xs
xsm
sm
md
lg

ลูกชาย “ประยูร วงษ์ชื่น” วอนของานทั้งน้ำตา บอกพ่อป่วยหนัก เหตุเครียด 4-5 ปีไม่มีงาน บ้าน-รถกำลังจะโดนยึด

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“เจน” ลูกชาย “ประยูร วงษ์ชื่น” เผยอาการพ่อยังทรงๆ บอกผ่านจุดวิกฤตมาแต่ยังไม่น่าวางใจ เพราะหมอบอกให้ทำใจเอาไว้ แม้จะผ่าตัดได้ แต่ก็ไม่สามารถกลับมาเหมือนเดิม เผยสาเหตุเพราะพ่อเครียดจากภาวะไม่มีงานละครมา 4-5 ปี นำเสนอช่องไหนก็ไม่ผ่าน ทั้งครอบครัวไม่มีเงินเลย ตอนนี้ทั้งบ้านและรถมีสิทธิจะโดนยึด พร้อมอ้อนวอนทั้งน้ำตาต่อช่องต่างๆ ขอให้ครอบครัวได้มีโอกาสมีงานทำ จะได้มีเงินมาใช้หนี้และจุนเจือครอบครัว ส่วนเรื่องรับบริจาค ตนยินดีรับถ้าคนบริจาคให้มาด้วยความเต็มใจ แต่ถ้าให้แล้วมีฟีดแบ็กในทางไม่ดี ตนก็ไม่ขอรับ

จากที่มีรายงานข่าวว่าผู้กำกับรุ่นเก๋า “ประยูร วงษ์ชื่น” ที่เคยมีผลงานการกำกับมากมายในยุค 80-90 ไม่ว่าจะเป็น กองพันทหารเกณฑ์ หรือภาพยนตร์ดังๆ อาทิ เวลาในขวดแก้ว, พ่อตาปืนโต, มันแอบอยู่ในหอ ฯลฯ ซึ่งตอนนี้ป่วยหนัก เส้นเลือดในสมองแตกจนต้องเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลชลประทานอยู่ในตอนนี้ โดย “เจน กฤษณพน วงษ์ชื่น” ผู้เป็นลูกชายเผยว่า ตอนนี้คุณพ่อยังมีอาการทรงๆ แต่ช่วงวิกฤตที่ผ่านมาคุณหมอถึงขั้นบอกว่าให้ครอบครัวทำใจเอาไว้

ตอนนี้คุณพ่อมีภาวะเลือดออกในโพรงสมองด้านขวาครับ และสมองซีกซ้ายมีอาการบวมขึ้นมานิดนึง ตอนนี้ก็ยังใส่เครื่องช่วยหายใจอยู่ครับ เริ่มแรกก็คือก่อนที่แกจะเข้าโรงพยาบาลแกก็ไปนั่งตามสวนสาธารณะ ไปนั่งสูดอากาศ แล้วแกก็บ่นว่าปวดหัวให้พากลับบ้าน พอกลับถึงบ้านแกก็บอกว่าไม่ไหว เลยพาไปที่โรงพยาบาลพระนั่งเกล้าก่อน ทางโรงพยาบาลก็คิดว่าไม่เป็นอะไร คิดว่าปวดหัวธรรมดา ก็ให้น้ำเกลือ นอนโรงพยาบาลคืนนึงแล้วก็กลับมาบ้าน

พอกลับมาบ้านประมาณช่วงบ่ายก็บ่นว่าปวดหัวมาก ไม่ไหว ก็เลยเรียกรถพยาบาลมารับไปส่งที่โรงพยาบาลบำราศนราดูร เขาก็ไม่รับ เพราะเขามีเคสโควิดเยอะ ก็เลยให้มาโรงพยาบาลชลประทาน แล้วก็แอดมิท เอ็กซเรย์ สแกนสมอง ผลออกมาก็คือมีเลือดไหลออกทางโพรงสมองซีกขวาครับ หมอบอกว่าน่าจะเกิดจากภาวะเครียด เพราะคุณพ่อไม่ได้ล้ม หรือมีอุบัติเหตุอะไร ก็อยู่โรงพยาบาลตั้งแต่วันที่ 2 มิ.ย. อาการก็จะทรงๆ ทรุดๆ มาบ้าง บางวันก็เหมือนจะดีขึ้น พออีกวันนึงก็ทรุดลง เมื่อ 2-3 วันก่อนก็วิกฤต คือมีภาวะติดเชื้อในกระเพาะปัสสาวะ ติดเชื้อในกระแสเลือด มีความดันลงเรื่อยๆ หัวใจเต้นเร็ว

คุณหมอก็โทร.มาหาญาติว่าต้องทำใจนะ ว่าถ้ามันเกิดภาวะอย่างนี้ เคยคุยกับทางคุณพ่อไว้ไหมหรือคุณพ่อเคยบอกอะไรไว้หรือเปล่า ผมก็เลยบอกว่าคุณพ่อเคยพูดเอาไว้ว่าถ้าเกิดท่านไม่หายใจ อย่ายื้อแกนะ ให้แกไปสบาย อย่ายื้อแกให้มาทรมานอะไรแบบนี้ครับ ผมก็เล่าให้ทางคุณหมอฟัง คุณหมอก็บอกว่าถ้าเกิดเป็นกรณีแบบนี้ สมมติถ้าเกิดเอ็กซิเดนท์อะไรขึ้นมา ถ้าเกิดแกไม่หายใจขึ้นมา จะให้ทางคุณหมอปั๊มไหม ก็เลยคุยกับทางที่บ้าน พี่น้องทุกคนก็บอกว่าพ่อเคยบอกไว้ประมาณอย่างนี้ ก็เลยบอกหมอว่าให้คุณหมอดูตามสมควรครับว่าจะยังไง

เผยถึงผ่าตัดสมองสำเร็จ ก็ไม่สามารถกลับมาได้เหมือนเดิม
“ตอนนี้อาการคุณพ่อยังไม่นิ่งครับ เมื่อ 2 วันที่คุณหมอเรียกไปคุยว่าให้ทำใจอันนั้นยังวิกฤตแต่พอผ่านไปอีกวันก็เหมือนจะทรงๆ ขึ้นมา ตราบใดที่ยังไม่ถอดเครื่องช่วยหายใจออกคือไม่มีทางดีขึ้นมาครับ เพราะมันเกี่ยวกับระบบสมอง ซึ่งระบบสมองตอนนี้ก็ยังทำอะไรไม่ได้ ยังฉีดสี ยังดูเกี่ยวกับสมองไม่ได้ ก็ได้แต่ให้ยาทางสมอง เพราะด้วยภาวะของความดัน หัวใจแกยังไม่นิ่งด้วย เลยทำการฉีดสีไม่ได้ แต่ด้านความรู้สึกเวลาตื่นขึ้นมาคุณหมอก็จะให้ชูนิ้ว ถามว่าชื่อประยูรใช่ไหม เขาก็จะพยักหน้า แต่ความจำดูจะเริ่มน้อยลงครับ เกี่ยวกับภาวะสมอง แล้วพอแกตื่นมาแกจะรู้สึกรำคาญ เหมือนไม่สบายตัว แกก็จะดิ้น คุณหมอก็จะให้ยาให้ซึมๆ หลับไป

แต่ทีนี้ได้คุยกับคุณหมอโดยภาพรวมว่าถ้าสมมติโชคดีว่าแกกลับมาได้ แกจะกลับมาเหมือนเดิมไหม แต่คุณหมอบอกว่าพอมันเกี่ยวกับสมอง ถ้าเซลล์สมองมันเสียไปสักเส้นเนี่ย มันไม่เหมือนคนเราโดนมีดบาดที่พอเลือดหยุดแล้วแผลก็หาย แต่นี่มันไม่มีโอกาสจะสร้างเซลล์ใหม่ขึ้นมาได้ การกลับมาเหมือนเดิมมันก็ไม่มีโอกาสครับ ถึงกลับมาก็จะไม่เหมือนเดิมครับ ซึ่งถามว่าแกมีโรคประจำตัวอะไรไหม แกก็มีปกติครับ เป็นความดัน หัวใจ แต่คุณหมอก็จะนัดเช็กอยู่ตลอด แกก็จะหาหมออยู่ตลอดครับ ไม่มีอาการอะไรผิดปกติครับ

เผยเหตุเกิดจากภาวะเครียด เพราะไม่มีงานกำกับมากว่า 4-5 ปี และภาระหนี้สินที่เพิ่มขึ้น
“แต่ช่วงหลังมันเกิดจากภาวะที่แกเครียดด้วย และด้วยความที่ไม่มีงาน คือพยายามเสนองานไปที่ต่างๆ ก็ไม่ได้รับการยอมรับ แกก็เครียด ก็ถ้าพูดตรงๆ ก็มีภาวะหนี้สินด้วย และแกก็อยากทำงานที่แกรัก (ร้องไห้) แต่ทำไม่ได้ แกก็พยายามไปหาตรงนั้นตรงนี้มาเพื่อจะมาทำอะไรที่แกอยากทำ แล้วพอ 4-5 ปีที่ผ่านมาไม่มีงานเลย ภาวะหนี้สินต่างๆ ที่จะต้องจ่ายมันก็เพิ่มมากขึ้น บ้านที่มีอยู่ตอนนี้ก็มีหมายว่าจะมายึดแล้ว และรถก็จำนองไว้หมดแล้ว ก็ไม่รู้ว่าถ้าไม่มีเงินส่งดอก เขาจะมายึดเมื่อไหร่ แกก็เลยเครียด ซึ่งพวกผมพี่น้อง 4 คนก็พยายามออกไปเป็นฟรีแลนซ์ข้างนอก แต่ด้วยภาวะโควิด ด้วยเศรษฐกิจมันก็ไม่มีรายได้กันเลย ละครก็หยุดหมด มันหลายอย่างประกอบกัน ยอมรับเลยว่าตอนนี้ครอบครัวลำบาก แล้วแกก็มาเป็นแบบนี้ด้วย

แกก็เสนอช่องไปหลายแนวนะครับ ทั้งแนวทหาร แนวชีวิต เสนอไปหลายๆ ช่องนะครับ คือล่าสุดก่อนที่แกจะเข้าโรงพยาบาลผมก็ยังนั่งคุยโปรเจกต์กับแก ว่าแกอยากจะทำละครพีเรียดส่งเสนอช่อง เผื่อช่องจะพิจารณาให้แกกลับมาได้ทำงานสานฝันที่แกอยากทำมาทั้งชีวิตน่ะครับ แต่ก็ยังไม่ทันได้ส่ง ท่านก็มาน็อกไปซะก่อน ซึ่งเรื่องล่าสุดของแกก็คือเรื่อง นายร้อยสอยดาว ครับ เรื่องนี้คือทำแล้วขาดทุน คือช่องเขาก็ให้เวลาเรามา แต่เราต้องหาทุน หาสปอนเซอร์เอง มันก็หมดไปกับตรงนั้นเยอะ คือจะต้องกู้หนี้ยืมสินมาทำ แล้วกระแสเรตติ้งก็ไม่มีเข้ามา เงินก็เลยไปจมกับตรงนั้น อาจจะมีค่าโฆษณาจากสปอนเซอร์บ้าง แต่มันก็ไม่ได้เพียงพอกับที่ต้องไปกู้เขามาทำครับ ก็เลยเป็นหนี้สะสมจากตรงนั้นมา

บ้านตอนนี้ที่มีหมายศาลมาคือไม่ได้ชำระตั้งแต่ตอนที่เริ่มไม่มีงานครับ ก็คือเมื่อประมาณ 4-5 ปีก่อน ดอกเบี้ยต่างๆ มันก็พอกพูนไปหมด คือมันมีสองหลัง หลังแรก 6 ล้านอยู่มาประมาณ 7 ปีได้แล้วครับ และหลังที่เป็นออฟฟิศซื้อมาได้ประมาณ 10 ปีแล้ว ราคาประมาณ 8 ล้านครับ ส่วนรถก็มีสองคัน เอาสมุดไปเข้าไว้ จะมีรถโอบีคันนึง แล้วก็ที่ใช้ปัจจุบันอีกคันนึง สองคันรวมกันก็ 8 แสนบาทครับ ถ้าเราไม่ส่งดอก เขาก็ต้องมายึดครับ แต่ตอนนี้ครอบครัวไม่มีรายได้เลยครับ (ร้องไห้) ไม่รู้จะเอาจากตรงไหน งานก็ไม่มี ไม่มีใครเปิดทางให้เรา”

เผยทั้งน้ำตา ไม่ได้ต้องการอะไร แค่อยากได้งาน เพื่อจะได้มีเงินมาใช้หนี้เท่านั้น
“ตอนนี้ในเบื้องต้นผมก็อยากขอความเมตตาจากสื่อ (ร้องไห้หนัก) ช่วยกระจายข่าว ผมขอแค่งาน เพื่อครอบครัวจะได้ใช้หนี้สินให้มันหมดไป เรื่องภาวะหนี้สินผมก็ไม่ได้โทษคุณพ่อนะครับ ในเมื่อมันเกิดขึ้นมาแล้ว พวกผมก็มาคิดกันว่าจะทำยังไงให้มันหมดไปหรือว่าให้มันน้อยที่สุด ผมก็อยากจะมีงานเพื่อจะใช้จ่ายกับเรื่องตรงนี้ให้มันหมดไปครับ ซึ่งมันก็ไม่รู้จะมีวิธีไหน ผมก็ยังมองไม่ออกครับ เรื่องหนี้สินเนี่ยบางส่วนคุณพ่อก็จะบอก แต่บางส่วนท่านก็ไม่ได้บอกครับ ท่านไม่เคยไปพูดกับใคร ไม่เคยไปพูดกับคนในวงการเดียวกันว่าท่านมีภาวะอย่างนี้เกิดขึ้นมา ก็ไม่ได้ไปขอความช่วยเหลือจากใคร มีแต่เสนองานไปตามช่องต่างๆ เพื่อจะได้มีงาน มีค่าใช้จ่ายไปชำระตรงนี้

ในส่วนของการรับบริจาคคือผมรู้ว่าตอนนี้ทุกคนก็เดือดร้อนเหมือนกันหมด แต่ถ้าทุกคนจะมีน้ำใจตรงนี้ ผมขอแค่ว่าถ้าใครให้แล้วผมก็ไม่อยากให้มีฟีดแบ็กที่ไม่ดี คือถ้าเกิดจะให้ด้วยความเมตตาหรือว่าสงสารคุณพ่อและครอบครัว ผมก็ยินดีนะครับ แต่ว่าถ้าให้แล้วไปพูดอะไรในทางไม่ดี ผมก็ไม่ขอรับครับ คือตรงนี้มันเหมือนดาบสองคม ซึ่งถ้าฟีดแบ็กทางไม่ดีก็จะมีกลับมาว่า พอคุณพ่อป่วยแล้วก็มาออกสื่อ ออกข่าวว่ามีภาระอย่างนั้นอย่างนี้ คือมุมมองของคน ผมเข้าใจตรงนี้นะ คือทุกคนก็อยากได้หมดแหละครับเพื่อจะนำเงินมาใช้จ่าย ทุกวันนี้ครอบครัวก็เครียดกันหมดว่าแต่ละเดือนเราจะเอาเงินมาจากที่ไหนจ่ายหนี้สิน ไอ้เรื่องกินน่ะเราไม่พูดถึงหรอก เราพูดแค่หนี้สินว่าจะเอาจากตรงไหนมา ถ้าเกิดเราได้โอกาสมีงานสักชิ้นนึง เรามีงาน มีเงินก็ยังสามารถแบ่งเบาไปได้”

บอกตอนนี้แม่ก็ป่วยเป็นโรคหัวใจ พี่น้องทุกคนก็ต้องหาอาชีพเสริมกันหมด
“ตอนนี้ครอบครัวเราก็มีคุณแม่ แล้วก็มีพวกผมที่เป็นลูกอีก 4 คน ซึ่งคุณแม่ตอนนี้ก็ป่วยเป็นโรคหัวใจ ทำอะไรไม่ได้มาก เพราะท่านจะเหนื่อย แกเปลี่ยนลิ้นหัวใจหมดเลย 4 เส้น ตอนนี้ทุกคนก็พยายามอยู่ใกล้ๆ คุณแม่ ไม่อยากให้ท่านคิดมาก เพราะสุขภาพท่านก็ไม่ค่อยดีอยู่แล้ว ถ้ามีเรื่องกระทบกระเทือนจิตใจมากๆ ก็ไม่อยากให้ท่านทรุดลงไปอีกคนนึง อย่างเรื่องหนี้สินก็พยายามไม่บอกท่าน ให้ท่านรับรู้น้อยที่สุดครับ และปกติพวกผม 4 คนก็จะช่วยคุณพ่อทำงานในกองอยู่แล้วครับ ช่วงไหนที่ไม่มีงานละคร ทุกคนก็จะไปเป็นฟรีแลนซ์รับงานข้างนอกในกองละครอื่นๆ แต่พอช่วงโควิดนี่ก็ต้องแยกย้ายไปทำอย่างอื่น พี่ชายก็ไปขับแกร็บ น้องสาวก็รับเขียนหนังสืออะไรไป

ในเบื้องต้นตอนนี้เรื่องการผ่าตัดสมองคุณหมอก็ยังไม่อยากทำครับ เพราะถ้าทำแล้วมันก็ 50:50 ก็คืออยากจะฉีดสีดูว่ามันจะทำอะไรได้บ้างไหม จะสามารถเจาะแล้วเอาเลือดออกมาได้ไหม แต่ตอนนี้มันยังทำอะไรไม่ได้ เพราะภาวะแกก็ยังไม่ปกติ แล้วมีติดเชื้อด้วย ก็ได้แค่ให้ยาทางสมอง และตอนนี้การไหลของเลือดมันไม่เพิ่มขึ้นครับ ด้วยอายุคุณพ่อก็ 76 แล้วด้วย การผ่าตัดก็ค่อนข้างเสี่ยงเพราะแกอายุเยอะแล้ว และถึงผ่าตัดคุณหมอก็บอกว่าท่านก็จะไม่เหมือนเดิมแล้ว

จริงๆ ก็อยากจะขอความช่วยเหลือจากทุกท่าน ถ้าเกิดใครพอจะมีลู่ทางหรือมีคำแนะนำที่ดีกว่านี้เราก็อยากรับฟัง แต่เราไม่ได้ดูถูกทางคุณหมอที่รักษาคุณพ่ออยู่ตอนนี้นะครับ แต่ถ้ามีแนวคิด มีความคิดเห็นที่ว่าต้องทำอะไรยังไงไหม ผมก็อยากรับฟังครับ

ความตั้งใจของผมตอนนี้ก็อยากจะเอาโปรเจกต์ที่คุณพ่อเตรียมไว้จะไปนำเสนอช่องครับ เอามาสานต่อ ผมจะนำไปเสนอทางช่องเองครับ ตอนนี้เตรียมเรื่องพีเรียดไว้เรื่องเดียวก่อนครับ เป้าหมายก็จะนำไปเสนอช่องเดียวก่อนครับ”











กำลังโหลดความคิดเห็น