“นุ๊ก” แจงดรามาเดือดปมไม่สวมผ้าฮิญาบ ลั่นไม่สะดวกเพราะต้องทำงาน บอกมีหลายคนในวงการบันเทิงก็ไม่ได้ใส่เหมือนกัน ที่ผ่านมาตนเคยเสียสุขภาพจิตกับคนที่เข้ามาแนะนำต่างๆ จนเกือบจะเป็นโรคซึมเศร้า ได้ชีวิตใหม่หลังด่าเสื-ก ทนเกือบ 3 ปี เล่าช่วงโควิด-19 ช่วยเหลือคนที่ลำบากทั้งในและนอกวงการ ลั่นตนไม่ได้รวยแต่แบ่งกันกินได้
ช่วยเหลือผู้ที่เดือดร้อนจากสถานการณ์โควิด-19 มาโดยตลอด ไม่ว่าจะเป็นคนในวงการหรือนอกวงการ หาก “นุ๊ก สุทธิดา เกษมสันต์ ณ อยุธยา” ทราบเรื่องก็จะยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือทั้งที่ ตัวเองยังมีหนี้สินติดตัวจากการทำธุรกิจอยู่หลายล้าน ล่าสุดนุ๊กได้เปิดใจเล่าถึงการช่วยเหลือผู้คนกับผู้สื่อข่าวบันเทิง MGR ออนไลน์ โดยมองว่าแบ่งกันกินแบ่งกันใช้ และตนก็ให้ตามกำลังที่ตนให้ได้ ไม่ได้มากมายอะไร
“นุ๊กช่วยเหลือมาตั้งแต่แรกๆ เลย ก็มีหลายคนเลยที่เคยเป็นข่าว เขาก็กังวงกลัวจะเป็นข่าว เราก็บอกว่าไม่ต้องกลัวนะ นุ๊กเป็นคนที่ไม่ได้โพสต์อะไรอยู่แล้ว ไม่ใช่ว่าคนที่โพสต์ไม่ดีอะไรนะ ก็ดีตรงที่ว่าที่เขาทำเขาโพสต์ ก็จะได้เตือนเราตัวเราว่าเราได้ทำ ได้ช่วยอะไรใครบ้างหรือเปล่า นุ๊กเป็นคนยุค 90 แล้วนิสัยนุ๊กก้าวไม่พ้นยุคจริงๆ ก็เลยทำอะไรก็จะไม่ค่อยได้โพสต์อะไรว่าเราทำอะไรยังไงบ้าง นุ๊กไม่ได้ช่วยแต่ดารา คนทั่วไปก็ช่วยเหลือ คนพิการ คนสูงอายุ นุ๊กก็เลี้ยงเขาเป็นประจำ แต่ก็ไม่ได้ให้ยิ่งใหญ่อะไร เล็กๆ น้อยๆ”
ส่วนตัวแม้ยังมีหนี้สินอยู่ แต่ตนยังพอเหลือกินเหลือเก็บเลยแบ่งได้
“นุ๊กใช้ชีวิตแบ่งเป็นสัดส่วนอยู่แล้ว นุ๊กนำเงินส่วนที่ขายของออนไลน์ ที่ขายมาสก์ ขายครีมกันแดด ได้เงินมาก็เอาตรงนี้มาช่วยคน เงินส่วนนี้เป็นเงินไว้สำรองช่วยเหลือคนอื่นๆ ตัวนุ๊กอยากจะฝากขอบคุณไปถึงเจ้าหนี้ของนุ๊กมากกว่า เจ้าหนี้นุ๊กเป็นคนใจบุญ นุ๊กอยากขอบคุณเขา นุ๊กทำงานกู้หนี้ยืมสินมาลงทุนทำธุรกิจ เขาก็ให้นุ๊กผ่อนใช้ในลักษณะที่เราผ่อนไหว พอเราผ่อนไหวเราก็ไม่เคยเดือดร้อน ขาดส่งเขา เราก็ไม่เครียด เราก็มีเงินที่จะดูแลครอบครัวได้ แล้วก็มีเงินช่วยเหลือคนอื่นด้วย นุ๊กก็อยากให้เจ้าหนี้ของนุ๊กได้รับรู้ว่าสิ่งที่เขาช่วยนุ๊กมันก็ไปช่วยคนอื่นต่ออีกได้ด้วย”
ช่วยเหลือตามกำลังตนเอง โดยตนไม่เคยให้เงินใครฟรี จะช่วยโดยการอุดหนุนสินค้า
“นุ๊กให้ตามกำลังมากกว่า อาชีพดาราเป็นอาชีพที่เหมือนต้องคำสาปเหมือนกันนะ มันเหมือนจะดี แต่ก็ไม่ได้ 100 เปอร์เซ็นต์ มันมีจังหวะของมัน ไหนจะภาษีสังคมอีกก็ไม่ใช่น้อย โชคดีที่ตัวนุ๊กไม่ได้ฟุ่มเฟือย ไม่ใช่แบรนด์เนม แล้วนุ๊กก็มีเป้าหมายชีวิตที่ชัดเจน มันเลยทำให้เราพอแบ่งให้คนอื่นได้ นุ๊กรู้สึกว่าของอย่างนี้มันแบ่งกันได้ แบ่งกันกินแบ่งกันใช้
ตัวนุ๊กไม่เคยให้เงินใครฟรีนะ คือนุ๊กจะซื้อของที่เขาขายเป็นการช่วย อย่างพี่ปลาคาร์ฟ เชิญยิ้ม แกขายกลองแต่ว่านุ๊กบ้านไม่มีพื้นที่จะไว้กลอง แล้วมันใหญ่ เล่นก็ไม่เป็น เราก็ช่วยพี่เขาไปเลย แต่อย่างคนอื่นๆ นุ๊กก็จะช่วยเขาเป็นการซื้อของแต่อาจจะซื้อเยอะหน่อย สิ่งนึงที่นุ๊กให้มากกว่าเงินคือความภูมิใจ ให้เขารู้สึกภูมิใจในตัวเองว่าเขาขายได้ งานของเขามีคนมองเห็นคุณค่า
ใครทักมาให้นุ๊กช่วยซื้อของ นุ๊กซื้อตลอด ยกเว้นเจ้าเดียว นุ๊กรู้สึกผิดมากที่ไม่ได้ซื้อ เพราะแกขายหมูทอด บ้านนุ๊กไม่ทานหมู ก็ไม่รู้จะซื้อแกยังไง อะไรที่ช่วยได้นุ๊กช่วย และอย่างที่บอกนุ๊กไม่ได้ช่วยใครฟรีๆ นุ๊กเองไม่ได้รวย ทุกบาททุกสตางค์นุ๊กหากินเอง”
โอดชีวิตตนตอนนี้ก็ลำบากเหมือนกัน ทำงานไม่ได้มา 3 เดือนแล้ว เงินเก็บหายไปเกินครึ่งที่มีอยู่
“เราก็ลำบากนะ ไม่ใช่ว่าไม่ลำบาก งานไม่มีมา 2-3 เดือนแล้ว ไหนจะต้องรักษาตัวอีก แต่อย่างที่บอกคือนุ๊กเห็นชีวิตตัวเองชัดเจนว่าอยากมีบ้านหลังเล็กๆ แก่ตาย ไม่ได้อยากมีอะไรยิ่งใหญ่ มันก็เลยเหลือ ถ้าเราอยากมีอะไรยิ่งใหญ่มันคงไม่เหลือจริงๆ เราโชคดีที่ชีวิตเราชัดเจน
เคยโดนโกงก็มีนะ จ่ายเงินแล้วไม่ส่งของมา ก็มี เราก็คิดว่าเขาคงลำบากมากๆ คือเราไม่ได้จะให้หลอกง่ายๆ นะ ใครที่โกงเงินนุ๊ก นุ๊กพูดเสมอว่าไม่ยกโทษให้นะ ตายไปชาติหน้าต้องมาใช้ ไม่ยกหนี้ให้ ให้ก็ส่วนให้ หลอกก็ส่วนหลอก ดาราก็หากินยากไม่แพ้คนทั่วๆ ไป เผลอๆ จะยากกว่าคนทั่วไปด้วย เงินหายไปเกินครึ่งที่มีเก็บแล้ว นุ๊กไม่ได้ทำงานมา 2-3 เดือนแล้ว พอมีสถานการณ์การเมือง โรคภัยไข้เจ็บ งานบันเทิงก็จะได้รับผลกระทบก่อนเลย
แต่ด้วยโรคภัยไข้เจ็บของเราที่มี ถึงมีงานเข้ามาเราก็ไม่กล้ารับงาน เพราะเราต้องไปเจอคนมากมาย เราก็ไม่รู้ แล้วลูกเราก็ยังเล็กมาก ถ้าเราป่วยมาแล้วเอามาติดลูก มันจะไม่คุ้ม สู้เราเก็บคองอเข่าของเราก่อนดีกว่า ให้ทุกอย่างมันผ่านพ้นไป”
ชี้แจงดรามาที่พักหลังตนไม่ได้คลุมผ้าฮิญาบ หลังจากเข้าไปโต้ตอบชาวเน็ตประเด็นนี้อย่างดุเดือด
“ไม่มีอะไรมากเลยค่ะ นุ๊กก็ไปคอมเมนต์ว่าคนอื่นที่มาคอมเมนต์ว่านุ๊กว่าทำไมแต่งตัวแบบนี้ นุ๊กก็ไปคอมเมนต์กลับ คนขี้เสื-ก มักจะรู้ทุกเรื่อง แต่เสียดายที่ไม่รู้อยู่เรื่องนึงว่าการเสื-กไม่ทำให้ชีวิตคนที่เสื-กเจริญ ไม่ว่าจะทางโลกและทางธรรม จริงๆ คำตอบมันก็อยู่ในนั้นหมดแล้ว คุณจะมาเจริญแข่งกับเราเรื่องไหน ทางโลกหรือทางธรรม มันก็ไม่น่าจะเจริญกว่าเรา เพราะเราเป็นผู้ที่มองและเห็นตัวเอยอยู่เสมอ แต่คนที่มองแล้วเห็นแต่เรื่องของคนอื่นเสมอก็ไม่น่าจะเจริญอยู่แล้วไม่ว่าจะทางโลกหรือทางธรรม
ทางโลกเองนุ๊กก็มีกินมีใช้ ไม่ได้ร่ำรวยแต่เราก็มีกินมีใช้ ไม่ได้เดือดร้อนอะไรใคร มีเหลือเราก็มาแบ่งคนอื่น ทางธรรมคุณก็ไม่ได้มาเห็นอยู่แล้วว่าเราทำอะไรบ้าง แต่คุณน่ะ เห็นตัวเองหรือเปล่า”
เผยสาเหตุไม่คลุมผ้าเพราะไม่สะดวก และไม่อยากให้ใครเข้าไปโพสต์เรื่องนี้ในอินสตาแกรมตนเพราะทำให้ตนเสียสุขภาพจิต ถึงขนาดตนแทบจะเป็นโรคซึมเศร้า
“ด้วยความที่นุ๊กก็ไม่สะดวกอย่างนั้น นุ๊กต้องทำงาน ก็มีดาราอีกหลายคนที่เกิดในศาสนานี้เลยก็ไม่ได้ใส่เลยด้วยซ้ำ มีดาราที่แต่งเข้าอีกหลายคนเหมือนกันที่ไม่ได้ใส่ เพราะทุกคนต้องทำงาน ในช่วงนึงนุ๊กค่อนข้างจะใส่เยอะนะ แต่นุ๊กรำคาญ นุ๊กไม่อยากให้คนต้องมาพูดเรื่องนี้ ไม่อยากให้ใครมาพูดถึงเรื่องนี้ในไอจีนุ๊ก มันทำให้เราเสียสุขภาพจิต นุ๊กเลยรู้สึกว่าแทบจะเป็นซึมเศร้าอยู่ช่วงนึงเลย กับความหวังดีของแต่ละคนที่เข้ามาหวังดีในไอจีนุ๊ก แล้วมันทำให้เราเครียดมากๆ เข้ามาหวังดีกันทุกเรื่อง เรื่องกินอยู่หลับนอน เขาจะยัดเยียดความรู้ จะมาสั่งสอนนุ๊กกันหมดเลย
จริงๆ ต้องบอกอย่างนี้ค่ะว่าความหวังดีมันต้องมีเจตนาที่รู้สึกดีกับคนที่เราหวังดีจริงๆ ว่าเขารู้สึกยังไงกับความหวังดีตรงนั้น ถ้าเขารู้สึกไม่ดี อย่างเพิ่งไปหวังดีกับเขา อย่างคนเอาเค้กมาให้วันเกิด ก็จะมีคนมาคอมเมนต์ว่าอย่าเป่านะ ทุกอย่างห้ามไปหมด แล้วเราเป็นคนใหม่เข้ามาแล้วเรามาเจออย่างนี้ โดยที่เราไม่ได้พูดอะไรเลย”
เล่าหลังจากได้พูดระบายออกไปทำให้ตนได้ชีวิตกลับคืนมา หลังจากที่ทนเรื่องนี้มาอยู่เกือบ 3 ปี วันนี้ชีวิตใครชีวิตมัน
“นุ๊กไม่ได้คอมเมนต์กลับใครมาเป็นปี แล้วปีกว่าๆแล้วที่นุ๊กต้องมาเจออะไรแบบนี้ วันนึงเรารู้สึกว่าเราไม่ไหว เราต้องทำอะไรบ้างเพื่อไม่ให้คนพวกนี้เข้ามายุ่งกับเรา ไม่อย่างนั้นนุ๊กก็จะไม่ได้ตอบคนที่เขามาชอบเราจริงๆ เลย นุ๊กหายไปจากไอจีนานมาก นุ๊กรู้สึกว่าไม่ได้แล้ว เราต้องตอกกลับเพื่อไม่ให้คนพวกนี้มายุ่งกับเราแล้ว พอหลังจากตอบกลับไปแล้วนุ๊กรู้สึกว่าเราได้ชีวิตใหม่ ได้ชีวิตเรากลับมา แล้วพวกนั้นก็หายไปเลย
ก่อนหน้านั้นนุ๊กก็บอกไม่ต้องมายุ่งกับนุ๊กแล้วนะ นุ๊กจะใช้ชีวิตของนุ๊ก ได้สะดวก ก็หายไปแล้วช่วงนึง แล้วก็มีคนที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวเข้ามาตรงนี้ ก็เลยเซี๊ยะไปยกนึง แต่มันก็ดีตรงที่เรารู้สึกได้ชีวิตเรากลับคืนมาจริงๆ เกือบ 3 ปีที่เขาขโมยชีวิตเราไป มันมากพอแล้ว แล้วนุ๊กก็นิ่งมามากพอแล้ว นุ๊กไม่ได้ตอบสักคำ ไม่โต้เถียงเลยสักคำ มาวันนี้นุ๊กว่ามันพอแล้ว ก็ชีวิตใครชีวิตมัน เพราะเวลาที่เราตกนรก คุณก็ไม่ได้มาตกกับเรา แต่ถ้าคุณดีนัก แล้วคุณเกิดตกนรก อย่ามาอยู่ขุมเดียวกับเรานะ”