Better Days คือหนังฮ่องกงล่าสุดที่มีชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์สาขาหนังภาษาต่างประเทศยอดเยี่ยม แม้หนังจะนำแสดงโดยนักแสดงชาวจีนแผ่นดินใหญ่เป็นหลัก แต่ก็ถือว่าเป็นผลงานของคนทำหนังฮ่องกงแท้ ไม่ใช่แอบเอาหนังจีนแผ่นดินใหญ่มาเป็นตัวแทน ได้เข้าชิงอย่างที่เคยเกิดขึ้นในอดีต
จากนักแสดงตัวประกอบ สู่ผู้กำกับหนังชิงออสการ์
หนังว่าด้วยเรื่องเรื่องของเด็กนักเรียนหญิงคนหนึ่งในประเทศจีน ซึ่งหลังเพื่อนสนิทของเธอฆ่าตัวตาย เธอก็กลายเป็นเด็กสาวที่ต้องเผชิญกับการกลั่นแกล้งจากเหล่าเพื่อนตลอดเวลา จนกระทั่งเธอได้พบกับชายผู้กลายเป็นคนสำคัญในชีวิตของเธอในคืนหนึ่ง
Better Days เป็นผลงานของผู้กำกับหนุ่มที่ชื่อว่า "ดีเร็ก เจิ้ง" หรือ "เจิ้งกัวเสียง" คนทำหนังวัยแค่ 41 ปี ที่แม้จะผ่านงานกำกับหนังมาแค่ไม่กี่เรื่องแต่ที่ผ่านมาเจ้าตัวนั้นอยู่ในวงการมาแล้วอย่างยาวนาน
ไม่ว่าจะเป็นการเขียนบทภาพยนตร์ รวมถึงผลงานการแสดงในภาพยนตร์หลายเรื่องที่เราคุ้นเคยกันดีเพียงแต่ชื่อของเขาอาจจะไม่เป็นที่รู้จักมากนัก เพราะส่วนใหญ่เจ้าตัวจะเป็นบทสมทบ ทั้ง The Eye ภาคสอง หรือ The Park สวนสนุกผีหนังสยองขวัญ ของผู้กำกับสองคนสองคมที่ต้องยอมรับว่าไม่มีอะไรน่าจดจำเลย
หลังจากกำกับหนังสองเรื่องจนประสบความสำเร็จคว้ารางวัลมากมายเจ้าตัวก็ตัดสินใจทิ้งงานแสดงและมุ่งไปสู่การกับหนังเป็นหลักต่อไป
โดยไม่นานมานี้เขาก็เพิ่งปรากฏเป็นข่าวในการแต่งงานกับดาราสาวสวยที่ชื่อว่า "วีนัส หว่อง" นั่นเอง
รุ่นพ่อ ระดับพี่ใหญ่แห่งวงการหนังฮ่องกง
อันที่จริงชื่อของ "ดีเร็ก เจิ้ง" นั้นได้รับการจับตามานานแล้วในฐานะลูกชายของดาราดังอย่าง "เจิ้งจื่อเหว่ย" แต่ในระยะหลังๆ เจ้าตัวได้พยายามหลีกเลี่ยงที่จะพูดถึงผู้เป็นพ่อเพราะอยากจะต่อสู้ดิ้นรนด้วยตัวเองมากกว่า
สำหรับตัวของ "เจิ้งจื่อเหว่ย" เองถือว่าเป็นตำนานที่ยังมีลมหายใจของวงการหนังฮ่องกงอย่างแท้จริง
เขาเป็นทั้งผู้กำกับ ผู้อำนวยการสร้าง พิธีกร นักแสดง อดีตนายกสมาคมนักแสดงฮ่องกง เป็นพี่ใหญ่ตัวเตี้ย ที่มีคนเคารพนับถือมากมายแม้จะมีข่าวด้านลบ เกี่ยวกับเรื่องผู้หญิง เรื่องอิทธิพลอะไรอยู่บ้าง แต่ก็คงไม่สามารถบดบังผลงานที่วงการของนักแสดงคนนี้ไปได้
ที่ผ่านมาแม้จะรับบทร้ายได้ร้ายจริงๆ ทั้งบทบาทเจ้าพ่อผู้ยิ่งใหญ่ในหนัง "สองคนสองคม" หรือจะเป็นครูมวยตัวร้ายคู่ปรับของอาจารย์ยิปมัน ในหนังยิปมันวัยเกษียณ Ip Man the Final Fight แต่สุดท้ายแล้วบทถนัดที่สุดของ เจิ้งจื่อเหว่ย ก็จะเป็นบทตลกนั่นเอง
โดยบทที่สร้างชื่อให้เขาเป็นที่รู้จักขึ้นมาก็คือการร่วมแก๊ง The Lucky Star ของหงจินเป่า ในหนังที่สร้างภาคต่อออกมามากมายและทำเงินถล่มทลายในยุคแปดศูนย์ ในชื่อไทยที่แฟนหนังไทยอาจจะคุ้นเคยกันว่าหนังชุด “เพชฌฆาตสัญชาติฮ้อ” ที่รวบรวมบรรดาตลกเอาไว้หลายคน
แต่เห็นรูปร่างและบุคลิกแบบนี้หลายคนอาจจะไม่เชื่อว่าก่อนจะมาเป็นดารานั้นเจ้าตัวเคยเป็นนักฟุตบอลมาก่อน แล้วไม่ใช่นักฟุตบอลประเภทเล่นเอาเอาสนุก แต่ถึงขั้นเป็นนักฟุตบอลอาชีพของฮ่องกงเลยทีเดียว
รุ่นปู่ตำรวจคนดัง ที่ชีวิตเคยถูกถ่ายทอดเป็นภาพยนตร์มาแล้ว
"เจิ้งจื่อหว่ย" อาจจะมีฝีมือการเล่นฟุตบอลที่เก่งจนทำให้เขายึดเป็นอาชีพแต่อีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เขาเป็นนักฟุตบอลก็น่าจะเป็นเพราะพ่อของเขาอย่าง "เจิ้งจื่อหรง" นั้นเป็นโค้ชของทีมฟุตบอลตำรวจนั่นเอง
"เจิ้งจื่อหรง" เป็นตำรวจที่ถือว่าดัง ในฮ่องกงพอสมควรโดยเฉพาะในเรื่องฟุตบอลเพราะนอกจากจะเป็นโค้ชของทีมตำรวจแล้วเจ้าตัวยังมีส่วนในสมาคมฟุตบอลฮ่องกงด้วย
นอกจากนั้นเขายังเป็นลูกน้องคนสนิทของนายตำรวจคนดังฮ่องกงที่ชื่อว่า "เหลยเล่อ" ที่เรื่องราวของเขามักถูกนำมาดัดแปลงสร้างเป็นภาพยนตร์โดยมี "หลิวเต่อหัว" รับบทในหนังมาแล้วหลายเรื่อง
"เหลยเล่อ" ได้ชื่อว่าเป็นตำรวจที่ทำคดีสำคัญของฮ่องกงมากมาย มีส่วนในการแก้ไขปัญหาหาบเร่แผงลอย จนมีชื่อเสียงโด่งดัง แต่สุดท้ายทั้งเขาและ "เจิ้งจื่อหรง" ผู้เป็นลูกน้องก็ถูกกล่าวหาในเรื่องทุจริตคอร์รัปชั่น
ในหนังฮ่องกงเรื่อง "คนคม เฉือน คมคน" หรือ I Corrupt All Cops ที่เล่าเรื่องของเราตำรวจขี้โกงก็มีบทตัวละคร "เจิ้งจื่อหรง" ปรากฏในเรื่องด้วย
หลังถูกกล่าวหา "เจิ้งจื่อหรง" ได้หนีคดีคอร์รัปชันไปจากฮ่องกงร่วมกับตำรวจในตำนานของฮ่องกงรุ่นนั้นรวมถึง "เหลยเล่อ" เจ้านายของเขา ก่อนที่เจ้าตัวจะเสียชีวิตลงในวัย 94 ปีที่ไทเปหลังหนีไปอยู่ที่ไต้หวันที่ไม่มีกฎหมายส่งผู้ร้ายข้ามแดนมาฮ่องกงอยู่นานร่วมสามสิบปี
โดยในงานศพของเขาได้มีดาราชื่อดังไปร่วมงานมากมาย ซึ่งนั่นก็แสดงให้เห็นได้เป็นอย่างดีว่าตระกูล "เจิ้ง" โดยเฉพาะลูกชายของเขานั้นมีอิทธิพลแค่ไหนในวงการหนังฮ่องกง
