี้ ก็น่ากลัวอยู่นะคะ มันก็มีหลายๆ เคสให้เห็นเหมือนกัน ก็ไม่รู้ว่าเขาจะเอารูปเราไปทำอะไรอีกบ้าง ก็เลยต้องหยุดไว้ด้วยการมาลงบันทึกประจำวัน”
เมื่อถามเรื่องที่ทะเลาะกับสามี “กวาง เอบีนอร์มอล” หรือ “ศิริศิลป์ โชติวิจิตร” ที่ฝ่ายชายโพสต์โซเชียล “แปลกดีนะคนเรา มีความสุขตอนอยู่ด้วยกันแต่ถ้าไม่ป่าวประกาศบน Social ถือว่าไม่ complete ความรักไม่ควรจะวัดกันด้วย ยอดไลก์หรือยอดวิวนะ” และหลังจากนั้นก็โพสต์ใหม่ว่าดีกันแล้วนั้น น้ำหวานเล่าว่า...
“เมื่อ 2 อาทิตย์ที่แล้วที่มีข้อความลงในอินสตาแกรม มันก็เป็นธรรมดาเนอะของคน อย่างโควิดเราใช้เวลาอยู่ด้วยกันเยอะ อะไรที่มันไม่เคยเห็นมันก็ได้เห็น ก็มีการขัดอกขัดใจกันเป็นเรื่องธรรมดา หวานว่าคู่ไหนที่คบกันแล้วไม่ทะเลาะกันเลย หวานว่ามันอาจจะมี แต่มันคงจะน้อยมากๆ ก็จะมีงอแง ขัดอกขัดใจกันบ้างเป็นเรื่องธรรมดา
การโพสต์ออกสื่ออันนี้ก็เป็นอีกหนึ่งเรื่อง ที่เราจะต้องระมัดระวัง ใช้สติมากกว่าอารมณ์ในครั้งต่อๆ ไป คือวันที่มันมีข่าวออก หวานทำขนม แล้วพี่กวางทำไม้อยู่ ไม่รู้เลยว่าข้างนอกมันมีประเด็นนี้ขึ้นมา จนผู้จัดการหวานโทร.เข้ามา บอกว่ามีพี่ๆ นักข่าวเป็นห่วง อยากจะสัมภาษณ์ เราก็ตกใจว่าเรื่องอะไร เราไปทำอะไรรึเปล่า เขาก็บอกว่าเป็นประเด็นที่พี่กวางโพสต์ ก็ไปกดดู โอ้โห มีจริงๆ ด้วย หวานถามเขา เขาก็บอกว่ามันเป็นโพสต์สอนใจ ไม่ใช่เฉพาะหวาน หรืออะไร ไม่ได้ระบุ เป็นการพูดถึงความสัมพันธ์ทั่วๆ ไป”
บอกสามีต่อไปให้ระมัดระวังเวลาจะโพสต์อะไรเพราะเราเป็นบุคคลสาธารณะ ตอนนี้แฮปปี้รักกันเหมือนเดิมแล้ว
“(มีการบอกกันไหม หากมีปัญหาก็พูดคุยกันตรงๆ?) จริงๆ ก็ควรจะเป็นอย่างนั้น เราก็ควรจะต้องมีสติระมัดระวังมากขึ้น โซเชียลมีเดียของเรามันเป็นสาธารณะ มันก็อาจจะทำให้คนเกิดความกังวล เกิดความเป็นห่วงขึ้นมา ณ วันที่ข่าวออกเราก็ดีกันไปเรียบร้อยแล้ว เรารู้สึกอ้าว...เกรงใจทุกคนที่ต้องมาเป็นห่วง ก็มีคุยกันหลังบ้าน ก็มาตกลงกันว่าบางทีเราอาจจะต้องใช้สติให้มากขึ้น แล้วก็อาจจะไม่ต้องโพสต์อะไรให้มากมาย
ปกติเราไม่ค่อยจะทะเลาะกันข้ามวัน ทะเลาะกันเสร็จก็ดีกันไปแล้ว อ้าว ตายแล้ว ทำให้มันเกิดเป็นเรื่องเป็นราวขึ้นมา ตอนนี้แฮปปี้เหมือนเดิม”
ส่วนงานฉลองแต่งงานวางไว้เป็นปีหน้า แต่จะเมื่อไหร่ยังไม่ขอระบุ รอให้สถานการณ์โควิด-19 สงบจริงๆ ก่อน
“มันไม่ใช่เฉพาะแค่งานแต่งงานนะคะ ละครก็เปิดกล้องไม่ได้ เลื่อนไป 2 เรื่อง มันก็เป็นความเดือดร้อน เป็นความลำบาก รวมถึงเรื่องแต่งงานด้วย ก็คงจะเป็นปีหน้า รอให้ได้รับวัคซีนกันก่อนค่อยว่ากัน คราวนี้ไม่กล้ากำหนดอะไรแล้ว แต่ที่แน่ๆ คือไม่เป็นเดือน พ.ค.แน่นอน ไม่เอาแล้วค่ะ จริงๆ เราก็จ่ายทุกอย่างไปหมดแล้ว ทุกอย่างยังเหมือนเดิม แต่เรื่องของวัน เดือนปีที่เราจะจัดคงต้องรอให้ทุกอย่างสงบจริงๆ เพราะถ้าเลื่อนอีกเราต้องจ่ายตังค์ค่าปรับแล้ว”
