แม้ชื่อเสียงการเป็น "นักร้อง" จะไม่เป็นที่รู้จักในวงกว้างมากนัก ซ้ำข่าวโปรโมตเวอร์วังที่ผ่านมา ทั้ง ฉายา Sacorpion Queen of Thailand เป็นบริทนีย์ สเปียรฺ์ แห่งเอเชีย ได้โกอินเตอร์เป็นนักร้องระดับโลก ฯ เหล่านี้ก็อาจจะชวนให้บางคนเกิดอาการหมั่นไส้ได้ไม่ยากเมื่อเทียบกับผลงานที่ออกมา
แต่กระนั้นถ้าพูดกันถึงความรัก ความตั้งใจ และความพยายามบนเส้นทางสายนี้ของ "ปลา เพียงฤทัย โกมารทัต" ในฐานะ "ปลา บลาบลา" แล้ว เชื่อว่าเธอคนนี้มีทั้งสองสิ่งไม่เป็นสองรองจากนักร้องคนอื่นๆ อย่างแน่นอน
"เอาจริงๆ คือปลาชอบแล้วก็ร้องเพลงตั้งแต่เด็กๆ แล้วนะ เพราะคุณพ่อเป็นคนชอบเล่นดนตรี เป็นมือกีต้าร์ แต่สุดท้ายก็ได้มาเป็นนักแสดงก่อน..." อดีตนักแสดงหญิงที่เคยมีผลงานละคร อาทิ บ้านทรายทอง, แหวนทองเหลือง ฯ เผยถึงความชอบของตนเองที่มีต่อเสียงเพลง
โดยเธอเล่าให้ฟังว่าหลังจากตัดสินใจไปเรียนหนังสือที่ต่างประเทศ จนต้องหยุดงานแสดง เมื่อกลับมาเปิดโปรดักชันผลิตงานภาพยนตร์จึงมีโอกาสได้จับไมค์อย่างเป็นเรื่องราวอีกครั้ง
"หลังจากที่ทำหนังเรื่องห้องใต้หลังคาซึ่งเป็นหนังกึ่งอินเตอร์เพราะบทพูดมันเป็นภาษาอังกฤษส่วนใหญ่ 90 เปอร์เซ็นต์ ตอนนั้นก็เลยทำให้ปลาได้ทำงานร่วมกับทางผู้กำกับต่างชาติทางอเมริกัน จนสนิทกัน ทีนี้พอเขารู้ว่าปลาร้องเพลงได้เขาก็ถามว่าทำไมเราไม่ร้องเพลงเอง จะได้เอาเพลงมาใส่ในหนังที่เราจะทำด้วย"
"จริงๆ ก่อนที่ปลาจะลาวงการไป ตอนนั้นปลาก็ได้ร้องเพลงประกอบละครไทยอยู่นะ เป็นเพลงไตเติ้ลละครเจ้าสาวปริศนา ที่คุณแอน ทองประสม เล่น แล้วก็มีอีกเพลงนึง แต่ไม่ค่อยจะมีใครรู้สักเท่าไหร่"
ที่ผ่านมาในฐานะนักร้องเจ้าตัวมีผลงานมาแล้วประกอบไปด้วยอัลบั้มสากล อย่าง Wild One จากนั้นก็มาได้เสียงตอบรับไม่น้อยกับซิงเกิ้ลภาษาไทยจังหวะแดนซ์สนุกๆ อย่าง Sa Bud Bob (สะบัดบ๊อบ) รวมถึงล่าสุดกับซิงเกิ้ล "เธอมีค่า แต่เธอไม่มีสิทธิ์" ที่ได้ "ปอร์ กสิ นิพัฒน์ศิริผล" เข้ามาร่วมดูแลโปรเจ็กต์
"จริงๆ เพลงนี้ตั้งใจทำขึ้นมาเพื่อจะเป็นคอนเซ็ปเดียวกับเพลงที่แล้วคือเพลงสะบัดบ็อบ เป็นเพลงให้กำลังใจกับคนที่อกหัก ผิดหวังในความรักจากหน้าข่าวหนังสือพิมพ์ที่มีคนฆ่าตัวตาย ทำร้ายตัวเองจากผิดหวังความรัก ก็ เราก็รู้สึกว่า เราผ่านตรงนั้นมาแล้ว เราเป็นคนเข้มแข็งเราก็อยากจะทำให้คนอื่นเข้มแข็ง"
"อย่างเนื้อร้องมีเนื้อบางท่อนที่บอกว่า 'อยากฟังเธอแล้วยอม แต่ฉันพกสมองมาด้วย' ก็จะเป็นคำที่ทำให้คนฟังแล้วสะดุดว่า เออ ฉันควรทำแบบนี้นะ ฉันต้องเข้มแข็งนะอย่าไปคิดทำร้ายตัวเองหรือไปทำร้ายคนอื่น...ซึ่งตอนที่ทำเพลงปลาบอกก็คุยกับคุณปอว่าอยากทำเพลงที่เป็นบุคลิกตัวเอง ที่เป็นที่คนที่ไม่ค่อยแคร์ผู้ชาย"
"ถ้าผู้ชายจะจากไปไปหาผู้หญิงคนอื่น ถ้าเป็นตัวเราเองก็จะปล่อยเขาไป ไปหาคนอื่นเลย ให้เขาเห็นว่า ไม่มีเขา ก็ยังมีคนอื่นที่ชอบเรา เป็นผู้หญิงเข้มแข็ง สตรอง อยากให้ทุกคนเป็นแบบนี้เหมือนกัน"
ต้องยอมรับว่าการตัดสินใจเข้ามาทำงานเพลงตรงนี้ของเธอก็มีเสียงวิจารณ์ไม่น้อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับข่าวโปรโมตถึงความเป็น "อินเตอร์" ของเธอที่ออกมาในก่อนหน้าที่ว่ากันว่าเธอใช้เงินหมดไปเป็นล้านกันเลยทีเดียว
"อย่างข่าวปลาไปเดินพรมแดงเมืองคานส์ก็มีข่าวว่าปลาเสียเงินเป็นล้าน ก็ไม่รู้จะพูดยังยังไงว่าปลาถูกชวนไป เพราะตอนนั้นปลาทำหนังแล้วปลาเอาหนังไปกับกระทรวงพาณิชย์ ฉายในงานไทยไนท์ แล้วก็เผอิญไปรู้จักโปรดิวเซอร์ฝรั่งเศส เขาก็ชวนเราไปร่วมในงานด้วย ก็แค่นั้น (หัวเราะ)"
"หรืออย่างงานแกรมมี่อวอร์ด ทางโปรดิวเซอร์ของหนังก็แนะนำบอกว่า เฮ้ ยูทำเพลงเป็นเพลงสากลด้วยยู น่าจะไป grammy นะ ปลาก็ถามแล้วทำยังไงอะ เขาบอกเดี๋ยวเขาหาตั๋วให้แล้วเขาก็หาตั๋วให้แล้วเราก็ไปร่วมงาน คือปลาก็ไปมา 3 ครั้งแล้ว ก็ถือว่าได้ไปดู ไปหาประสบการณ์"
"คือถ้ามีเงินเป็นล้านเนี้ยคิดว่าเอามาทำอย่างอื่นดีกว่า คงไม่ไปดีกว่า ไม่ต้องเป็นล้านนะแสนนึงยังไม่ไปเลย...เรื่องโปรโมตเพลง เอาจริงๆ ปลาใช้เงินตรงนี้น้อยมากนะ อย่างการโปรโมทปลาก็ส่งเพลงตามสื่อ ตามสถานีวิทยุ ถ้าเค้าชอบเค้าก็ชวนเราไปคุยไปสัมภาษณ์ ไม่ได้ว่าจะต้องไปทุ่มเงินซื้อเวลาโปรโมตหรือทำโฆษณาอะไร"
แม้การทำงานเพลงจะไม่มีอะไรมาเป็นแรงกดดันเพราะมาจากความชอบและใจรักล้วนๆ แต่กระนั้นเจ้าตัวก็แอบคาดหวังเหมือนกันว่าผลงานที่เธอทำออกมานั้นจะได้รับการยอมรับมากกว่านี้
"เอาจริงก็ต้องยอมรับว่าอยากให้เพลงมีคนรู้จักเพลงเรามากกว่านี้ เพราะว่าการที่เราทำเพลงออกมาเราก็อยากให้มีคนฟัง อยากภูมิใจด้วยว่าสิ่งที่เราตั้งใจที่จะทำเนี่ยจะส่งไปถึงคนฟัง และคิดว่าคนฟังเองน่าจะได้อะไรไปจากบทเพลงที่เราต้องการสื่อออกไปบ้าง"
"ปลามีความเชื่อว่าความพยายามอยู่ที่ไหนความสำเร็จอยู่ที่นั่น ทำไปเรื่อยๆ ปลาคิดว่าสักวันหนึ่งก็คงจะต้องมีคนเห็นคุณค่าในสิ่งที่เราทำ เพราะปลาเชื่อว่าสิ่งที่เราทำนั้นเราต้องใจทำออกมาจริงๆ"
