xs
xsm
sm
md
lg

“หนุ่ม” ไม่ไหวแล้ว! รับโกรธ สะเทือนใจทุกครั้งที่ “ติ๊ก” บอกไม่เอาลูก ชี้แจงกีดกัน-ติดเหล้า-มีมือที่3?

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“หนุ่ม” บอกชินแล้วคำขอโทษของ “ติ๊ก” ลั่นโกรธและสะเทือนใจเวลาที่อีกฝ่ายไม่พอใจทีก็จะพูดให้ตนเอาลูกไปเลี้ยงเองที ชี้อีกฝ่ายไม่ปรับปรุงตัวในการเจอลูกทั้งๆ ที่ตนก็พยายามทำดีที่สุดแล้ว ชัดเจนไม่กีดกัน ไม่มีมือที่ 3 ไม่ติดเหล้า โอดตนคงทำได้เพียงก้มหน้าก้มตาเลี้ยงลูกต่อไป

เป็นประเด็นดรามาต่อเนื่องเรื่อยมากับเรื่องนัดหมายเจอลูกสาว “น้องวีจิ” จนเป็นเหตุให้ล่าสุด “ติ๊ก บิ๊กบราเธอร์” หรือ “กุ้งพลอย กนิษฐรินทร์ พัชรภักดีโชติ” ออกมาไลฟ์สดแฉอดีตสามี “หนุ่ม ศรราม เทพพิทักษ์” ถึง 2 ชั่วโมงแบบรัวๆหลายวันติด ทั้งติดเหล้า มีมือที่ 3 กีดกันไม่ให้เจอลูก แต่สุดท้ายพอระงับอารมณ์ตัวเองได้ก็ออกมาขอโทษอดีตสามี แถมชมว่าเป็นสามีที่ดีมาตลอด

ล่าสุดหนุ่ม ได้มาเปิดใจถึงประเด็นดังกล่าวในรายการคุยแซ่บshow ถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น ข้อตกลงต่างๆ ในการเจอลูกในช่วง 10 เดือนที่เลิกรากับอดีตภรรยาว่า....

"ก็ 10 เดือนไม่ยอมให้เจอลูกเลย ต้องเรียนแบบนี้ว่าตั้งแต่เราแยกทางกัน ผมให้เขาพบลูกเดือนละ 2 ครั้ง โดยผมมอบหมายให้ที่ปรึกษาทางกฏหมายเป็นคนประสานงานในการพบลูกทุกครั้ง เพราะบางทีผมทำงานอาจจะไม่สะดวก คราวนี้อย่างที่เคยบอก เราไปเจอกันที่ร้านอาหารที่เคยทานกันเป็นประจำ ครั้งที่ 2 คุณติ๊กก็ไปร้องมูลนิธิ ผมก็ให้ที่ปรึกษาทางกฏหมายไปดูปรากฏว่าสถานที่ก็ไม่ค่อยจะสะอาดเท่าไหร่

คุณติ๊กก็ให้คนที่มูลนิธิไปติดต่อประสานงานกับหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องกับสิทธิสตรีและเด็ก ผมกับที่ปรึกษาทางกฏหมายก็ไปดูสถานที่มันดูสะอาดสะอ้านก็เลือกตามความประสงค์ของคุณติ๊ก ก็เลยเอาวีจิไปเจอที่นั่น

พอไปได้ 1 ครั้ง ครั้งที่ 2 คุณติ๊กก็ไม่พอใจสถานที่อีก ก็บอกว่าขอกลับมาเจอที่ร้านอาหารได้ไหม ผมก็พามาเจอ ปรากฏว่าคุณติ๊กพาบุคคลภายนอกที่เราไม่เคยรู้จักมาก่อน เขามาบอกผมว่าต่อไปไม่ให้มาเจอที่ร้านอาหารแล้ว ให้ไปนอนที่ห้องติ๊กเลย ผมก็เรียนผู้หลักผู้ใหญ่ท่านนั้นว่าผมไม่รู้จักท่าน แล้วผมก็มีสิทธิ์ในการดูแลลูกอยู่แล้ว แล้วผมก็ไม่รู้ว่าจะมานั่งพูดกับท่านทำไมเพราะว่าผมมีหน้าที่เอาลูกมาเจอแม่ แล้วผมก็บอกคุณติ๊กว่าผมไม่มีความประสงค์จะให้บุคคลภายนอกมาพบลูก ที่พาลูกมาคืออยากให้คุณติ๊กมีเวลาอยู่กับลูก”

ทุกอย่างเป็นไปด้วยดี จึงหารือกับทนาย ให้เจอลูกมากขึ้นจากเดือนละ 2 ครั้งเป็น 4 ครั้ง จัดคอนโดเตรียมไว้อย่างดี สุดท้ายขอพาลูกไปเที่ยวเซ็นทรัล เพื่อนตนทักมาว่า “ติ๊ก” มายืมเงิน
“คราวนี้ครั้งต่อมารู้สึกว่าคุณติ๊กไม่สบาย เขาก็แจ้งผ่านที่ปรึกษาทางกฏหมายมาว่าขอไม่เจอ ไปเจออีกเสาร์นึง พอมาเจอมันจะใกล้ๆ วาเลนไทน์ คุณติ๊กก็ไปเอาดอกไม้ไปโรยทั้งชั้นของร้านอาหาร แล้วก็มาโรยที่รถตู้ผม ผมก็แค่บอกว่ามันสิ้นเปลืองไหม เราก็เข้าใจความเป็นแม่ว่าอยากจะฉลองวันวาเลนไทน์กับลูกเขาบอกมาอย่างนั้น

คราวนี้ที่ปรึกษาทางกฏหมายกับผมมานั่งคุยกันว่าน่าจะให้เขาเจอกันมากขึ้น เพราะผมก็เห็นว่าวีจิก็ดีใจ ติ๊กก็ดูดีเวลาอยู่กับลูก ก็เลยคุยกับคุณติ๊กว่าจะเดือนละ 2 ครั้งเป็นเดือนละ 4 ครั้ง ทุกวันเสาร์ แต่ที่เจอเปลี่ยนเป็นที่คอนโดของผมที่คุณย่าเคยอยู่ ก็จัดที่ทางไว้ให้ ครั้งแรกอาจจะไม่สมบูรณ์เท่าที่ควรแต่ก็สะอาดสะอ้าน เขาจะได้มีความเป็นส่วนตัว

เขาจะได้นอนกอดกัน มีสระว่ายน้ำ สวนหย่อมเป็นที่เป็นทาง พอบอกเสร็จวันนั้นคุณติ๊กก็บอกว่าวันนี้ขอพาลูกไปเซ็นทรัลได้ไหม ผมก็ถามว่ามีตังค์ติดตัวหรือเปล่า เขาก็ว่ามี เขาก็พาไปก็เป็นอย่างที่ผมสัมภาษณ์ไปว่าพอแยกกันปุ๊บก็มีคนโทร.มาหาผมเลยว่าคุณติ๊กยืมสตางค์ไป 5,000 เป็นเพื่อนรุ่นพี่เขาที่เรารู้จักกันทั้งคู่ เขาโทร.มาว่าคุณติ๊กยืม ผมก็คืนให้ทันทีเพราะเห็นว่าเขาพาลูกเราไป”

เล่าต้นสายปลายเหตุลูกพัฒนาการช้า เผยสาเหตุที่ “ติ๊ก” ออกมาไลฟ์สด 2 ชั่วโมงเพราะตนขอเลื่อนนัดการเจอลูก
"ทุกครั้งอย่างที่บอกว่าผมให้ที่ปรึกษาทางกฏหมายเป็นคนประสาน คราวนี้หลังจากไปเซ็นทรัล สัปดาห์ต่อมา 20 มีนาคม เราทราบแล้วว่าจะไปหาหมอด้วยกัน เป็นคุณหมอที่ดูแลเรื่องพัฒนาการเด็ก ซึ่งคุณแม่เขาควรรับรู้ด้วยว่าวีจิจะเป็นยังไงบ้าง ซึ่งตรงนี้ก็จะไม่ตรงกับที่ไลฟ์แล้วว่าทำไมพัฒนาการลูกช้ากว่าคนอื่น

ต้องเรียนว่าจากที่เราตกลงกันแล้วว่าจะเจอลูกเดือนละ 4 ครั้งแล้วมาเจอกันที่คอนโด แต่เผอิญเสาร์ 20 เราพาลูกไปหาหมอด้วยกัน สัปดาห์ถัดมาเสาร์ 27 ผมจะพาลูกไปเที่ยวเขาใหญ่ ก็เลยให้ที่ปรึกษาทางกฏหมายแจ้งคุณติ๊กว่าเสาร์นี้ไม่ว่างให้มาพบลูกวันอังคารแทน คุณติ๊กก็ส่งข้อความมาวันเสาร์ 27 ว่า เขาไม่เอาลูกแล้วนะ

ไม่ใช่เรื่องแปลกเป็นเรื่องปกติ คือเมื่อใดก็ตามที่คุณติ๊กไม่สบอารมณ์หรือมีอะไรที่ทำให้เขาไม่ถูกอกถูกใจ ประโยคนี้จะถูกพูดอยู่เสมอ บ่อยๆ พี่เอาลูกไปเลย หนูไม่เอาแล้ว จนครั้งนี้เขาบอกพี่ก็ทำหน้าที่แม่ได้ดีอยู่แล้ว พี่เอาลูกไปเลย แล้วหนูขอบล็อกทุกคนแล้วกันนะ"

ชี้ “ติ๊ก” บล็อกทุกคนที่คอยประสานงานในการเจอลูกแล้วติ๊กจะรู้เรื่องไหม
“ต้องบอกว่าวันที่ 27 ติ๊กเพิ่งจะออกมาให้สัมภาษณ์และให้ข้อมูลว่าเขาไม่ทราบว่าที่ปรึกษาทางกฎหมายเลื่อนเพราะว่าเขาบล็อก ไลน์ที่ปรึกษาทางกฎหมาย แต่เมื่อที่ปรึกษาทางกฎหมายก็ต้องเป็นคนประสานงานและเวลาที่จะเจอ แต่ตัวคุณติ๊กไปบล็อกแล้วคุณติ๊กจะรู้ไหม

คือเราประสานงานกันผ่านที่ปรึกษาทางกฎหมายแล้วคุณจะไปบล็อกเขาทำไม ส่วนข้อสองคุณบอกว่าคุณไม่เอาลูกแล้ว แล้วคุณขอบล็อกทุกคนในวันที่ 27 มีนาคม คราวนี้พอถึงวันเกิดลูกวันที่ 8 เมษายน ผมก็ก้มหน้าก้มตาเลี้ยงลูกสิ ผมก็ไม่ได้พาลูกออกไปใส่บาตรเพราะไม่กล้าพาออกไปข้างนอกเพราะโควิดเริ่มมาแล้วก็ฉลองกันในบ้านเงียบๆ ตอนนี้ก็อยู่ๆ มีไลฟ์ของคุณติ๊กออกมาเลย"

ยกมือไหว้ขอโทษแฟนคลับทุกคนที่ตนยังวนเวียนพูดเรื่องเดิมๆ ชี้อีกฝ่ายไม่ปรับปรุงตัวในการเจอลูกทั้งๆ ที่ตนก็พยายามทำดีที่สุดแล้ว
“ผมต้องขอโทษแฟนๆ ทุกคน (ยกมือไหว้) ด้วยครับคือพูดเรื่องเดิมไม่รู้ว่าแฟนๆ จะเบื่อหรือเปล่า คือผมต้องบอกแบบนี้รู้สึกว่าเหตุการณ์ที่มันเกิดขึ้นทุกครั้งในการเจอลูกมันไม่ได้ถูกพัฒนาหรือแก้ไขปรับปรุงทางที่ดีเลย เรามารายการนี้กี่ครั้งก็พูดอยู่แต่อย่างนี้ทั้งๆ ที่ผมพยายามทำดีที่สุดแล้ว แต่คือมันก็ไม่ได้ถูกแก้ไขปรับปรุง

แล้วถามว่าผมทำงานเลี้ยงลูกเลี้ยงแม่เลี้ยงครอบครัวสถานการณ์บ้านเมืองเป็นโรคระบาดแบบนี้ละครก็ไม่ได้ถ่าย คอนเสิร์ตก็ไม่ได้เล่น มาไลฟ์อะไรที่คุณติ๊กทำแล้วเป็นประโยชน์ดีต่อตัวคุณติ๊ก คุณติ๊กทำเลย แต่อะไรที่มันไม่ใช่ความจริงแล้วคุณติ๊กทำแล้วมาทำร้ายลูกกับทำร้ายผม ผมต้องชี้แจง"

ยันตนไม่กลัวถูกแฉ เพราะไม่มีความลับอะไรปกปิด แจงเรื่องดื่มไวน์ ตอนนี้ตนเป็นพ่อคนแล้วรู้อะไรควรทำไม่ควรทำ
"ไม่รู้ (หัวเราะ) ความลับอะไร ต้องให้เขาเอาออกมาดูว่าความลับอะไร (เขาไลฟ์แล้วเขาบอกว่าหนุ่มอยู่ในสังคมกินไวน์ ติดเหล้า การที่พ่อคนนึงจะเลี้ยงลูกแล้วติดเหล้าจะเลี้ยงลูกได้?) เราเป็นพ่อคนแล้วเราอายุป่านนี้แล้ว ความเป็นพ่อมันทำให้เราเปลี่ยนแปลงตัวเองโดยอัตโนมัติอยู่แล้ว ว่าอะไรควรทำหรืออะไรไม่ควรทำอะไรดีอะไรไม่ดีผิดชอบชั่วดีรู้อยู่ (กลัวโดนแฉไหม?) ไม่กลัวครับ เพราะว่าไม่มีอะไร ไม่ได้ทำอะไรทำงานแล้วกลับไปหาลูกไม่ได้ออกไปไหนเต็มที่ก็ไปใส่บาตร"

เล่าที่มาที่ไปประเด็น “ติ๊ก” มีปัญหาเรื่องเงินแฟนคลับตน
“เรื่องแฟนคลับ ผมลงรูปวีจิธรรมดา แล้วมีไลฟ์ของติ๊กออกมา ผมชี้แจงกับนักข่าวไปส่วนหนึ่ง ก็ลงรูปวีจิปกติแล้วก็มีคอมเมนต์มาให้กำลังใจและพูดเป็นนัยๆ ว่ามีปัญหาธุรกรรมการเงินกับติ๊ก แต่เขาไม่พูดชื่อ เขาก็เข้ามาเป็นคอมเมนต์นึง ไม่รู้ใครแคปมาให้ผมดู มันเป็นเพจของคุณติ๊กขึ้นว่าดำเนินคดีอดีตคืออดีต ปัจจุบันคือปัจจุบัน

จากนั้นก็มีโพสต์แชตที่ติ๊กคุยกับแฟนคลับและหลักฐานการโอนตังค์ ผมรู้พร้อมทุกคน แฟนคลับไม่ได้พูดอะไร แต่คุณติ๊กจะดำเนินคดีเขา เขาเลยเอาแชตออกมาให้ดู มีการยืมเงิน ฝ่ายแฟนคลับโอนตังค์ให้คุณติ๊ก แฟนคลับไม่ได้เป็นคนเริ่มต้นจะไปฟ้องติ๊ก แต่ติ๊กอ่านคอมเมนต์แล้วจะไปดำเนินคดีเขา ผมได้แต่บอกว่าขอโทษ ไม่ทราบเรื่องนี้มาก่อน เพิ่งจะมาทราบและเป็นกำลังใจให้ (รอบนี้จ่ายให้เขา?) เก็บไว้บ้าง (หัวเราะ) คืนให้เยอะแล้วไหม

ไม่รู้จุดประสงค์แท้จริงของติ๊ก ที่บอกกับแฟนคลับตนว่าติดโควิด-19 งง ติดตอนไหน
“อันนี้น่าจะเป็นในอดีต ผมเห็นที่แฟนคลับโพสต์ว่าเขาเป็นโควิด แต่ตอนนั้นที่อยู่ด้วยกันไม่เป็นโควิด (เขาบอกว่าติดมาจากแมทธิว?) เท่าที่อ่านคุณติ๊กบอกว่าเป็นโควิด ติดจากแมทธิว ที่สนามมวย แต่อีกฝ่ายออกมาแก้ แต่ผมเรียนตามตรงไม่มีใครติดโควิด น่าจะเป็นมูลเหตุอย่างหนึ่ง เป็นการสนทนาของติ๊กกับแฟนคลับ ผมไม่รู้ว่าจุดประสงค์ที่แท้จริงเพื่ออะไร (เป็นช่วงที่บัญชีหาย ขายหน้ากากหรือเปล่า?) ช่วงเดียวกันครับ เราก็งงเขาเป็นโควิดตอนไหน เขาไม่ได้เป็นโควิด”

รับบัตรเอทีเอ็มตนหายยังไม่โกรธเท่า “ติ๊ก” เอาสมบัติลูกไปขาย และตนรู้สึกโกรธและสะเทือนใจเวลาที่อดีตภรรยาไม่พอใจทีก็จะพูดให้ตนเอาลูกไปเลี้ยงเองที ที่เลิกเพราะห่วงความปลอดภัยลูก มีคนมาทวงหนี้ถึงหน้าบ้าน
“ประเด็นนี้สำคัญที่สุด คือคนมาทวงหนี้หน้าบ้านแล้ว ต้องมาเรียนแบบนี้นะครับว่า บัตรเอทีเอ็มผมหาย ผมก็ยังใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน เรื่องหน้ากาก ถ้าถามว่าผมโกรธเรื่องอะไร ผมโกรธเรื่องสมบัติของลูก ทองของลูก อย่างเรื่องต่างๆ ที่ออกไลฟ์ด่าผมก็ไม่โกรธ แต่ผมโกรธเวลาที่ไม่สบอารมณ์หรือไม่ถูกใจ ต้องบอกว่าพี่เอาลูกไปเถอะ พี่เลี้ยงเองแล้วกัน พี่ไปเลี้ยงเลย นี่คือสิ่งที่มันสะเทือนใจผมมากกว่า มันไม่ใช่เรื่องประชดประชัน เป็นเรื่องปกติ ไม่ได้เกิดครั้งแรก เกิดเป็นประจำเลยและผมบอกตรงๆ ว่าผมไม่ไหวแล้ว กับปัญหาที่เกิดขึ้น ผมไม่ไหว ตอนนี้ผมก็ไม่ได้โพสต์แล้วนะ เพราะผมก็ก้มหน้าก้มตาเลี้ยงลูกแล้ว

อย่างคำถามที่ว่าผมมีมือที่สามหรือเปล่า คำตอบคือคำตอบเดิม ขนาดเขาทำเรื่องแบบนั้นผมยังไม่เลิกกับเขาเลย แต่ผมเลิกเพราะมีคนมาทวงหนี้หน้าบ้าน ลูกไม่ปลอดภัย (หนุ่มจะเจ็บปวดที่สุดกับคำพูดที่ติ๊กพูดว่าไม่เอาลูก เมื่อกี้เหมือนจะร้องไห้?) คือ ก็เขาบอกว่าเขาไม่เอาลูก ผมก็ต้องเลี้ยงลูก”

บอก “ติ๊ก” เสมอทำอะไรให้นึกถึงประโยชน์ของลูกและตน
“ผมพูดเสมอว่า สิ่งใดที่คุณติ๊กจะทำอะไรก็ตามแล้วเกิดประโยชน์ เกิดผลดี คุณติ๊กทำไปเลย แต่สิ่งใดที่คุณติ๊กทำแล้วมันทำร้ายลูกกับผม ผมต้องออกมาชี้แจง เพราะทุกครั้งที่ออกมาไลฟ์ 2-3 วันก็ออกมาขอโทษ มันไม่ใช่ครั้งแรก มันเป็นปัญหาที่ไม่ได้รับการแก้ไขเลย (สร้างเรื่อง ระเบิด ขอโทษ วนไป?) ครับ (ประชาชนเริ่มเข้าใจแล้วว่าเขาเป็นคนอย่างนี้ไม่ต้องแก้แล้ว?) ไม่ได้สิ เพราะเราเป็นพ่อเป็นแม่คนแล้ว”

โอดการกระทำของ “ติ๊ก” ครั้งนี้ตนรับไม่ไหวแล้วจริงๆ ซึ่งตนทำได้เพียงแค่ก้มหน้าก้มตาเลี้ยงลูกต่อไป
“ครั้งนี้ผมบอกตรงๆ ว่าผมไม่ไหวกับการที่ทำแบบนี้ทุกครั้งเวลาที่ไม่ถูกอกถูกใจ แล้วก็ออกมาแบบนี้ทุกครั้ง ผมไม่ไหวจริงๆ แต่ถามว่าตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาที่ผมทำ ไม่ว่าจะให้ลูกเจอเดือนละ 2 ครั้ง เพิ่มเป็น 4 ครั้ง คุณติ๊กไปมูลนิธิผมก็ไป ไปหน่วยงานทางภาครัฐผมก็ไป ผมจัดการเจอ 4 ครั้ง ให้อยู่ที่คอนโด ทำความสะอาดคอนโด รีโนเวตใหม่ จะได้อยู่กอดลูก แต่นี่แค่ขอเลื่อนจากวันเสาร์เป็นวันอังคาร แล้วก็ไล่ลูก ไม่เอาลูก พอถึงเวลามาไลฟ์สดด่าผมสารพัด แล้วขอโทษก็จบกัน อะไรแบบนี้ ผมก็ก้มหน้าก้มตาเลี้ยงลูก (ที่เขาบอกว่าคนในวงการเลิกกันไม่มีใครมาโจมตี ไม่เอาเรื่องไม่ดีมาพูด เพื่อให้คนมารุมด่าแม่ของลูกแบบนี้ อยากให้นึกถึงลูก โตขึ้นมาเห็นจะรู้สึกยังไง?) ใครไปว่าคุณติ๊กเหรอครับ ผมไปไลฟ์สดว่าคุณติ๊กเหรอครับ ผมถามแค่นี้”

เตรียมคำตอบหรือป้องกันความรู้สึกลูกในอนาคตหากเห็นข้อความไว้ยังไง
“ต้องเตรียมครับ แต่วันนี้ยังไม่ได้เตรียม วันนี้ก็คงต้องดูแลเขาให้ดีที่สุดตามวัย แล้วค่อยๆ ปรับ เพราะว่าเรื่องทัศนคติที่เราอยากจะให้.. (นิ่ง) คือผมพูดตรงๆ นะ แม่เจอลูกผมก็ดีใจ ลูกได้เจอแม่ผมก็ดีใจ ผมถ่ายละครทำงานมา 6 - 7 วัน เขาเจอกันสัปดาห์ละ 1 วัน แม่ได้เจอลูก ลูกได้เจอแม่ก็ดีใจ แต่ในเมื่อเขาพิมพ์มาว่าเขาไม่เอาลูก เขาบล็อกทุกคน แล้วจะให้ผมทำยังไง ผมก็ต้องแก้ไปทีละเปลาะๆ ไม่รู้จะแก้ไขกันยังไง”

คำขอโทษ “ติ๊ก” ชินแล้ว มองเป็นเรื่องปกติแล้วที่อีกฝ่ายจะบล็อกบ้าง ไพรเวตบ้าง แล้วก็เปิดเป็นสาธารณะ ลั่นตนอาจจะไม่ใช่ผู้ชายที่ดี แต่ตนสามารถเลี้ยงลูกให้ดีที่สุดได้
“เป็นเรื่องปกติครับ โพสต์แล้วลบ พอมีอะไรก็ตู้ม เดี๋ยวก็ลบเป็นเรื่องปกติ รู้สึกว่าไม่ใช่ครั้งแรกที่เป็นแบบนี้ เป็นปกติ มันไม่ได้รับการปรับปรุงหรือแก้ไข ผมก็จะต้องดูแลวีจิให้ดีที่สุด เพราะเชื่อมั่นว่า ผมอาจจะไม่ใช่ผู้ชายที่ดี แต่เชื่อมั่นว่าเป็นพ่อที่ดี (วันนี้ให้อภัยอดีตภรรยาหรือยัง?) บางทีก็ไม่รู้เรื่อง ฟังจนชินแล้วครับ (หัวเราะ) ทุกคนเห็นคลิปขอโทษ แล้วรู้สึกไหมว่ามันเป็นการขอโทษ หรือว่ามันเป็นการพูดไปเรื่อยๆ ผมก็ไม่รู้ไง”

อารมณ์แปรปรวนของ “ติ๊ก” เป็นมาตั้งแต่รู้จักกันแต่แรกอยู่แล้ว
คือผมเรียนให้ทราบตรงนี้เลยนะครับ ถ้ามีอะไรไม่ถูกใจ ไม่สบอารมณ์เขามันก็จะเป็นแบบนี้แหละ เพียงแต่ผมพูดในลักษณะที่เราต้องการการแก้ไขและปรับปรุง ตอนนี้ผมต้องขอบอกว่าผมไม่ไหวแล้ว กับวันนึงเป็นอีกอย่าง ข้ามคืนกลายเป็นอีกอย่าง ผมก็จะเลี้ยงลูกให้ดีที่สุด เพราะเขาให้ผมเลี้ยง กลับกันนะ ที่เขาบอกเป็นห่วงวีจิ แต่ผมมีความรู้สึกว่าไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นเราก็ต้องดูแลลูกให้ดีที่สุด ผมไม่ห่วงเรื่องลูกเลย ห่วงแต่อดีตภรรยาเท่านั้นแหละ(หัวเราะ)”

ยันตอนนี้ยังให้เจอ “วีจิ” ไม่ได้เพราะด้วยสถานการณ์โควิด-19
“ตอนนี้ทุกรายละเอียดมันถูกเก็บไว้หมดแล้วว่าเขาเขียนไลน์มาชัดเจนว่าผมทำหน้าที่แม่ได้ดีอยู่แล้วก็ให้ลูกอยู่กับผม เขาก็ขอให้ทุกคนมีความสุขนะ แล้วเขาก็ขออนุญาตลบทุกคน ผมก็เอาตามที่เขาประสงค์ เพราะตั้งแต่เริ่มต้น ก็ไปตามที่เขาต้องการหมดทุกที่นะ ไม่ว่าจะมูลนิธิ ร้านอาหาร ก็ทำตามที่เขาต้องการ

ตอนนี้ยังเจอไม่ได้หรอกครับ จริงๆ นะ เพราะผมไม่ทราบว่าคุณติ๊กไปทำอะไรมาบ้างในแต่ละวัน ผมอยู่บ้านกับลูก เรารู้ชีวิตความเป็นอยู่กันในขณะที่มันมีโรคระบาดขึ้น แต่ผมไม่รู้ว่าในแต่ละวันคุณติ๊กไปทำอะไรมาบ้าง ช่วงนี้ผมก็ต้องขออนุญาตยังไม่ให้พบเพราะด้วยสถานการณ์ของโรคระบาด ตอนนี้โควิด-19 มันรุนแรง สิ่งที่จำเป็นที่สุดในวันนี้ คือเรื่องนี้ ก็ไม่อยากให้ทุกคนต้องมาเครียดกับผม (มันจะมีโอกาสกลับมาฟ้องร้องกันอีกไหม?) ผมจะไปฟ้องเขาได้ยังไง ส่วนเขาก็แล้วแต่เลย อยากจะทำอะไรทำเลย”













กำลังโหลดความคิดเห็น