ต้องยืนขึ้นคาราวะ และปรบมือดังๆ ให้กับ “ผศ.ดร.อานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์” อาจารย์ประจำคณะสถิติประยุกต์ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (NIDA) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวถึงการทำงานของอดีตพิธีกรชื่อดัง และทีมงานของรายงานที่ครั้งนึงเจ้าตัวเป็นผู้ดำเนินรายการ พร้อมยังบอกอีกว่าเวลาจะเชิญไปออกรายการทีไร มักจะไม่ยอมบอกหัวข้อดีเบตก่อนจะไปออกรายการ พร้อมยังแจงถึงการดีเบตหยุดโลกกับ “รุ้ง ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล” ว่าที่ไปที่มาเป็นอย่างไร? โดยในโพสต์ที่ “ดร.อานนท์” โพสต์มีใจความว่า
“ผมไม่เห็นความจำเป็นอะไรที่จะต้องลดตัวไปดีเบตกับนักวิชาการชั้นต่ำที่ไม่มีคุณค่าอะไรเลยในสายตาผม คนเนรคุณไม่มีความจงรักภักดี คนที่ไม่มีความรักชาติรักแผ่นดินเลย ผมว่าคุณมันโง่และกระจอก แนะนำประเด็นกฎหมายอะไรก็ออกทะเล ทำให้พรรคพวกร่วมทำชั่วแพ้พ่ายหลุดลุ่ย พรรคถูกยุบ โง่และไม่มีค่าพอที่จะเสวนาด้วยแม้แต่น้อยให้เป็นเสนียดจัญไร”
“อเสวนา จพาลานัง ปูชาปูชนียานัง เอตัมมังคละมุตตะมัง
หนึ่งคือบ่คบพาล เพราะจะพาประพฤติผิด
หนึ่งคบกะบัณฑิต เพราะจะพาประสพผล
หนึ่งกราบและบูชา อภิบูชะนีย์ชน
ข้อนี้แหละมงคล อดิเรกอุดมดี”
“เฉลยให้ฟังก็ได้ ว่าผมไม่ได้มีความจำเป็นต้องลงไปดีเบตกับนักวิชาการชั้นต่ำกะปิบูด ที่ครั้งแรกหนีผมหัวซุกหัวซุน ปล่อยให้น้องรุ้งต้องมาดีเบตกับผมคนเดียว น่าสงสารมาก”
“โทรมาหาแปดโมง แล้วโทรมาอีกตอนสิบโมง บอกว่าหานักวิชาการมาดีเบตกับผมไม่ได้แม้แต่คนเดียว พอเที่ยงกว่าๆ โทรมาอีกบอกว่า อาจารย์จะรังเกียจไหมที่จะดีเบตกับเด็กๆ ผมบอกเลยว่าไม่ เพราะเด็กปลดแอกคณะราษฎรก็คือรุ่นลูกศิษย์ผม ผมก็คิดว่าผมไปสอนหนังสือก็แค่นั้น”
“น้องรุ้งมาถึงสถานี พี่ขวัญคะ เราร่วมกันทำม็อบมานานแล้วนะคะ นี่เราก็ร่วมกันจัดรายการมานานแล้ว จนคนฝั่งเราไม่มีตัวจะมาออกรายการแล้วคะ นี่วันนี้หนูก็ไม่ได้พร้อมจะมา แต่ไม่มีผู้ใหญ่ยอมมา แล้วเรื่องนี้จริงๆ ต้องเป็นเพนกวินมา ไม่ใช่หนู แต่ว่าเพนกวินเข้าโรงพยาบาลเป็นหอบหืด หนูก็เลยต้องมาแทน นี่ผู้ใหญ่เขาก็จัดเอกสารให้หนูอ่านเยอะแยะ หนูก็พยายามอ่านมา แต่ก็ยังอ่านไม่จบอ่านไม่ทันคะ”
“ผมก็ไม่คิดอะไรมาก คิดว่า นี่คือการที่อานนท์ ได้รับเชิญมาเป็นประธานกรรมการสอบวิทยานิพนธ์ นักศึกษา หน้าที่ผมคือการเคาะกะลาให้ปัญญานักศึกษาด้วยเมตตา ส่วนอาจารย์ที่ปรึกษาวิทยานิพนธ์บางคนมันก็ไม่รู้อะไรเอาเสียเลย จำเป็นต้องให้สติและให้ปัญญาให้ทำหน้าที่ให้ดีด้วย ก็แค่นั้น
คือผมไปออกรายการอย่างเป็นธรรมชาติและเป็นตัวผมที่สุด เวลาสอบวิทยานิพนธ์ที่นักศึกษาทำมาได้ห่วย ผมก็ดุและสอนแบบนี้ และมักจะดุอาจารย์ที่ปรึกษาด้วยแบบนี้เช่นเดียวกัน (คนเลยไม่ค่อยเชิญผมไปเป็นกรรมการสอบวิทยานิพนธ์ ก็ด้วยเหตุนี้ 5555)”
“หลังจากนั้น ปลายปีก็มีการติดต่อมาอีกรอบ ไม่ยอมบอกหัวข้อที่ชัดเจน ข่าวก็ออกจะชัดเจนว่าจะมีการลาออก หรือถูกบีบให้ออก เรตติ้งตกมาก ผมได้ยินมาเช่นนั้น แต่ทีมงานที่ติดต่อมา ไม่ยอมบอกหัวข้อ บอกว่าใครจะมาดีเบต ผมก็บอกว่าเอ่อ...ผมไม่รู้กฎหมายเท่าหรอก ควรจะเป็น ดร.เจษฎ์ โทณะวณิก ทางโน้นก็ไม่เอา กลัว ดร.เจษฎ์ แล้วบอกว่าหัวข้อไม่จำเป็นต้องรู้ ถามได้ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับสถาบันพระมหากษัตริย์ จะถามอะไรเกี่ยวกับสถาบัน อาจารย์อานนท์ก็ต้องโต้อาจารย์กะปิบูดให้ได้”
“ผมคาดคั้นว่าตกลงหัวข้ออะไร ก็ตอบกลับมาว่า สถาบันพระมหากษัตริย์กับการเมืองไทยในปีหน้า ผมเห็นว่าหัวข้อนี้เป็นหัวข้อที่ไม่สมควรเลย เพราะสถาบันอยู่เหนือการเมือง และการมาบอกว่าในปีหน้าก็แลดูเป็นการก้าวล่วงมากเหลือเกิน ผมเลยตัดสินใจว่า ไม่ไปจะดีกว่า จะเป็นการกระทบกระเทือนเบื้องสูง”
“ติดต่อผมไม่ได้ ก็โน่น ไปติดต่อเพื่อนผม ศ.ญาณวิทย์ สักคน แล้วก็โทร.ไปจิกเขา จนตัวแม่ตามไปจิกเอง ถามว่าหัวข้อดีเบตอะไรก็ไม่ยอมบอก ผมยิ่งได้แต่ส่ายหน้า เพราะหนึ่ง สมคบคิดกัน, สอง อยากจะล้างแค้น, สาม มีเจตนาไม่บริสุทธิ์ ต้องการด้อยค่าสถาบันพระมหากษัตริย์”
“ผมรอคอยมาพักใหญ่ๆ ว่าเมื่อไหร่ กะปิบูดจะไปบรรยายที่ไหน”
“แหม....ไปขอนแก่น บ้านเกิดผมพอดี อ้าว...สหายชัด หรือลุงขอนแก่นโมเดล นี่ก็ลูกศิษย์ผม เรียนที่หลักสูตรสถาบันทิศทางไทยรุ่นหนึ่งพอดีเลย งั้นส่งสหายชัดไปจัดการดีกว่า ผมไม่จำเป็นต้องลดตัวลงไปดีเบตกับนักวิชาการชั้นต่ำจอมดัดจริตประดิษฐ์วาทกรรม นิติธรรมล้มละลาย แต่อย่างใด ผมส่งแต่ลูกศิษย์ จบการศึกษานอกโรงเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ไม่ได้เรียนสูง แต่เป็นนักปฏิวัติจริง เคยเข้าป่าจริงที่ดงมูล กลับออกมาจากป่า ประสบการณ์เพียบ ต่อสู้ปฏิวัติด้วยชีวิตจริง ที่สำคัญ เรียนรู้แล้วว่าสถาบันทำอะไรให้บ้านเมืองมากแค่ไหน และสหายชัดหรือลุงขอนแก่น มีความจงรักภักดีเป็นที่ยิ่ง
ที่สำคัญมีความรู้จริงจากการปฏิบัติ ไม่มีการดัดจริต ประดิษฐ์วาทกรรม บิดเบือน แต่อย่างใด ผมคิดว่า คุณสมบัติของสหายชัดลูกศิษย์ผมย่อมเหนือกว่าปีศาจคาบคัมภีร์ ที่ไม่เคยลงมือปฏิวัติแต่อย่างใดไม่ ต่อให้ปริญญาเอก ดอกเตอร์เอิงดรัวท์ แต่ไม่เคยปฏิบัติเลยย่อมไม่อาจจะสู้สหายชัด หรือ ลุงขอนแก่นได้”
“ขอแจ้งให้กะปิบูดจงทราบว่า ลูกศิษย์สถาบันทิศทางไทยมีอยู่ทั่วประเทศ ส่งคนไหนไปดีเบตกับกะปิบูดได้ทุกที่ ลุงขอนแก่นโมเดลนี่เป็นแค่น้ำจิ้ม จะไปบรรยายที่ไหนทะเร่อทะร่า ลอยหน้าลอยตา กวนบาทา ก็เตรียมตัวไว้ให้ดีว่าจะเจอลูกศิษย์ผม”
“ปล.ผมทำแบบคุณบ้าง แต่ผมกล้าหาญกว่า เพราะผมไม่ได้ยุยงส่งเสริมลูกศิษย์ออกไปสู้ แล้วหลบข้างหลัง แต่ผมกล้าประกาศเลยว่าจะส่งลูกศิษย์ไปจัดการคุณ”
จึงเรียนมาเพื่อทราบ