xs
xsm
sm
md
lg

(ชมคลิป) ม่วนคัก “แดนนี่” รับไม่คิดว่า “ณเดชน์” จะไทบ้านขนาดนี้ ทั้งจกปลาร้า - ตดกลางกอง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



โอ้มายก็อด! “แดนนี่ สรพล” หรือ “ครูริช” เมาท์ “ณเดชน์” ไม่คิดว่าจะไทบ้านขนาดนี้ ทั้งจกปลาร้ากลางกอง ตดกลางซีน ทึ่งเป็นถึงซุป’ตาร์แต่ไม่ถือตัว เข้าถึงง่ายไม่หยิ่ง เผยดีใจที่ได้รับบทสำคัญ ปัดหน้าตาเป็นใบเบิกทาง ยันทุกอย่างต้องมาด้วยฝีมือ ยอมรับความฝันวัยเด็กอยากเป็น “พนักงานออฟฟิศ”



เหลืออีกไม่กี่ตอน ละครเรื่อง “มนต์รักหนองผักกะแยง” ก็ใกล้จะลาจอไปแล้ว แต่บอกเลยว่านอกจากพระเอกนางเอกจะเป็นที่พูดถึงแล้ว หนึ่งในนั้นที่สาวๆ กรี๊ดไม่แพ้กันก็ต้องยกให้ “ครูริช” ฝรั่งหน้าหล่อที่ “ไอ้เขียว” คิดว่านี่แหละคือคู่แข่งในชีวิต แต่ในชีวิตจริงของ “ครูริช” หรือ "แดนนี่ สรพล ลูเซียโน่" หนุ่มหล่อวัย 20 ต้นๆ ลูกครึ่งสวิตเซอร์แลนด์ที่ไม่มีเชื้ออีสานสักนิด แต่ด้วยการใช้ชีวิตกับพี่ๆ ชาวอีสานเลยทำให้ซึมซับในการเว้าอีสานได้คล่องขนาดนี้ โดยเจ้าตัวได้เล่าและเมาท์ให้ฟังว่า “ซุป’ตาร์” อย่าง “ณเดชน์ คูกิมิยะ” หรือเขียวในละคร ไม่ได้เป็นอย่างที่ทุกคนเห็น เพราะถ้าได้สัมผัสจริงๆ คือไทบ้านสุดๆ

“คือตอนแรกค่อนข้างกดดันเพราะเราเป็นนักแสดงใหม่ ต้องปรับตัวมาก และเราเองก็พูดภาษาอีสานไม่ได้ตั้งแต่แรก แต่ด้วยความที่คาแร็กเตอร์ของเรามันเป็นแบบบ้านๆ ทำให้เรากระชับความสัมพันธ์กับพี่ๆ นักแสดงคนอื่นได้ง่ายขึ้น เลยทำให้คลายความกดดันไปได้เยอะ ในส่วนของเรื่องการฝึกพูดภาษาอีสาน ผมเป็นลูกครึ่งสวิต-กรุงเทพฯ ไม่มีความเป็นอีสานเลย แต่ด้วยสังคมที่เราอยู่ มีพี่ๆ จากภาคอีสานอยู่ด้วย ก็ทำให้เราได้ซึมซับมาตลอด และเราต้องไปศึกษาวัฒนธรรมอีสานเพิ่มเติมว่าเขามีอะไรบ้าง และพอเราอยู่ในกอง พี่ๆ เขาก็จะทึ่งว่าหน้าฝรั่งแต่เว้าอีสานได้ม่วนมากๆ

และผมตื่นเต้นที่ได้เล่นกับพี่แบร์ กับพี่โบว์ (เมลดา สุศรี) และมีพี่อ๊อฟ (พงษ์พัฒน์ วชิรบรรจง) เป็นผู้กำกับ เราเล่นผิดตรงไหน พี่เขาก็จะแชร์การแสดงให้กับเรา พี่อ๊อฟก็ช่วยบอก สอนเราตลอด การทำงานของพี่เขาค่อนข้างที่จะเป๊ะมากกว่า ในส่วนของพี่แบร์ แรกๆ เราก็ไม่กล้าคุยเพราะเราเป็นนักแสดงใหม่ ได้ไปเล่นกับพวกพี่ๆ ดาราใหญ่ (พูดภาษาอีสาน) เราก็เกร็งๆ หน่อยเพราะนี่คือณเดชน์ คูกิมิยะเลยนะ ส่วนพี่โบว์เขาก็เป็นนักแสดงที่มีชื่อเสียง ด้วยความที่เราเป็นนักแสดงใหม่ เราจะทำออกมาดีหรือเปล่า เราจะเป็นตัวถ่วงเวลาของเขาหรือเปล่า แต่เห็นการกระทำของพี่ๆ ชวนเราคุย ทำให้เราชิลมากขึ้นคลายความกดดันมากขึ้น เพราะพักกองมันก็ม่วนคัก ม่วนกะด้อกะเดี้ย(สนุกมากๆ) ทั้งพี่โบว์และพี่แบร์คือฉีกกฎความพระเอกนางเอกเอามากๆ และเขาก็ชอบแกล้ง มีการแซวเป็นมุกอีสาน”

อึ้ง! ซุป’ตาร์อย่าง “ณเดชน์” มีความไทบ้านสุดๆ ทั้งจกปลาร้า ตดกลางกอง ไม่ถือตัว เป็นกันเองกับทุกคน
ซึ่งในส่วนของพี่แบร์คือก็ผู้ชายไทบ้านคนนึงนี่แหละ เป็นคนชิลๆ ไม่ถือตัว เข้าถึงง่าย และสิ่งที่ไม่คิดว่าณเดชน์ คูกิมิยะจะทำได้ขนาดนี้ คือมีอยู่ซีนนึงไปถ่ายในไร่ มีต้นมะขามอยู่ ทีมงานก็ไปสอยมะขามมากิน ซึ่งคนที่สอยให้อยู่คือพี่แบร์ และกำลังกินมะขามที่เพิ่งสอยมา คือจกตรงนั้นเลย กำลังจิ้มปลาแดกที่เป็นตัวๆ อยู่ และยังเรียกเรากินเลย ก็

คิดในใจว่าณเดชน์เขากินแบบนี้เนอะ (หัวเราะ) เราก็ตกใจในใจแต่ไม่แสดงออกไป คือไม่รู้ว่าคนอื่นว่าแปลกไหม แต่สำหรับผม ผมแปลกใจไม่คิดว่าพี่เขาจะอยู่กินง่ายขนาดนี้ ด้วยความที่พี่แกเป็นซูเปอร์สตาร์ แต่ไม่คิดว่าแกจะกิน แกทำตัวเป็นไทบ้านสุดๆ กินง่าย อยู่ง่ายๆ (แล้วที่บอกว่าพี่เขาแกล้งเรา แกล้งยังไง?) พี่เขาเป็นคนที่ระบายท้องได้ดี เป็นที่พูดถึงของคนในกอง แกเป็นคนที่ระบายลมดีมากๆ อย่างบางซีนกำลังถ่ายอยู่ก็ปล่อยเสียงออกมา แต่ที่แปลก แกเป็นคนที่ตดเบา แต่ไม่มีกลิ่น เราก็อยากจะถามแกอยู่นะว่ากินอะไร ทำไมถึงไม่มีกลิ่นออกมา (ยิ้ม)

ซึ่งถามว่าเรารู้สึกยังไงกับเสียงของคุณณเดชน์ รู้สึกว่าเป็นเสียงที่ไพเราะมากเลยนะ (หัวเราะ) และยิ่งอยู่ในซีนที่เงียบๆ นะ จะกังวานมาก แต่เป็นเสียงที่ไพเราะ ซึ่งทุกคนก็รู้ว่าเป็นเสียงของเขา และเขาก็จะกลบเกลื่อนแบบทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ หน้านิ่ง พี่โบว์ก็แซวกลับว่าพี่แบร์อีกแล้วเหรอเนี่ย เรียกได้เป็นความทรงจำที่ได้ร่วมงานกับพี่ณเดชน์ครั้งแรก ส่วนพี่โบว์ก็สนุกดี เป็นคนกวนๆ คนนึงเลย ด้วยความที่เราเป็นนักแสดงใหม่ เรากลัวว่าจะเข้าถึงพี่เขายากหรือเปล่า แต่พอมาร่วมงานคือชิลมาก เข้าถึงง่าย ไม่ถือตัวเลย เป็นกันเอง ปรึกษาได้เลยในเรื่องของการแสดง”

ปัดหน้าตามีส่วนทำให้เป็นดารา ยอมรับว่าก่อนหน้านี้ฝันอยากเป็นพนักงานออฟฟิศ แอบงงเป็นถึงเดือนมหา’ลัย แต่ไหงไม่มีใครมาจีบ
“ถามว่าชีวิตเปลี่ยนแปลงไปเยอะไหม ผมก็ยังใช้ชีวิตปกติเหมือนเดิมทั่วไป เพราะเราก็ยังเป็นนักแสดงใหม่ คนอาจจะยังไม่ค่อยรู้จักเรา แต่เราก็ยังต้องพัฒนาอีกต่อไป แต่ก็แอบดีใจที่ก้าวกระโดดมาได้รับบทบาทที่สำคัญขึ้น ส่วนคนมองว่าหน้าตาเรามีส่วนไหม ผมว่าหน้าตาไม่ได้เป็นส่วนสำคัญ แต่ฝีมือมากกว่ากับความเหมาะสมในคาแร็กเตอร์นี้ คือผมจะเล่าให้ฟังว่าตอนเรียนมหาวิทยาลัยผมประกวดเดือน และได้เป็นเดือนมหา’ลัย แต่ไม่มีผู้หญิงในมหา’ลัยมาจีบเลย (คือจะหมายถึงผู้ชายมาจีบแทน?) ใช่ (หัวเราะ) ล้อเล่นครับ แต่เราก็ไม่ชัวร์ว่าทำไมไม่มีใครเข้ามาจีบเรา แต่เราก็ไม่เข้าไปจีบใครนะครับ รอให้รวยก่อนแล้วค่อยไปจีบสาว เพราะเราก็ไม่ได้รีบด้วย

ตอนนี้มาไกลเกินที่เราฝันแล้ว เพราะตอนเด็กๆ เราฝันอยากเป็นพนักงานออฟฟิศ ตอนนั้นเราเรียน ปวช.3 ผมเรียนคอมพิวเตอร์ธุรกิจ พอเรียนสายนี้มาเราก็คิดว่าเราอยากมีงานที่มั่นคง เรายังไม่รู้เลยว่าเราจะได้มาเป็นนักแสดง เราก็เลยไม่คาดฝันอะไร แต่มันมีจุดเปลี่ยนตอนที่เราได้ไปฝึกงาน มันไม่สนุกอย่างที่เราคิด นั่งเฉยๆ คีย์ข้อมูลไป แต่พอได้มาทำงานบันเทิง ได้ออกกองก็เหมือนเราได้ไปเที่ยว ได้ไปแอดเวนเจอร์ในที่ต่างๆ มันต่างกับตอนเราฝึกงาน เราเลยชอบทางนี้มากกว่า ส่วนความฝันวัยเด็กก็เก็บเข้ากรุไปเลย”



















กำลังโหลดความคิดเห็น