กลายเป็นเรื่องวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักในตอนนี้สำหรับข่าวคราวศิลปินเกาหลีหลายคนที่หลังจากประกาศเดินออกจากต้นสังกัดเดิมก็มีข่าวฉาวตามมากระทั่งบางคนต้องหมดอนาคตจนบางสื่อตั้งข้อสังเกตว่าหรืองานนี้อดีตต้นสังกัดพวกเขาและเธอจะมีเอี่ยวในข่าวฉาวดังกล่าวด้วย
เมื่อไม่นานมานี้ 2 นักแสดงดังทั้ง ฮันเยซึล และ อีซึงกี ต่างก็เพิ่งตัดสินใจไม่ต่อสัญญากับต้นสังกัดเดิม ฮันเยซึล ออกจากสังกัด Partners Park หลังอยู่กับสังกัดนี้มานาน 3 ปี ก่อนออกมาเป็นนักแสดงอิสระ ส่วนทาง อีซึงกี ตัดสินใจออกจาก Hook Entertainment สังกัดที่อยู่ด้วยกันมานาน 17 ปี พร้อมกับเปิดสังกัดใหม่เป็นของตนเอง แต่หลังจากที่ทั้งคู่ออกมาเริ่มต้นชีวิตของตนเอง ก็ต้องเจอกับข่าวแฉหลังออกจากต้นสังกัดได้ไม่นานทันที
โดยวันที่ 19 เม.ย. ที่ผ่านมา ฮันเซซึล ตัดสินใจเป็นนักแสดงอิสระแบบไร้สังกัด และไม่นานหลังจากนั้นนักแสดงสาวจำต้องโพสต์ภาพลงในอินสตาแกรมเพื่อเปิดตัวแฟนหนุ่มนอกวงการ ซึ่งไม่ค่อยพบเห็นบ่อยเท่าใดนักกับการที่นักแสดงชื่อดังจะเปิดตัวแฟนในโซเชียลมีเดีย
อย่างไรก็ตาม หลังจากเปิดตัวแฟนหนุ่มรุ่นน้องได้แค่ 2 อาทิตย์เธอก็ต้องเจอข่าวฉาวหนักว่าแฟนหนุ่มของเธอเคยเป็นหนุ่มบาร์โฮสมาก่อน
เรื่องาวข่าวฉาวดังกล่าวเริ่มต้นขึ้นเพราะ คิมยองโฮ ยูทิวบ์เบอร์ชื่อดัง ได้ออกมาแฉตัวจริงของแฟนหนุ่ม ฮันเยซึล ว่าเป็นหนุ่มโฮสมาก่อน ซึ่ง คิมยองโฮ ก็พลาดตรงที่ไม่สามารถหาหลักฐานมาแสดงเพื่อพิสูจน์คำกล่าวอ้างได้
แต่ข่าวลือที่เขาสร้างขึ้นก็กลายไปเป็นข่าวใหญ่ แถมยังลุกลามบานปลายจนทำให้ ฮันเยซึล ต้องเดือดร้อนเพราะแฉยาวไปจนลากเธอไปเอี่ยวกับคดี Burning Sun ไนต์คลับที่มีปัญหาและกำลังมีคดีความอยู่ (จากกรุ๊ปแชทถ่ายคลิปลับ ล่วงละเมิดทางเพศ ทำร้ายร่างกาย ยาเสพติด และการใช้ความรุนแรงทางเพศ)
งานนี้ ฮันเยซึล ไม่อยู่เฉย ออกมาเผยถึงข่าวลือที่ คิมยองโฮ สร้างขึ้น โดยใช้โซเชียลมีเดียของเธอเอง ตั้งข้อสังเกตว่า คิมยองโฮ คนที่ปล่อยข่าวมีความสัมพันธ์สนิทชิดเชื้อกับคนที่อยู่ในอดีตต้นสังกัดของเธอ ขณะที่สื่อ Sports World เองก็สังเกตเห็นถึงความปกติดังกล่าว จึงได้รายงานข้อสงสัยให้สาธารณะชนได้รับรู้ว่า
“ฮันเยซึลต้องออกมาเปิดเผยตัวตนของแฟนด้วยตัวเอง มันเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้ยากที่คนดังจะออกมาแชร์ความสัมพันธ์ส่วนตัวต่อสาธารณะ ถ้าดูดีๆ จะเห็นได้ว่ามันต้องมีเหตุผลอะไรบางอย่างอยู่เบื้องหลังที่ทำให้เธอต้องออกมาเปิดเผยด้วยตัวเอง"
"สัญญาของเธอกับสังกัด Partners Park หมดอายุในเดือน มิ.ย. และเธอก็รู้เรื่องนี้อยู่แล้ว ตามปกติคนดังจะออกจากต้นสังกัดด้วยเหตุผลต่างๆนานา แต่มันก็มีไม่น้อยที่ความลับของคนดังจะถูกแฉออกมาหลังจากการเจรจาต่อสัญญาไม่เป็นผล และดูเหมือนว่า ฮันเยซึล จะเข้าใจเรื่องนี้ดี จึงทำให้เธอลงมือเปิดตัวและเป็นข่าวด้วยตัวเธอเอง”
ทาง Sports World ยังใช้ทฤษฎีนี้ไปกับกรณีของ อีซึงกี ที่เพิ่งมีข่าวเดตออกมาเมื่อวันที่ 24 พ.ค. ที่ผ่านมาด้วย
โดยข่าวเดตของ อีซึงกี กับ อีดาอิน กลายเป็นข่าวใหญ่ที่เกาหลี ซึ่งสื่อจอมแฉ Dispatch ก็นำภาพออกเดตของทั้งคู่มาตีพิมพ์ ซึ่ง อีดาอิน กลายเป็นที่สนอกสนใจขึ้นมาทันที เพราะตัวเธอเองก็เป็นนักแสดง และยังเป็นลูกสาวของนักแสดงรุ่นใหญ่ คยอนมิรี นั่นเอง
ด้าน Sports World ก็ได้พูดถึงข่าวเดตของ อีซึงกี ที่เกิดขึ้นหลังจากที่เขาประกาศออกจากต้นสังกัด Hook Entertainment ได้เพียงไม่กี่วันว่าเป็นไปได้หรือไม่ที่เรื่องนี้จะมีความเกี่ยวข้องกัน
“หนึ่งในบทบาทของต้นสังกัดของศิลปินที่ต้องทำคือการปกป้องความเป็นส่วนตัวของศิลปิน อย่างไรก็ตาม พอศิลปินคิดจะแยกตัวออกจากต้นสังกัด พวกเขาก็ไม่อยู่ในความรับผิดชอบของต้นสังกัดอีกต่อไป แทนที่จะปกป้องความเป็นส่วนตัวของอดีตศิลปินในสังกัดของตนเอง พวกเขาก็เลือกที่ใช้ข่าวเหล่านี้มาเป็นอาวุธ"
"เมื่อถึงเวลาที่ต้องคุยกันเรื่องต่อสัญญา บริษัทก็สามารถนำอาวุธเหล่านี้ออกมาเป็นเครื่องต่อรองกับศิลปินเพื่อให้ต่อสัญญากันต่อไป แต่เมื่อเกิดสิ่งที่เรียกได้ว่าจากกันไม่ดีขึ้นมา สิ่งเหล่านี้จึงเกิดขึ้น ซึ่งกลายเป็นเรื่องธรรมดาของวงการบันเทิงไปแล้ว”
งานนี้ยังทำให้นึกถึงกรณีของ คิมจองฮยอน พระเอกหนุ่มจากซีรีส์ Mr. Queen ที่ไปปรึกษากับ ซอจีฮเย (นางรองที่เล่นคู่กันใน Crash Landing On You จนลือกันว่ากำลังคบหาดูใจกัน แต่ทั้งคู่ออกมาปฏิเสธ) ว่าอยากย้ายสังกัด ซึ่งหลังจากนั้นเจ้าตัวก็โดนข่าวแฉถึงอดีตแฟนเก่าขึ้นมาทันที
โดย Dispatch สื่อจอมแฉได้นำบทสนทนาของเขากับแฟนเก่า ซอเยจี นางเอกดังจากซีรีส์ It’s Okay To Not Be Okay ออกมาเผย จึงทำให้หลายคนเชื่อว่าต้นเหตุพฤติกรรมนิสัยไม่ดีของ คิมจองฮยอน ในกองถ่ายซีรีส์เรื่อง Times น่าจะมาจากการบงการชีวิตของ ซอเยจี นั่นเอง
ทั้งนี้ข่าวที่ออกมาจึงส่งผลให้นางเอกสาวที่กำลังก้าวขึ้นมาเป็นตัวท็อปของวงการกลายเป็นดาวร่วงจนแทบดับ เพราะโดนถอดพรีเซ็นเตอร์โฆษณา และต้องถอนตัวจากซีรีส์และภาพยนตร์จนแทบไม่เห็นวี่แววโอกาสหวนคืนจอของนักแสดง ขณะที่ตัวของ คิมจองฮยอน เองก็ต้องหายหน้าไปจากจอกันเลยทีเดียว