“อุ๊บ วิริยะ” เผยสะใจมากที่เห็นข่าว “ลุงพล” โดนจับ เชื่อตำรวจรวบรวมหลักฐานดีแล้วถึงได้ออกหมายจับ บอกถ้าไม่ผิดจริงจะหนีทำไม และกฎแห่งกรรมยุติธรรมเสมอ ยอมรับผิดหวังที่เคยช่วยเหลือ แต่กลับโดนบูลลี่ต่างๆ นานา ต่อไปถ้าจะช่วยใครคงต้องดูนานๆ เตรียมไปเยี่ยมพ่อแม่ “น้องชมพู่” เพราะต้องไปถ่ายหนังที่บ้านกกกอกอยู่แล้ว
เป็นข่าวใหญ่ข้ามวัน ข้ามคืนจริงๆ สำหรับกรณีของ “ลุงพล” หรือ “นายไชย์พล วิภา” ที่โดนออกหมายจับในคดีของ “น้องชมพู่” เป็นที่เรียบร้อย ซึ่งหลังจากที่หมายออกเจ้าตัวก็หนีหายไปหนึ่งคืน แต่ล่าสุดก็มาพร้อมกับทนายและได้เข้ารายงานตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้ว แต่อีกประเด็นที่คนจับตามองก็คือกลุ่มคนที่เคยให้ความช่วยเหลือลุงพลในตลอด 1 ปีที่ผ่านมา จนเรียกได้ว่าทำให้ลุงพลชีวิตเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ มีทั้งงาน มีทั้งเงิน และแฟนคลับที่ติดตามกันแบบเรียลไทม์เลยทีเดียว
ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือนักปั้นชื่อดัง “อุ๊บ วิริยะ พงษ์อาจหาญ” ที่ตอนแรกก็เห็นอกเห็นใจกันดี หางาน หาอีเวนต์ให้ทำ ถึงขั้นจะสร้างหนังให้เล่นเลยทีเดียว แต่พอผ่านไปไม่นานกลับบาดหมางกันจนไม่มองหน้ากันอีกแล้ว ล่าสุดเจ้าตัวก็ได้เผยว่า สะใจมากพอได้ยินข่าวการจับกุมครั้งนี้ เพราะพฤติกรรมบางอย่างมันบ่งบอก
“เห็นข่าวครั้งแรกคือสะใจ มันใช่ คือ 3 สิ่งในโลกนี้ที่มันปกปิดไม่ได้คือพระอาทิตย์ ดวงจันทร์และความจริง ก็คงจะเห็นเหมือนกับหลายๆ คนนะ เพราะพฤติกรรมบางสิ่งบางอย่างมันเห็นเด่นชัด และเราก็เชื่อมั่นในตำรวจนะ ตำรวจไทยเขาคงเตรียมหลักฐานพร้อมข้อมูลเรียบร้อยแล้ว หนักแน่นแล้วล่ะ ข้อมูลหลักฐานชี้มัดแล้วเขาถึงมาขยายผลและออกหมายจับเลย ก็คิดว่าตำรวจเขาคงไม่จับแพะชนแกะมาหรอก มันเสียชื่อ
คือเราเองก็คิดอยู่เหมือนกัน เพราะกฎแห่งกรรมมันยุติธรรมเสมอ คือคุณทำผิดคุณต้องชดใช้ แล้วมันมีข้อมูล มีนัยยะอะไรหลายๆ อย่าง ซึ่งคนที่ไม่ได้เข้ามาอยู่ในเหตุการณ์ แต่เป็นแฟนคลับทั่วไปที่เขาติดตามข่าวเขาก็วิเคราะห์ได้เลยว่าใครคือคนร้าย มงฯ จะลงที่ใคร เท่าที่เราคุยกับแฟนคลับจริงๆ เราก็พอทราบบ้าง แต่เราก็แค่เพียงสงสัย ตอนนี้ถ้าทำผิดก็ต้องชดใช้กรรม น้องชมพู่จะได้ไม่ตายฟรี คนร้ายต้องชดใช้กรรม คือเราก็คิดว่าถ้าไม่ผิดจะหนีทำไม ก็ต้องสู้หน้า สู้ความจริง แล้วบ้านเมืองมีขื่อมีแป เหมือนทุกคนแหละถ้าทำผิดก็ต้องชดใช้กรรมไป คดีนี้มันยาวนานไปปีนึงเลยนะ ซึ่งปกติตำรวจไทยเก่งนะ ชั่วโมงเดียวก็จับคนร้ายได้ แต่นี่ปีนึงแสดงว่ามันหนักมาก เขาต้องเก็บข้อมูลหลักฐานทุกเม็ด ถึงสามารถที่จะออกหมายจับคนร้าย”
ยอมรับผิดหวังที่เคยช่วยเหลือไป
“ก็ผิดหวังที่เราไปรู้จัก ที่เราไปช่วยเหลือ แต่สุดท้ายก็ถูกกระทำย่ำยี โดนบูลลี่ โดนเท โดนอะไรเยอะแยะ เราก็เลยออกมา ซึ่งไม่ใช่เราคนเดียวนะ ทุกคนโดนหมด หญิงลี, จินตหรา, หมอปลา , คุณน้ำฟ้า (ภรรยาหมอปลา) ทุกคนโดนเหมือนเราหมด ซึ่งถ้าคนไหนไม่ดีเราก็ไม่ยุ่ง ไม่เผาผี คนไหนดีเราก็ยังคบ อย่างคุณพ่อคุณแม่น้องชมพู่ซึ่งเราคุยกันเสมออยู่แล้ว จริงๆ จะบินไปกกกอง 1-2 วันนี้อยู่แล้ว คือปกติเราก็ไปตลอด ต้องไปถ่ายหนังเรื่อง สวรรค์บ้านนอก กกกอกซีรีส์ เป็นหนังที่เรารับเล่น ไม่ได้เกี่ยวกับคดีความ มันเกี่ยวกับวิถีธรรมชาติ เป็นเพลงสนุกสนาน
ต้องบอกว่าที่เราแยกจากเขามาน่ะมันเกิดจากตัวเขาเองนะ เขาบลูลี่เรา ด่าเรา อีกะเทยป่วยจิต เดินตูดบิด ล้อเลียน หรือไม่ก็เทงาน ซึ่งเราก็ไม่ยุ่งกันดีกว่า เราก็ไม่ยุ่งมาหลายเดือนแล้วนะ ถ้าไม่มีอะไรก็อย่ามาร่วมงานกันอีกเลย ไม่มีความสุขแล้ว คนเคยรักกันก็เกลียดกันได้ถ้าคุณไม่มีความจริงใจ
แต่เรื่องคดีคิดว่าตำรวจเขาก็คงหาหลักฐานพร้อมแล้วนะ เพราะมันปีกว่าแล้ว เขาก็แยกออกมาหลายข้อ เขาก็ต้องไปต่อสู้ตามสิทธิของเขาเอง แต่หลักฐานมันก็มีน้ำหนักที่จะจับตัวเขาได้ อย่างที่บอกว่าถ้าไม่ผิดคุณจะหนีทำไมล่ะ ก็ต้องสู้หน้า สู้ความจริง”
บอกเป็นบทเรียน ถ้าต้องช่วยคนไร้ค่า ขอไปช่วยหมาแมวดีกว่า
“ก็เป็นบทเรียนในการที่เราจะช่วยเหลือใคร เพราะเราปกติเป็นคนที่ใจอ่อน ชอบช่วยเหลือคนอยู่แล้ว ตอนนั้นจากสภาพที่เห็น จากสื่อ จากข่าวเราก็สงสาร แต่พอมาเจอแบบนี้เราก็เสียความรู้สึก เพราะเราถูกกระทำ แล้วไม่ใช่เราคนเดียว และเราไม่ได้รังแกเด็กนะ อันนี้ผู้ใหญ่ถูกเด็กรังแกจากเหตุการณ์ครั้งนี้ แต่ก็ยังช่วยต่อไป หมาแมวช่วยอยู่แล้ว คือถ้าช่วยคนแบบนี้ไร้ค่า เอาเวลาไปช่วยหมาแมวดีกว่า มีความสุขมากกว่า จะช่วยคนต่อไปนี้ก็คงต้องคิดให้ดี คิดให้นาน (หัวเราะ) จะได้ไม่ลงเอยแบบนี้อีก”