“บุ๋ม” ควักเงิน 3 ล้าน ช่วยเหลือวิกฤตโควิด ทั้งจัดรถรับส่งผู้ป่วย ประสานเตียง หาข้าวสารอาหารแห้งไปบริจาค รู้ซึ้งข้อมูลทุกจุดนึกว่าเป็นนายกฯ ทุ่มทุกสรรพกำลังขององค์กรทำดี เห็นแล้วน้ำตาจะไหล ไม่อยากให้เป็นเหมือนเมืองนอกที่ต้องเอาศพมากองไว้หน้าบ้าน
เป็นอีกหนึ่งคนที่เป็นหัวเรี่ยวหัวแรงขององค์กรทำดี ที่ลงพื้นที่ทั้งช่วยเหลือรับผู้ป่วยโควิดจากบ้านไปส่งตามโรงพยาบาลและโรงพยาบาลสนามต่างๆ สำหรับสาวแกร่งอย่าง “บุ๋ม ปนัดดา วงศ์ผู้ดี” ซึ่งเจ้าตัวได้เผยว่าตอนนี้กำลังทำงานหนักในเรื่องของการแพ็คของเพื่อนำไปบริจาคตามสถานที่ต่างๆ และเตรียมทำรถรับส่งผู้ที่หายป่วยจากโควิดเพิ่ม
“ช่วงนี้เรากำลังเร่งเรื่องแพ็คของกันอยู่ค่ะ เราต้องจัดการเรื่องเวลาให้ดี เพราะเราทำหลายๆ เรื่อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องโควิด เรื่องเตียง เรื่องโรงพยาบาลสนามที่บุ๋มไปช่วยลงพื้นที่ในการสร้างโรงพยาบาลสนามให้ทันกับจำนวนผู้ป่วยที่เพิ่มมากขึ้น และในส่วนของต่างๆ ที่บริจาคเข้ามากับจำนวนคน ก็ต้องทั้งรับเรื่อง ทั้งกระจายของในเวลาเดียวกัน ไหนจะโทรศัพท์ที่เข้ามาขอรถในการขนส่ง และตอนนี้บุ๋มกำลังจะทำรถเพิ่มอีกคันนึงสำหรับผู้ป่วยโควิดที่หายแล้วและต้องกลับบ้าน เพราะสำหรับผู้ป่วยตรงนี้คุณหมอบอกว่าไม่แนะนำให้ขึ้นรถสาธารณะอยู่ดี เพราะอาจจะมีเชื้อค้างอยู่ในตัว แม้กระทั่งกลับบ้านแล้วก็ไม่สามารถกอดกับครอบครัวได้ ควรจะเว้นระยะห่างสักเดือนนึง อย่างเช่นใส่หน้ากากอยู่ด้วยกันในบ้านก่อน”
“บุ๋มก็เลยคิดว่าจะทำรถอีกคันนึง ตอนนี้กำลังทำค่ะ โดยการกั้นคนขับกับผู้โดยสารและจะมีการพ่นยาฆ่าเชื้อกันทุกครั้งที่ลงจากรถ ตอนนี้ก็เริ่มเป็นพวกข้าวสารอาหารแห้งที่มีคนบริจาคเข้ามา บุ๋มก็ต้องแพ็คของเพิ่มส่วนนึงสำหรับผู้ป่วยติดเตียง ที่ตอนนี้ก็ต้องเข้าใจว่าเงินบริจาคก็น้อยลง ตามบ้านพักฉุกเฉินหรือว่าบ้านคนชรา บ้านออทิสติกอะไรต่างๆ ตอนนี้คือคนไม่สามารถไปบริจาคได้ แต่เขายังต้องกินทุกวันไงคะ เขาก็เลยขาดของพวกนี้พอสมควร บุ๋มก็เลยต้องมานั่งแบ่งของส่วนนึงไปให้ตรงนี้ด้วยค่ะ”
เผยปัญหาหลักตอนนี้คือผู้ป่วยมีอาการหนักขึ้น แต่ห้องไอซียูไม่เพียงพอแล้ว
“ปัญหาหลักๆ ตอนนี้กลายเป็นว่าเตียง ถามว่าทันมั้ยมันก็ไม่ทันอยู่ดี เพราะจำนวนผู้ป่วยเป็นพันต่อวัน แต่จำนวนเตียงทำยังไงมันก็เป็นโรงพยาบาลสนาม เพียงแต่ว่าปัญหาตอนนี้คืออาการของผู้ป่วยกลายเป็นว่าต่อให้ได้เตียง แต่กลายเป็นว่าป่วยหนักขึ้น ต้องหาเตียงพิเศษอย่างเช่นไอซียู ซึ่งตอนนี้ไอซียูไม่พอ และอาการหนักขึ้นเรื่อยๆ ล่าสุดก็เป็นพยาบาล เจ้าหน้าที่ที่ป่วย หรือบางทีก็เป็นกันทั้งบ้าน ซึ่งเราไม่ได้หาเตียงตรงนี้ แต่เราก็ช่วยบริการเพิ่มทุกอย่างเต็มที่ แต่มันก็ยังไม่ทัน ยังไม่พอจริงๆ กับจำนวนผู้ป่วยที่เพิ่มในแต่ละวัน”
“ต้องบอกว่าเตียงของโรงพยาบาลสนามตอนนี้ถือว่าจำนวนเฉียดฉิวกับผู้ป่วย คือถ้าผู้ป่วยที่ไม่แสดงอาการอะไรเลยก็ให้ไปตรงนั้นก่อน และวันก่อนจากกรุงเทพฯ ก็ถูกดันไปสมุทรสาคร 40 เตียง ก็ต้องแบ่งกันอย่างนี้ก่อนค่ะ เพียงแต่ในส่วนของผู้ป่วยสมมติตอนแรกอาการปกติดี แต่พอไปถึงโรงพยาบาลสนามอยู่ 2 วันกลายเป็นเชื้อลงปอดเฉยเลย ก็ต้องมาหาโรงพยาบาลอีก แต่ตรงนั้นก็เป็นเรื่องของคุณหมอในการส่งต่อแล้วแหละ แต่เราก็เข้าใจว่าหมอเองก็เหนื่อยมาก เพราะไม่ได้พักเลยตั้งแต่ก่อนสงกรานต์”
เผยตอนนี้ผู้ป่วยที่ตกค้างที่บ้านเริ่มน้อยลงแล้ว แต่ตกใจที่เกิดคลัสเตอร์ใหญ่ที่คลองเตยเพิ่มขึ้นมาอีก
“คือผู้ป่วยอาการหนักที่ตกค้างที่บ้านก็ส่วนนึง แต่บางคนอาการปกติ แต่อยู่ๆ ผ่านไป 2 วันอาการหนักก็มี คืออาการจะดูรุนแรงเร็วขึ้นค่ะ และกลายเป็นว่า ณ ตอนนี้ต้องรีเฟอร์หาหมออย่างเดียวเลย คือส่งโรงพยาบาลสนามไม่ได้ ณ ตอนนี้เราต้องการเครื่องช่วยหายใจค่ะ ก็กำลังคุยกันอยู่ว่าบริษัทที่จ้างบุ๋มเป็นพรีเซ็นเตอร์เขากำลังจะร่วมซื้อบริจาคกันอยู่เพิ่มเติมให้ได้มากที่สุดค่ะ ในส่วนของผู้ที่ยังตกค้างอยู่ที่บ้านเท่าที่ได้รับข้อมูลมาวันนึงก็เป็นสิบๆ เคสนะ ก็ยังมีอยู่ค่ะ แต่ก็น้อยลงนะถ้าเทียบกับ 4-5 วันก่อนนะคะ พูดได้เลยว่าจำนวนน้อยลง แต่กลายเป็นเคสอาการหนักขึ้นค่ะ"
"ไอซียูตอนนี้แน่นเกือบทุกโรงพยาบาลเลยค่ะ เลยกลายเป็นว่า ณ ตอนนี้คุณหมอจะรับมือยังไง บุ๋มเป็นห่วงตรงนี้มากกว่า เราถึงเห็นยอดจำนวนผู้เสียชีวิตพุ่งไง วันนี้ 31 คน บุ๋มก็ตกใจตัวเลขอยู่ ซึ่งเราไม่อยากจะเห็นมันกลายเป็นเหมือนเมืองนอกที่เขาต้องวางศพกันหน้าบ้านน่ะ บุ๋มไม่อยากเห็นภาพนั้น ณ ตอนนี้คือทำยังไงก็ได้ ขอร้องทุกๆ คนเลยค่ะ อย่าป่วย เซฟตัวเองได้ กักตัวได้ควรจะทำ เพราะตอนนี้งานโหลดจริงๆ ค่ะ บุ๋มเองยังไม่ได้พักเลย บุ๋มนี่ยังเบาๆ นะ แต่หมอ พยาบาล เจ้าหน้าที่อสม.ตามต่างจังหวัดไม่ได้พักเลย บุ๋มห่วงตรงนี้มากกว่า"
แล้วตอนนี้มีคลัสเตอร์เพิ่มขึ้นอีก คลองเตยวันนี้มาน้ำตาไหลเลย บุ๋มถึงรีบจัดของอยู่นี่แหละ มีลิสต์ของที่ต้องช่วยกันกระหน่ำเลยค่ะสำหรับตรงนี้ คลัสเตอร์ใหญ่ด้วย ก็เป็นอะไรที่น่าขนลุกนะ เพราะวงมันเริ่มใกล้ตัวเรามากขึ้นทุกที และจำนวนคนเป็นทีนึงก็ระเบิดตู้มขึ้นมาเป็นร้อยคน ก็เลยกลายเป็นว่าได้แต่ส่งกำลังใจ บุ๋มก็ได้แต่ก้มหน้าทำงานของเราต่อ เพราะบุ๋มเองก็พยายามจะช่วยอย่างเต็มที่ในส่วนของเราผู้หญิงคนนึงที่พอจะทำได้ แต่เห็นตัวเลขแล้วบุ๋มก็ไม่สบายใจเลย ด้วยความหวังเราก็อยากให้ลดลงแหละ แต่ความจริงคือจำนวนมันเพิ่มขึ้นค่ะ เพราะอย่าลืมว่าผู้ป่วยเก่าที่รักษาไม่ใช่ 1-2 วันหายนะ โควิดล็อตแรก 7 วันบางทีอาการดีขึ้น ตรวจไม่พบเชื้อ บางคนก็ 10 วัน แต่ตอนนี้ 14 วันยังพบอยู่เลย เชื้ออยู่นานขึ้นค่ะ นั่นทำให้จำนวนเตียงมันค้างยาว แต่ตอนนี้มัน 14-20 วันแล้ว ก็เลยกลายเป็นว่าจำนวนผู้ป่วยที่ยึดเตียงไว้มันก็นานขึ้นค่ะ จำนวนเตียงมันไม่พอ จำนวนตัวเลขก็เลยน่ากลัว”
บอกองค์กรทำดีไม่ใช่ทำแค่เรื่องโควิด แต่เคสปกติเกี่ยวกับผู้หญิงก็ยังทำปกติ
“ถามว่าบุ๋มลงพื้นที่จริงนี่กลัวมั้ย ก็กลัวค่ะ แต่ยังถือว่าเป็นคนที่โชคดีนะที่ลุยลงพื้นที่ขนาดนี้แล้วยังรอดเฉียดฉิวเสมอ เฉียดฉิวกับการโดนกักตัวด้วยนะ เพียงแต่อาจจะเพราะบุ๋มก็พยายามลดจุดเสี่ยงของเราเองด้วย ไปเฉพาะที่จำเป็นเท่านั้น และตอนนี้ทีมงานของบุ๋มแต่ละคนก็กระจายของกันตามจุดต่างๆ มากกว่า จริงๆ ถ้าเทียบกับระลอกแรกจะเห็นว่าบุ๋มกระหน่ำทุกวันเลย แต่ตอนนี้อาจจะ 2-3 วันที คือเราก็ต้องดูแล้วแต่จุดที่พอจะไปได้ คือตัวเราเองจะช่วยคน แต่เรากลับจะไปเพิ่มภาระของคนอื่น และจากประสบการณ์ทำงานตั้งแต่ระลอกแรกมามันเลยทำให้เราเรียนรู้ได้ว่า เราควรจะจัดการกับของยังไง"
"และมีคนที่เห็นอุดมการณ์ของบุ๋มและมาร่วมงานกับเรามากขึ้น กลายเป็นสาขาต่างๆ เยอะมากขึ้น ณ ตอนนี้ก็เลยมีคนรอรับและกระจายของกันเร็วค่ะ ตอนนี้บุ๋มก็ลงรูปไม่ทันแล้วล่ะว่ามีไปแจกที่ไหนบ้าง คืออย่าลืมว่าองค์กรทำดีเราไม่ได้รับเฉพาะที่สู้กับโควิดอย่างเดียวนะ พวกผู้หญิงและเด็ก ข่มขืน อนาจารบุ๋มก็ยังรับอยู่ อย่างเมื่อคืนเคสลำปางที่มีข่าวออกไปบุ๋มก็ยังประสานอยู่ยังไม่ได้หยุดเลย”
บอกตอนนี้ต้องการรับของบริจาคทุกอย่าง รวมถึงเงินก็ร่วมบริจาคเข้ามาได้หมด
“ถ้ามาองค์กรทำดีก็จะเป็นสิ่งของมาก็ได้นะคะ ไม่ว่าจะเป็นหน้ากาก ชุด PPE ข้าวสาร อาหารแห้ง ถุงดำ คือตอนนี้บุ๋มเอาหมด เพราะเราต้องแจกจ่ายตามโรงพยาบาลสนามและตามหน่วยงานชุมชน ตอนนี้ขอกันมาเยอะมากค่ะ แต่บางคนบอกว่าในช่วงของโควิดไม่ได้ออกไปซื้อของ จะส่งเป็นเงินรวบรวมกันมาก็ยินดีนะคะ เพราะตอนนี้บุ๋มเองก็ลงไป 2-3 ล้านแล้วตั้งแต่ทำรถที่ทุกคนเห็นตั้งแต่ล็อตแรกเลย เพราะบุ๋มไม่ต้องการให้ใครมาครหาเรื่องเงิน แต่ถ้าใครจะมาร่วมสมทบทุนกับบุ๋มก็ยินดีค่ะ"
"จริงๆ บุ๋มก็อัดเงินเก็บตัวเองเต็มที่แล้วเหมือนกัน ซึ่งจนถึง ณ ตอนนี้เราก็ไม่ได้เก็บค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น นั่นหมายถึงค่าน้ำมัน ค่าทุกอย่างบุ๋มก็ซัพพอร์ตทีมงานของเราอยู่แล้ว เพราะทุกอย่างก็เป็นค่าใช้จ่ายเนอะ ค่าโทรศัพท์ ค่ากินอะไรต่างๆ แต่ถามว่าบุ๋มท้อมั้ย บุ๋มไม่ท้อหรอก เพราะบุ๋มคิดว่านี่คือสิ่งที่บุ๋มอยากตอบแทนให้สังคม แต่หลายคนก็บอกว่าบุ๋มทำหนักมาตั้งแต่แรกแล้ว ก็ช่วยกันมาคนละ 100-200 ในวันที่จำเป็นจริงๆ และเขาก็เห็นเราลงพื้นที่จริงจังก็มีร่วมบริจาคเข้ามา ก็ต้องขอบคุณจริงๆ ค่ะ มีอะไรอยากจะบริจาคก็มาได้เลยค่ะ เพราะบุ๋มจะโพสต์ที่อยู่องค์กรและในส่วนของเงินบริจาคด้วย เพียงแต่ว่าหลายคนก็ยังมีโทรมายืมตังค์นะ (หัวเราะ) โทรมาบอกขอยืมสองแสน แค่นี้ขนหน้าแข้งคุณบุ๋มไม่ร่วงหรอก คือมันไม่ได้ไง นี่เงินบริจาคค่ะคุณ (หัวเราะ)”
