เปิดใจ “จอย ติตัส” อดีตนางแบบฮอตในยุค 90 ในวันที่รู้สึกหมดทางจะไปต่อ ลองหันมามองรากเหง้า มองกำพืดตัวเองอาจจะทำให้เจออาชีพเจอหนทางใหม่ๆ วันนี้พอใจแล้วแม้จะได้จับเงินน้อย แต่ก็ยังได้จับเงินทุกวัน ค้นพบอาชีพแม่ค้าก็สนุกไปอีกแบบ ขอยึดเป็นอาชีพสุดท้ายของตัวเอง
เคยโด่งดังเป็นนางแบบในยุค 90 สำหรับ “จอย ติตัส” ด้วยโชคชะตาสถานการณ์โควิด-19 ทำร้าย วันนี้ต้องผันตัวเองจากคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวทำงานเบื้องหลัง ใช้ชีวิตหรูหราย่านทองหล่อ มาเป็นแม่ค้าข้าวต้มเครื่อง เช่าห้องแถวเดือนละ2 พันย่านมหาชัยอยู่ เพราะความเป็นแม่ทำให้ชีวิตจอยมองหาเส้นทางใหม่ๆ เพื่อชีวิตที่ดีของลูก อินเตอร์ทั้ง 4 คน บางคนไปอยู่ต่างประเทศด้วยซ้ำ วันนี้จอยกระเทาะชีวิตให้ผู้จัดการออนไลน์ฟังหมดเปลือกว่าที่ผ่านมาหลังจากเลิกราจากอาชีพนางแบบ เธอไปผจญภัยอะไรมาบ้าง
“พอจอยไม่ได้เป็นนางแบบแล้วจอยก็ทำงานเบื้องหลัง ทำเสื้อผ้า จัดหานักแสดง ทำภาพยนตร์ แต่พอเรามีลูกเราก็รับงานน้อยลง มาโฟกัสที่การเลี้ยงลูก แต่เราก็ยังทำงานอยู่แหละ แต่ให้เพื่อนออกกองให้ ตอนหลังก็มาทำออแกไนซ์ด้วย จนลูกโต คนโตตอนนี้ก็อายุ 30 กว่าแล้ว จอยมีลูก3 คน เป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยว ดูแลลูก 4 คน ส่งเรียนอินเตอร์ทั้ง 4 คน บางคนใช้ชีวิตอยู่ต่างประเทศ ด้วยความที่จอยมีลูกเร็วด้วย มีลูกตั้งแต่อายุ 17 ปี
ผลพลอยได้จากการที่เราเป็นนางแบบมาก่อน ก็มีโอกาสได้มาจับงานอสังหาริมทรัพย์ ทำให้เราเติบโตมีบริษัท มีพนักงาน ช่วงโควิดระรอกแรกมา เรายังพอไหว แต่อยู่ไปอยู่มามันไม่ไหว เราอยู่ไม่ได้แล้ว มันไม่มีรายได้เข้ามาจากทางไหนเลย จากมีรายได้ 100 เปอร์เซ็นต์ ก็เป็น 0 เลย ได้แต่กินเงินเก่า”
เล่าชีวิตช่วงโควิด-19 ระลอกแรกยังโอเค จนมาถึงโควิด-19 ระลอก 3 จึงเริ่มหาอาชีพอื่นทำ
“ปีแรกมันยังโอเค ยังพอแบกได้ แต่เราก็ปิดบริษัทตั้งแต่แรกเลยนะ เรารู้ตัวว่าเราพยุงไม่ไหวแน่นอน ด้วยความที่เราเป็นคุณแม่ เราก็อยู่ไม่ไหว มันคิดมาก มันกังวล เลยตัดสินใจหาอาชีพอื่นเพื่อประทังไปก่อน เราไม่ได้หมดตัวเลยมาเป็นแม่ค้านะ แต่เรากังวลไปก่อนล่วงหน้า เราก็เลยต้องทำ เราก็กินเงินเก่าเรื่อยมา แก้วแหวนเงินทองเราเอาออกมาขายไปเรื่อยๆ จนมาโควิดระลอก3 เราตกใจมากนะ ยังมีรอบ 3 อีกเหรอ
ตอนแรกว่าจะหันมาทำพวกบิวตี้ แต่ก็ทำไม่ได้ เรามองดูแล้วธุรกิจนี้ในช่วงนี้มันปิดๆ เปิดๆ เสี่ยงเกินไป ขืนทำไปเราตายแน่เลย ก็หาทางต่อไป มองดูตัวเอง เราชอบทำอาหาร แล้วเราเคยอยากเปิดร้านอาหารข้างทางมาก่อน แต่ถ้าเราเปิดเป็นร้านอาหารในยุคนี้ก็จะเจอกับสถานการณ์โควิด-19 ที่ปิดๆ เปิดๆ อีก เลยตีโจทย์มาเป็นร้านอาหารข้างถนน เราก็ขับรถหาทำเลดูว่าตรงไหนเหมาะ บ้านจอยอยู่แถวทองหล่อ-คลองตัน ก็ตระเวนหามาเรื่อยจนมาได้ที่ที่มหาชัย
ที่เลือกมาไกลซะขนาดนี้ ด้วยจอยดูตลาดในกรุงเทพฯ มาหมดแล้ว มันมีแต่แม่ค้า แล้วคู่แข่งเยอะมาก การแข่งขันมันสูง จอยไม่เคยเป็นแม่ค้ามาก่อน เราไม่มีกลยุทธ์ ไม่มีเทคนิคอะไรไปสู้ เราไม่มีความมั่นใจ เราเลยตัดสินใจไปตลาดรอบนอก แล้วช่วงนั้นมหาชัยมีข่าวโควิด-19 หนักมาก จอยก็สวนกระแส ลองมาดู(หัวเราะ)”
รับกลัวติดโควิด-19 เหมือนกัน แต่เช็กจนแน่ใจแล้วว่าที่มหาชัยปลอดภัย
“จอยมาเห็นตลาดแล้วรู้สึกชอบ มันไม่ได้มีแม่ค้าเยอะมากมาย โควิด-19 เราก็กลัวนะ พื้นที่เสี่ยงใครจะกล้าเข้าไปอยู่ จอยไม่กล้าไปหรอกแต่จอยจะบอกว่าที่มหาชัยเขาดูแลกันดีมากๆ เลย ก่อนที่จอยจะตัดสินใจมาลงที่นี้จอยดูมาอย่างดีแล้ว ทางจังหวัดเขาเอาน้ำคอลรีนพ่นรอบเมืองเป็นระยะๆ ที่นี่มีความปลอดภัยสูงมากนะ จังหวัดนี้บอกเลยว่าดูแลดีมากๆ เขาเอาน้ำคอลรีนราด ตอน 3 ทุ่มจะมีเจ้าหน้าที่มาตรวจใส่มาสก์ไหม จะมีเจ้าหน้าที่ออกมาคอยเตือน เขาไม่ได้ปล่อยปละละเลย พอตัดสินใจมาขายของที่มหาชัย จอยก็มาเช่าห้องอยู่ที่นี่ เอาลูกๆ ฝากไว้กับญาติๆ”
เปลี่ยนทัศนคติตัวเองใหม่ ขอเลือกทำให้ตัวเองมีความสุข พอใจแล้วแม้วันนี้ได้จับเงินน้อยกว่าเดิม แต่ก็ยังได้จับเงินทุกวัน
“จอยขายมา 3 เดือนกว่าแล้ว วันแรกที่ขาย ขายหมดเลย คือขายดี แต่ในจำนวนของการขายดี มันยังไม่พอใช้จ่าย เพราะเราขายน้อย แรกๆ มันจะรู้สึกแปลกๆ ทุกคนจะหันมามองหน้าแบบจอยเธอมาทำอะไรอยู่ เขาอยากรู้ว่าจอยเป็นอะไรทำไมจอยมาทำแบบนี้ จอยมีเงินตั้งต้นลงทุน 5 พันบาทกับธุรกิจนี้ หม้อก็ซื้อมือสองหมด รถเข็นก็ไปซื้อแบบที่เขาจอดทิ้งแล้วก็เอามาปรับปรุงหน่อย มันก็ไปได้ในระดับนึง
(เราเคยจับเงินหลักแสน พอมาจับเงินหลักสิบความรู้สึกมันต่างกันมากไหม?) ไม่เป็นไรเลยตอนนี้ จอยได้หมด ขอให้ได้จับเงินเถอะ จอยจะรู้สึกไม่ดีเลยถ้าไม่ได้จับเงิน เราต้องเปลี่ยนมายด์เซ็ตตัวเอง จอยบอกทุกคนเลยนะว่ามันเปลี่ยนได้ไม่ยากเลย มันคือบททดสอบของชีวิต ถ้าเราทำตรงนี้ให้มันผ่านไปได้ มันก็คือชัยชนะของเรา
เราทำให้ตัวเองมีความสุข เรามุ่งมั่นที่จะมีความสุข ทุกๆ งานสร้างความสุขให้เราได้ เราไม่ท้อไปกับมัน จะบอกเลยว่าการได้นับเงินทุกวันเข้าแบงก์ มีเงินให้ลูกกินข้าวกินขนม มันคือความสุขที่สุดแล้วของจอย ไม่ว่าจะเป็นเงินเท่าไหร่ก็ตาม จอยพอใจแล้ว”
เล่าถึงชีวิตการเป็นแม่ค้าก็สนุกดี มีอะไรให้ได้เรียนรู้มากมาย
“การที่เราใช้เงินเก่าไปวันๆ โดยที่ไม่รู้เมื่อไหร่ เราจะทำงานมีรายได้เข้ามา มันเครียดมากนะ จอยมองว่าอะไรเราทำได้ก็ทำไปก่อน เราคิดดีทำดี เดี๋ยวเราจะต่อยอดมันไปได้เองเรื่อยๆ อย่างร้านข้าวต้มทรงเครื่องนี้ก็เป็นสูตรของที่บ้าน เราก็หยิบสูตรที่บ้านที่เราทำกินกันมาทำขายดู เราก็หาต้นทุนรอบๆ ตัวเรา อันที่เราคิดว่าเราทำคล่องสุดมาลุยขายดู
ชีวิตแม่ค้าเป็นอย่างไรบ้างเหรอ ก็สนุกดีนะคะ ตอนนี้จอยชอบเป็นแม่ค้านะคะ จากที่วันแรกยังพูดกับตัวเองเลยว่ากูมาอยู่ตรงนี้ได้ยังไง (หัวเราะ) แต่ตอนนี้จอยรู้สึกว่าจอยได้เปิดโลกกว้างมากๆ ได้เจอคนเยอะแยะมากมายหลายรูปแบบ ถามว่าเขินไหมด้วยเราต้องใส่มาสก์ คนก็จำไม่รู้ แต่พอข่าวออกไปคนเริ่มรู้ว่าเราเคยเป็นดารา ก็มีคนมาขอถ่ายรูป เราก็เริ่มเขิน จริงๆ คนจำเราไม่ได้หรอก แต่เราก็ไม่ได้จะต้องเปลี่ยนอะไรนะ การที่เราเป็นแม่ค้า เราใช้ชีวิตอยู่หน้าเตา อยู่กับความร้อน มันสวยยากมาก นี่ฝ้าเริ่มมา เหงื่อไหล หัวฟู มันก็มีเรื่องให้เราเรียนรู้กับมัน แต่โชคดีที่ต้นทุนเราไม่ได้เป็นคนติดสวย เราลุยๆ ติดดินมาตลอด เราธรรมดา”
มองจากนี้ขอยึดอาชีพแม่ค้าเป็นอาชีพสุดท้าย และมองหาอาชีพอื่นทำควบคู่ไปอีก
“โควิด-19 ที่เราพบเจอมันเป็นบทเรียนครั้งใหญ่หลวงของมนุษย์เลย เป็นบทเรียนให้เราต้องเลิกอะไรบางอย่าง ให้เราหันมามองกันและกัน หันมองรอบตัวเอง รู้วิธีใช้เงิน ไม่ใช้ชีวิตประมาท เราฟุ่มเฟือยกันมาเยอะแล้ว ตัวจอยก็มองว่าจากนี้จอยก็คงยึดอาชีพนี้เป็นอาชีพหลัก เป็นอาชีพสุดท้ายของจอยแล้ว เพราะจอยรู้สึกว่าการเป็นแม่ค้ามันทำให้จอยมีความสุข จอยมองว่าจะขยับขยายธุรกิจตรงนี้ ทำเป็นแฟรนไชส์ ขายสูตร คิดถูกๆ ช่วยเหลืออื่นที่ลำบาก
แต่จอยคงไม่ได้ทำแค่แม่ค้า จอยมองว่าต่อจากนี้เราต้องมีไว้หลากหลายอาชีพ เราต้องมีอาชีพอื่นเสริมด้วย จอยไม่ทิ้งอาชีพแม่ค้าแน่นอน จอยไม่คิดว่าตัวเองจะทำได้ด้วยซ้ำ พอเราทำได้เราก็ไม่อยากทิ้งมัน”
แนะสำหรับคนที่กำลังท้อ ให้หันมามองรากเหง้าตัวเองอาจจะได้เจอหนทางทำมาหากินใหม่ๆ
“เราต้องกลับมาอยู่กับตัวเราเอง มองตัวเราเอง เป็นตัวเราเองให้มากที่สุด รู้จักเหง้า รู้จักกำพืดตัวเองให้ดีที่สุดว่าเราเคยเป็นใครมาก่อน ที่ผ่านมาเราอาจจะหลงกับอะไรๆ ไป แต่วันนี้เราลองมองตัวเราเอง มองไปที่รากที่เหง้าของเรา เรามีอะไรที่จะต่อยอดได้บ้าง เราก็อาจจะได้เจอหนทางใหม่ๆ ทุกอาชีพมันดีหมด เราหาแก่น หารากของมันให้เจอ เราก็จะพบความสุข อย่างจอยเองพบว่าการเป็นแม่ค้ามันก็สนุกดีนะ ทำให้เรามีเงิน ลูกเรามีกิน แม้มันจะเหนื่อยมากก็ตาม เราไม่ได้กะขายแล้วรวย เราก็ทำกินไปวันๆ แต่มันแปลกที่เรากลับมีความสุข ตั้งแต่เป็นข่าวมาจอยขอขอบคุณทุกๆดรามาที่คอยตักเตือนจอยนะคะ”
อุดหนุนร้านข้าวต้มเจ๊จอยได้ที่มหาชัย ทางเข้าท่าจีนตรงปั๊ม PT เปิดตั้งแต่ 17:00 -21:00 น. ปิดทุกวันจันทร์และวันที่ฝนตกหนัก
