xs
xsm
sm
md
lg

“ปลาคาร์ฟ เชิญยิ้ม” เปิดใจ 2 ปีสู้โควิดจนหมดตัว ต้องคืนบ้าน-รถ ถูกฟ้องก็ยอม ซึ้ง "บอล-ตั๊ก" โอนเงินช่วยเหลือ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“ปลาคาร์ฟ เชิญยิ้ม” ท้อ 2 ปีถูกยกเลิก 100 งาน คืนหมดรถ-บ้าน ถูกฟ้องก็ยอม ซึ้ง “บอล-ตั๊ก” โอนเงินช่วยเหลือ เผยเหตุผล ตอนมีเงินทำไมไม่เก็บ รับคนแห่ช่วยเรื่องเงิน แต่ยืนกรานไม่ขอรับบริจาค

หลังจากที่ตลกรุ่นใหญ่ “ปลาคาร์ฟ เชิญยิ้ม”ออกมาเปิดเผยว่าชีวิตตอนนี้เข้าขั้นลำบาก ต้องปล่อยให้ธนาคารยึดบ้าน ยึดรถ เพราะไม่มีเงินจ่ายค่างวด และเหลือเงินติดตัวแค่หลักร้อย เพราะเอาเงินเก็บมาใช้จนหมดแล้ว ล่าสุดเจ้าตัวก็เปิดใจกับบันเทิง MGR ออนไลน์ ว่าวิกฤตคราวนี้ถือว่าหนักหนาจริงๆ เพราะไม่มีงาน ไม่มีรายได้เลยมาร่วม 2 ปีแล้ว

“ก็ 2 ปีกว่าแล้วนะที่เราโดนคืนงาน แต่ครั้งนี้มันหนักจริงๆ ไม่มีงานเลยครับ รายได้ไม่มีเลย พวกรายการก็มีบ้าง แต่ตอนนี้มันอัดไม่ได้ ของผมก็มีรายการเดียวของเวิร์คพ้อยท์ที่เรียกผมไปอัด แต่ตอนนี้เขาปิดช่วงโควิด แต่รายได้หลักของผมจริงๆ คือการขายเครื่องดนตรีไทย แต่พอมามีโควิดคนก็ไม่มีกำลังจะมาซื้อ นักดนตรีเขาไม่มีงานแล้วจะเอาเงินที่ไหนมาซื้อเรา แล้วทุนผมก็ไปจมอยู่กับเครื่องดนตรีนี่แหละ ผมก็ลงไปเยอะเกือบ 2 แสน ก็จมอยู่ตรงนั้นหมด แล้วมันก็ขายไม่ได้ ก็เลยลำบาก ค่าใช้จ่ายประจำวันตอนนี้ก็ควักเงินเก็บออกมาใช้เกือบหมดแล้ว

บ้านรถเราก็คืนธนาคารไปหมดแล้ว เขาไม่ได้มายึดเราหรอก แต่เราเอาไปคืนเขาเอง เพราะเราผ่อนไม่ไหว ติดอยู่ 3 งวด พอเข้างวดที่ 4 ก็ตัดสินใจเอาไปคืน ก็ยอมให้เขาฟ้องแหละ มันมีค่าติดตาม มีใบอะไรมาเต็มไปหมด ก็คืนเขาไป เขาจะฟ้องอะไรเราก็ต้องยอม เพราะมันไม่ไหวจริงๆ ตอนนี้ก็รอว่าเขาจะดำเนินการยังไงต่อ พูดตรงๆ ว่านอกจากขายเครื่องดนตรี แล้วก็ถ่ายรายการบ้างประปราย พอทุกอย่างหยุดหมดผมก็ไม่ได้ทำอะไรเลย หยุดยาวมาเป็นปีแล้ว นี่ก็มาอยู่บ้านพี่สาว”

เผยอาชีพที่ทำให้อยู่มาได้ก็คืองานแห่ งานบวช แต่ตอนนี้โดนยกเลิกหมด
แต่ถ้าเอาจริงๆ พูดถึงงานตลกมันก็เพลาๆ มาเป็น 10 ปีแล้วแหละ ตั้งแต่คาเฟ่ปิด เพราะปกติคาเฟ่จะเป็นงานประจำของเรา พอคาเฟ่ปิดเราก็ต้องหันเหทำอย่างอื่น ก็มาเปิดขายเครื่องดนตรีก็พออยู่ได้นะ แต่พอมาเจอโควิดปุ๊บมันหยุดหมดเลย ถ้าปีเดียวก็ยังพอทนนะ แต่นี่มันมา 3 รอบ แล้วก็หนักคือทำอะไรกันไม่ได้เลยตอนนี้ แล้วผมรับงานเกี่ยวทำบายศรี ทำขวัญนาค รถแห่อะไรพวกนี้ เราทำเกี่ยวกับงานบวช ก็มีงานเข้ามา เขาก็มัดจำมา แต่พอมีโควิดงานเขาก็จัดไม่ได้ มัดจำหลายๆ งานก็เป็นแสนกว่า เราก็ต้องคืนเขาหมดเพราะมันจัดไม่ได้

งานยกเลิกไปหมดเลยครับ 2 ปีนี่เกือบ 100 งานนะ เพราะปกติงานบวชปีนึงเราจะทำกันประมาณ 50-60 งาน แต่ทีนี้มันโดนหมดเลย เขาไม่ให้แห่นาค ไม่มีทำขวัญนาค ซึ่งงานตรงนี้มันช่วยเราได้มากเลยแหละ ไอ้งานตลกไม่ต้องไปพูดถึง เพราะมันไม่มีอยู่แล้ว คาเฟ่มันปิดหมดแล้ว รายการก็จะมีนานๆ ที มีของเวิร์คพ้อยท์นี่แหละที่นานๆ โทร.มาให้เราไป แต่ก็ไม่บ่อย เพราะผมไม่ได้เป็นประจำ ถ้าเขาอยากได้เราเขาก็จะโทร.มาปีนึงอาจจะ 1-2 ครั้ง แต่ถ้างานของเราปีนึงอย่างน้อยมี 50 งานนี่เราอยู่ได้ แล้วมันเดือดร้อนลูกน้องเราด้วย เราก็ต้องช่วยเหลือลูกน้องเราอีก”

เผยได้ “บอล เชิญยิ้ม” และ “ตั๊ก บริบูรณ์ จันทร์เรือง” ยื่นมือเข้าช่วยเหลือ
“พอข่าวออกไปก็มีคนติดต่อมาช่วยเหลือเยอะครับ มีบอล เชิญยิ้ม มีตั๊ก บริบูรณ์ เขาก็โทร.มาถามว่าเป็นยังไงบ้าง ก็บอกไปว่างานมันไม่มี บอลกับตั๊กก็เลยบอกพี่เอาเลขบัญชีมา เดี๋ยวผมช่วยพี่เบื้องต้นก่อนนะ พี่อย่าคิดอะไรมากนะ ผมก็บอกว่าไม่เอาหรอก เกรงใจ เพราะต่างคนมันก็ไม่มีงานเหมือนกัน เขาก็บอกว่าไม่เป็นไรพี่ ผมพอช่วยพี่ได้ ถ้าเริ่มถ่ายรายการฮาไม่จำกัดพี่ค่อยมาช่วยผม เราก็เลยโอเค ถ้ามีงานเราก็ไปทำงานใช้หนี้เขา ก็ดีใจ เพราะเขารู้ว่าเราลำบากจริง

คนที่เราไม่รู้จักก็มีติดต่อเข้ามานะ เยอะมาก มีคนนึงพอเขาเห็นข่าว เขาก็อินบ็อกซ์เฟซบุ๊กติดต่อมาบอกว่าให้ผมไปทำงานอยู่กับเขาเลย เขาเปิดร้านอาหารอยู่ที่เขาใหญ่ เขาบอกว่าพี่มาทำงานกับผมเลย มากิน มานอนอยู่กับผมที่ร้านเลย พี่ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายอะไร ผมชื่นชอบพี่มาตั้งนานแล้ว ผมอยากช่วยพี่ ถ้าพี่ไม่คิดมาก พี่มาทำงานกับผมได้เลย

ผมก็บอกว่าขอบคุณมาก แต่เดี๋ยวค่อยว่ากัน ขอรอดูเดือนนี้ก่อน ถ้าสิ้นเดือนนี้มันยังไม่มีอะไรดีขึ้นก็ค่อยว่ากัน อาจจะไปนั่งพูดคุยด้วย เขาก็เป็นคนใจดีคนนึง เป็นคนรวยเลยแหละ เปิดร้านอาหารใหญ่โต แต่บอกตรงๆ ว่าเราก็ไม่ถนัดนะ ไม่เคยทำ เพราะเราเป็นนักดนตรี เป็นตลก เป็นนักแสดงมาตั้งแต่เด็ก ก็เลยยังเฉยๆ แต่ไม่ไหวยังไงเราก็กลับบ้านเราเท่านั้นเอง

หรืออย่างบางคนก็จะให้ผมไปทำเกี่ยวกับทุเรียนส่งออก ที่เขาเรียกว่าล้งน่ะ ส่งตลาดไท ส่งไปตามที่ใหญ่ๆ เนี่ย เขาบอกพี่มาทำงานกับผมก็ได้นะ ผมก็บอกว่าผมทำไม่เป็น ผมไม่เคยทำ เขาบอกมาลองเรียนรู้ดู เราก็ยังเฉยๆ มีหลายคนอินบ็อกซ์มาอยากจะช่วยเหลือเรื่องเงิน จะโอนเงินให้ผม ผมก็บอกว่าไม่เอา ผมไม่กล้ารบกวนหรอก ก็มีน้องบอลกับน้องตั๊ก บริบูรณ์นี่แหละ เพราะเขาบอกพี่ต้องเอานะ ผมอยากช่วยพี่ เขาก็โอนเงินมาให้ไว้ติดตัว ไว้ใช้จ่ายก่อนช่วงนี้ เขาบอกไว้มีงานค่อยมาอัดเทปใช้หนี้กัน อย่างนี้ผมโอเค น้องเขาก็นิสัยดีทั้งคู่ พอเห็นข่าวออกไปเขาก็เลยโทร.มานี่แหละ

บอกเจอคอมเมนต์ด้านลบเข้ามา จนไม่อยากไปพูดออกรายการไหนอีก
“ก็มีหลายๆ ช่องที่โทร.มาจะให้ผมไปออกรายการ แต่ผมบอกว่าไม่เอาดีกว่า เพราะพวกโลกสวยมันเยอะ คนเข้าใจมันก็ดี แต่คนที่เขาไม่เข้าใจก็มีคอมเมนต์ไม่ดีมาหลายคน แต่เราก็ไม่ได้สนใจหรอก นานาจิตตังนะ เราไม่โต้ตอบ เขาว่ายังไงก็เรื่องของเขา เพราะข่าวออกไปมันก็มีสองด้าน คนที่คอมเมนต์มาไม่ดีก็มี บอกว่าทำไมตอนมีแล้วไม่เก็บ คือเขาไม่รู้ไงว่าตอนที่เรามีงานทำ มันก็มีรายจ่าย ต้องผ่อนรถ ผ่อนบ้าน ค่าแต่งตัว เขาคิดว่าเราไม่มีรายจ่ายอะไรเลย

อีกอย่างเราเป็นลูกน้องเขา เราไม่ได้มีรายได้อะไรเยอะแยะ ตรงนี้เขาไม่รู้ คือตั้งแต่ทำงานตลกมาเราก็เก็บเงินนะ ไม่ใช่ไม่เก็บ แต่พอคาเฟ่มันปิดไป 10 ปีเนี่ยเราก็ต้องเอาเงินเก็บมาใช้โน่นนี่ ก็ปล่อยเขา คนเกลียดมี คนรักมี คนที่รักเราเขาก็เข้าใจ คนที่เห็นความเป็นอยู่ของเราเขาเข้าใจ แต่คนที่ว่าเราเขาไม่รู้ จริงๆ อยากจะพูดให้เขาเข้าใจนะโทร.มาคุยกันก็ได้ เราจะได้อธิบายให้เขาฟังว่าตอนมีน่ะผมทำอะไรบ้าง ผมทำโน่นทำนี่ ขาดทุนบ้าง ได้กำไรบ้าง คนทุกคนต้องดิ้นรนอยู่แล้วล่ะ แต่เขาไม่เข้าใจก็ช่างเขา”

บอกสมาคมตลกก็ไม่มีเงินพอจะมาช่วยได้ทุกคน
“ถามว่าสมาคมตลกมีเข้ามาช่วยเหลือไหม คือต้องบอกว่าสมาคมตลกตอนนี้เขาก็ไม่สามารถช่วยใครได้ เพราะคนเยอะ มันช่วยไม่ไหว เงินในสมาคมมันไม่พอหรอก เขาก็จะช่วยแค่งานศพ เป็นเจ้าภาพให้ 1 คืน ใส่ซองให้อีก 10,000 บาท นี่คือกฎระเบียบของสมาคม แต่เจ็บป่วยเขาก็จะให้เบิกปีละ 5,000 บาท ถ้าเกินเราต้องจ่ายเอง สมาคมก็จะช่วยประมาณนี้ เพราะเงินสมาคมไม่มีหรอก เพราะสมาคมตลกไม่เหมือนสมาคมอื่น เพราะเราจัดงานหาเงินเข้าสมาคมไม่ได้ไงตอนนี้

ปกติปีนึงเขาจะจัดงาน 1 ครั้ง พวกตลกก็จะรวมตัวกันจัดงานคอนเสิร์ต เก็บเงินเข้าสมาคม แต่ทีนี้มันจัดไม่ได้ นายกคนใหม่เขาก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะจัดงานอะไรไม่ได้เลย ตลกคนไหนที่มีรายการทีวีก็ยังพออยู่ได้ แต่พวกเบอร์รองๆ ตัวเล็กๆ ก็หันเหกลับบ้านกัน ไปขับวินมอเตอร์ไซค์บ้าง บางคนก็ขายข้าวแกง บางคนก็ขับแท็กซี่ ใครทำอะไรได้ก็ทำกันไป”

บอกจอรอดูสถานการณ์ถึงสิ้นปี ถ้าสู้ไม่ไหวค่อยกลับบ้านต่างจังหวัด
“ส่วนผมถ้าไม่ไหวจริงๆ ก็จะกลับบ้านที่ลพบุรี เพราะที่บ้านพี่สาวก็ขายอาหารเหมือนกัน เพราะอยู่นี่ก็ขยับตัวอะไรไม่ได้ ทำงานอะไรไม่ได้ เราก็กลับบ้านเรา และตอนนี้ผมก็อยู่คนเดียว ภรรยาผมเสียไปหลายปีแล้ว และผมก็ไม่มีลูก แต่เรามีลูกน้องที่ยังต้องดูแล ถ้าลูกน้องเดือดร้อน เราก็ต้องช่วยเหลือเขาบ้าง แต่หนี้สินตัวอื่นผมก็ไม่มีแล้วนะ พอคืนบ้านกับรถไปก็หมด เพราะมันหนัก ถ้าปล่อยไปหลายเดือนเข้าเดี๋ยวเขาก็จะฟ้องเราเยอะ นี่เราก็ไม่ได้หนีนะ ถ้าหนีนี่คงโดนค่าติดตามอีกเยอะ ขนาดเอาไปคืนยังโดนค่าติดตามเป็นหมื่น ผมก็ยังงงว่าทำไมเดี๋ยวนี้ค่าติดตามมันเยอะจัง ไม่เข้าใจ

ผมว่าจะรอดูถึงสิ้นปีนี้แหละ ถ้าเขาไม่เปิดให้เราทำงาน รับงานไม่ได้ เจ้าภาพจัดงานบวช แต่งกันไม่ได้ เราก็คงจะกลับบ้านต่างจังหวัดของเรา ไปช่วยพี่สาวขายของ พี่สาวเขาก็บอกให้กลับไปอยู่บ้านเถอะ อยู่กรุงเทพฯ รายจ่ายก็เยอะ เราก็บอกขอสู้ก่อนถึงสิ้นปี ถ้ามันไม่ได้จริงๆ ก็กลับ เพราะผมเองถึงอยู่คนเดียวอย่างน้อยวันนึงก็ต้องมี 200 กว่าบาทแล้ว เพราะข้าว 3 มื้อ แล้วมีอื่นๆ อีกล่ะ ค่าน้ำ ค่าไฟ แต่ผมก็ยังกัดฟันทนอยู่”

เผยขอบคุณทุกคนที่ยื่นมือเข้าช่วยเหลือ
ก็ขอขอบคุณคนที่เขาอยากช่วยเหลือเรา ที่อินบ็อกซ์มา โทร.มาอยากช่วยเหลือเรา อยากโอนเงินให้เราด้วยนะ แต่ผมไม่เอา ผมเกรงใจเขา แต่ถ้าเป็นเพื่อนเรา พรรคพวกเราช่วยเหลือกันอย่างนี้ผมเอา แต่เขาเป็นคนอื่นน่ะเราก็เกรงใจเขา ตอนนี้ทุกคนลำบากหมด คงต้องมีคนที่ลำบากกว่าผมแหละ เพราะพวกผมก็ลำบากกันทุกคนแหละ ดิ้นรนขายของ ไลฟ์สดขายของอะไรกันก็ขายไม่ค่อยได้หรอก เพราะคนมันขายกันเยอะ แต่กำลังซื้อคนมันไม่ค่อยมี คนที่อยู่ได้ในตอนนี้คือคนที่ทำงานมีเงินเดือน ทำงานบริษัท ทำงานราชการนี่อยู่ได้ แต่อย่างพวกนักแสดงหรืออาชีพนักดนตรีงานเลี้ยง นักดนตรีตามผับ ตามร้านอาหารอันนี้น่าสงสารเขา เพราะเขาไม่มีอาชีพอื่น ก็ตกงานกันมาพอๆ กับผมนี่แหละปีกว่า สองปี ใครมีช่องทางอะไรตอนนี้ก็ต้องทำไปก่อน”













กำลังโหลดความคิดเห็น