xs
xsm
sm
md
lg

NBI9 ผนึกสภาแพทย์แผนไทย จัดเสวนาเปิดขุมทรัพย์ทองคำเขียว “รู้จริงรู้ชัด. ธุรกิจกัญชา-กัญชง” ครั้งแรกในไทยเวทีวิชาการ–นวัตกรรม

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



นักศึกษาหลักสูตรนักบริหารระดับสูงสถาบันการสร้างชาติรุ่นที่ 9 หรือ NBI9 จับมือสภาแพทย์แผนไทย จัดงานสัมมนา เปิดขุมทรัพย์ทองคำเขียว“รู้จริงรู้ชัด ธุรกิจกัญชา-กัญชง” Cannabis & Hemp Business Conferences เชื่อเป็นเวทีแรกของไทย ที่จะสร้างความชัดเจนทิศทางการนำงานวิจัย พัฒนาต่อยอดเป็นผลิตภัณฑ์กัญชา และกัญชง หวังสร้างภูมิให้นักธุรกิจไทยนำผลิตภัณฑ์กัญชา กัญชงของไทย นั่งแท่นเบอร์หนึ่งอาเซียนส่งออกผลิตภัณฑ์กัญชาทางการแพทย์แชร์ส่วนแบ่งขนาด 3.3 ล้านล้าน มูลค่าตลาดกัญชาโลก

นายสุนทร. กระตุฤกษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารคณะนักศึกษาหลักสูตรนักบริหารระดับสูงสถาบันการสร้างชาติรุ่นที่ 9 หรือ NBI9 เปิดเผยว่าการจัดเวทีเสวนาดังกล่าวเป็นความร่วมมือที่เกิดขึ้นกับสภาแพทย์แผนไทย เพื่อต้องการเปิดเวทีให้สำหรับภาครัฐ เอกชน และภาคการศึกษาที่ทำงานด้านวิจัยพัฒนาสารออกฤทธิ์ในกัญชา ได้มีพื้นที่ทำความเข้าใจแก่กลุ่มนักธุรกิจและกลุ่มวิสาหกิจชุมชน ที่มีความสนใจและความพร้อมในการต่อยอดพัฒนาผลิตภัณฑ์กัญชาตั้งแต่ ต้นน้ำ กลางน้ำจนถึงปลายน้ำ ให้สามารถสร้างความเข้าใจ พบปะแลกเปลี่ยนและพัฒนาตัวเองให้เป็นข้อต่อสำคัญในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมการผลิตกัญชาไทยทางการแพทย์ได้อย่างทันท่วงที

โดยตลอดระยะเวลา 1-2 ปีที่ผ่านมา สังคมไทยตื่นตัวรับรู้ต่อกระแสการนำสารสกัดจากกัญชงและกัญชามาใช้ในทางการแพทย์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งได้มีการพูดถึงเรื่องการปลดล็อคให้มีการนำพืชกัญชามาใช้อย่างถูกกฎหมาย ซึ่งปัจจุบันประเทศที่อนุญาตให้กัญชาได้รับการรับรองอย่างถูกกฎหมายแบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่ 1) ประเทศที่รับรองกัญชาเพื่อใช้ทางการแพทย์ 33 ประเทศ 2) ประเทศรับรองกัญชาเพื่อสันทนาการ 6 ประเทศ และ 3) ประเทศรับรองกัญชาอย่างเสรี 3 ประเทศ 

และประเทศไทยเป็นประเทศแรกในอาเซียนที่อนุญาตให้ใช้กัญชาอย่างถูกกฎหมายเพื่อประโยชน์ทางการแพทย์และการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ (ซึ่งจัดอยู่ในกลุ่มที่ 1) ตั้งแต่ตอนต้นเดือนกุมภาพันธ์ 2562  และล่าสุดกระทรวงสาธารณสุขออกประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง ระบุชื่อยาเสพติดให้โทษในประเภท 5 พ.ศ. 2563 ที่ปลดล็อกให้ทุกส่วนของกัญชาและกัญชงไม่เป็นยาเสพติด ยกเว้น ช่อดอก ใบที่ติดกับช่อดอก และเมล็ดกัญชา ส่งผลให้ประชาชนสามารถปลูกกัญชาและกัญชงได้แล้ว ด้วยการตั้งเป็นกลุ่มวิสาหกิจชุมชนให้ถูกต้องตามกฎหมาย เพื่อป้องกันการนำเอาไปใช้ในทางที่ไม่ถูกต้อง โดยต้องรวมตัวกัน 7 คนขึ้นไปเป็นวิสาหกิจชุมชน ทำสัญญาร่วมโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) หรือหน่วยงานภาครัฐ หรือหน่วยงานสาธารณสุข ยิ่งทำให้ทิศทางและแนวโน้มการพัฒนาวิจัยและต่อยอดผลิตภัณฑ์กัญชาและกัญชงของไทยได้รับความสนใจจากหลายภาคส่วนยิ่งทำให้สังคมไทยให้ความสำคัญต่อการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์กัญชาอย่างจริงจัง

สำหรับสถาบันการสร้างชาติ (NBI) ได้จัดตั้งขึ้นโดยมีจุดมุ่งหมายในการพัฒนาภาวะการนำ ภาวะการบริหาร และภาวะคุณธรรมให้กับผู้บริหารในภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคประชาสังคม และภาควิชาการ เพื่อร่วมบูรณาการงานในการสร้างชาติและนำประเทศไทยให้เกิดความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน สถาบันฯ ได้จัดการเรียนการสอนในหลักสูตร “นักบริหารระดับสูงเพื่อการสร้างชาติ (นสช.)” โดยมุ่งจัดการเรียนรู้เพื่อเสริมสร้างผู้เรียนให้เป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลง (Change Maker) ในทางเศรษฐกิจ สังคม และการเมือง เพื่อร่วมสร้างชาติในบทบาทที่เหมาะสมกับศักยภาพของแต่ละท่าน พร้อมนำประเทศไทยก้าวสู่การเป็นประเทศที่พัฒนาแล้วอย่างสัมฤทธิ์ นักศึกษาหลักสูตรนักบริหารระดับสูงเพื่อการสร้างชาติ รุ่นที่ 9 มีภารกิจในการสนับสนุนและส่งเสริมให้เกิดการจัดตั้งชมรมเยาวชนสร้างชาติรุ่นที่ 8 ต่อเนื่องในเวลา 2 ปีซึ่งจะสิ้นสุดในปี 2565 ในพื้นที่ 8 จังหวัด ภาคใต้ตอนบน ได้แก่ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ สุราษฎร์ธานี ชุมพร ระนอง พังงา ภูเก็ต กระบี่ นครศรีธรรมราช นักเรียนชั้นมัธยมปลายเข้าร่วมจำนวน 1,500 คน ร่วมถึงการจัดอบรมครูสร้างชาติ 350 โรงเรียน ทั้งนี้เพื่อให้โครงการดังกล่าวมีความยั่งยืน จึงได้มีการแต่งตั้งบัณฑิตครูอาสา จำนวน 24 คน ที่ได้ผ่านการอบรมให้มีอุดมการณ์ ดี เก่ง กล้า เป็นต้นแบบให้เยาวชน ทำหน้าที่เป็นตัวแทนของนักบริหารระดับสูงเพื่อการสร้างชาติ รุ่นที่ 9 ในการดูแลการจัดตั้งชมรมเยาวชนสร้างชาติ 350 แห่ง ในโรงเรียนและขยายผลส่งต่อได้ในพื้นที่จังหวัดที่เข้าร่วมโครงการอย่างต่อเนื่อง. โดยรายได้จากการจัดงานดังกล่าวหลังหักค่าใช้จ่ายจะนำไปมอบเป็นทุนในการดูแลบัณฑิตครูอาสา และสนับสนุนการจัดตั้งชมรมเยาวชนสร้างชาติ ในพื้นที่ 8 จังหวัดภาคใต้ตอนบนเพื่อให้โครงการบรรลุวัตถุประสงค์เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ประเทศไทยต่อไป

ทางด้าน พท.ภ.บัญชา. สุวรรณธาดา ที่ปรึกษาโครงการการปลูกกัญชาทางการแพทย์ คณะทรัพยากรธรรมชาติ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน วิทยาเขตสกลนคร และที่ปรึกษาโครงการพัฒนาการแพทย์ไทยร่วมสมัย รพ.มะเร็ง อุดรธานี ในฐานะประธานฝ่ายการจัดงาน ได้พูดไฮไลท์ของการจัดเวทีเสวนาครั้งนี้ว่า คือการเปิดพื้นที่ให้ภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคการศึกษา ได้มาแลกเปลี่ยนประเด็นที่มีนัยสำคัญของกัญชา เพื่อสร้างความเข้าใจที่ถูกต้อง ชัดเจน และตรงประเด็นถึงทิศทางการขับเคลื่อนการวิจัยและพัฒนาสารออกฤทธิ์กัญชาทางการแพทย์ ซึ่งเป็นตำรับยาที่สำคัญของบรรพบุรุษมีประวัติการใช้มาอย่างยาวนานให้นักธุรกิจไทยมองเห็นภาพรวมว่าจะสามารถต่อยอดให้ตำรับยาโบราณของไทยขนานนี้ให้เป็นสารออกฤทธิ์ทางการแพทย์ที่สากลยอมรับได้อย่างไร

โดยวิทยากรที่จะมาร่วมถ่ายทอดองค์ความรู้และประสบการณ์ การพัฒนาการนำกัญชากัญชงไปใช้ทั้งทางด้านการแพทย์และการพานิชย์ ตลอด 2 วัน รวมกันถึง16 ท่าน ประกอบด้วย ศ.ดร.เกรียงศักดิ์. เจริญวงศ์ศักดิ์ ที่จะมาฉายภาพรวมของอุตสาหกรรมกัญชง กัญชา ว่าจะนำพาประเทศไทยให้พ้นกับดักความยากจนได้อย่างไร ร่วมด้วยนายแพทย์อิสระ เจียรวิริยะบุญญา ที่จะมาเล่าถึงศาสตร์การแพทย์บูรณาการคลินิกรักษามะเร็งและการผลิตยาสมุนไพร ,รศ.ดร.วีรชัย. พุทธวงศ์ ผู้ช่วยอธิการบดีฝ่ายนวัตกรรมและกิจการเพื่อสังคม มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ที่จะมาเล่าถึงการขออนุญาตปลูกกัญชาและเทคนิคการสกัดสาร CBD และการนำไปใช้ ,ผศ.ดร.โฆษิต. ศรีภูธร รองอธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน วิทยาเขตสกลนคร ที่จะร่วมวงเสวนาบอกเล่าการเข้าถึงใบอนุญาตและการจับมือกับมหาวิทยาลัยในความร่วมมืองานวิจัย ร่วมกับ รศ.ดร.นพ.ธวัชชัย กมลธรรม ประธานหลักสูตรกัญชาเวชศาสตร์ วิทยาลัยสหเวชศาสตร์ มรภ. สวนสุนันทา ทั้งนี้วิทยากรทีมเศรษฐกิจนำเจาะลึกตัวเลขตลาดหุ้น การส่งออกผลิตภัณฑ์สู่ตลาดโลกให้เห็นภาพชัดโดย คุณจักรพงษ์ วิวัฒน์ก่อกุล รายภาคอุตสาหกรรมปลายน้ำ การประยุกต์ใช้กัญชากัญชงสำหรับธุรกิจ WELLNESS และแนวทางการลงทุนที่เป็นไปได้จริง ในภาคธุรกิจบริการ คุณทรงวุฒิ ตรีเทพจุลยากูล กรรมการบริหารสมาคมสปาไทย และผู้บริหารโครงการ WELLNESS Leasing การใช้กัญชาในอาหารเครื่องดื่ม และ เภสัชกรดร.พรวนิช เจริญพุทธคุณ ผู้เชี่ยวชาญด้านนวัตกรรมนำสารสกัดจากกัญชามาใช้ในอุตสาหกรรมความงามและผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร พร้อมการออกร้านแสดงนวัตกรรมและสินค้าจากกัญชงและกัญชาในงาน ผู้เข้ารับการอบรมจะได้รับประกาศนียบัตรจากสภาการแพทย์แผนไทย ซึ่งงานดังกล่าวจัดขึ้นระหว่างวันที่ 24 - 25 เมษายนนี้ ณ โรงแรมเซนทารา ศูนย์ราชการ แจ้งวัฒนะ กทม.โดยคาดว่าจะมีนักธุรกิจและกลุ่มวิสาหกิจเข้าร่วมงานไม่น้อยกว่า 300 คนและเชื่อมั่นว่าจะช่วยเตรียมความพร้อมให้นักธุรกิจไทยเข้าสู่กระแสวิจัยและพัฒนาสารออกฤทธิ์ในกัญชง กัญชาไทยสำเร็จเพื่อสร้างเข้มแข็งอย่างยั่งยืนให้กับพืชเศรษฐกิจ “ทองคำเขียว” หรือกัญชาของไทยในภาคพื้นอาเซียนได้สำเร็จ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ 084-636-5397 หรือเพจ Facebook รู้จริงรู้ชัด เปิดขุมทรัพย์ทองคำเขียว















กำลังโหลดความคิดเห็น