xs
xsm
sm
md
lg

เมีย “ครูชาลี” พร้อมทีมผู้จัดคอนเสิร์ต แถลงแหก “หนึ่ง จักรวาร-เมีย” ทำงานไม่ให้เกียรติ ซัดเป็นเรื่องเศร้าสลดของวงการเพลงไทยสากล

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ภรรยา “ครูชาลี อินทรวิจิตร” แท็กทีม “พรพิมล มั่นฤทัย” แถลงโต้กลับ “หนึ่ง จักรวาร-เมีย” หนังคนละม้วน จวกทำงานไม่ให้เกียรติ แถมเปลี่ยนชื่อคอนเสิร์ตโดยพลการ เอาชื่อตัวเองมาใส่ต่อท้ายหน้าตาเฉย เผยตนมีเงินทุนในการจัดงานให้ 1 ล้าน แต่เมียหนึ่ง-จักรวาร ไม่เบิกไปใช้เอง แต่กลับไปให้ข่าวว่าต้องควักเงินออกให้ก่อนจนเกิดกระแสดรามา เดือดอีกฝ่ายปล่อยให้คนของตัวเองด่ากราดใส่ “พรพิมล” สารเลว ซัดไม่ใช่เปรตขอส่วนบุญ เป็นเรื่องเศร้าสลดของวงการเพลงไทยสากล พร้อมกางบัญชีเคลียร์ชัดๆ ยอดเงินจัดงานและเงินบริจาค  

เรื่องราวยังไม่จบง่ายๆ สำหรับดรามาเกี่ยวกับเรื่องเงินๆ ทองๆ กรณีการจัดคอนเสิร์ต “99 ปี ครูชาลี อินทรวิจิตร เพลงคู่แผ่นดิน หนึ่งในจักรวาล” ที่ทาง “หนึ่ง จักรวาร เสาธงยุติธรรม” และภรรยา “ตุ๊กติ๊ก เบญจวรรณ เสาธงยุติธรรม” ที่เป็นแม่งานหลัก ได้ออกมาชี้แจงหลังจากที่มีข่าวลือว่าฝ่ายภรรยาออกบิลเรียกเงิน 4 ล้านบาท ทั้งที่ฝ่ายหนึ่ง จักรวาร ประกาศออกสื่อว่าทำงานนี้ด้วยใจ ไม่รับค่าตัวสักบาท หวังบูชาครู ก่อนบอกต้องสำรองจ่ายไปก่อนถึง 1 ล้านบาท

แต่เรื่องราวเหมือนจะเป็นหนังคนละม้วน เพราะวันนี้ (2 เม.ย) ทาง “พรพิมล มั่นฤทัย” ประธานกรรมการ บจก. โคลีเซี่ยม พร-คมน์ เอ็นเตอร์ไพร์ส จำกัด และกลุ่มคนวงการเพลงสากลได้แก่ “ชุมศักดิ์ สุกาญจนะ” สมาคมนักร้องแห่งประเทศไทย “รัญ เมืองลพ” โปรดิวเซอร์ “ชัยยงค์ มั่นฤทัย” กรรมการ บจก.โคลีเซี่ยม พร-คมน์ เอ็นเตอร์ไพร์ส จำกัด และ “ธิดา อินทรวิจิตร” ภรรยาครูชาลี ร่วมแถลงข่าวชี้แจงปิดงบบัญชีรายรับ-รายจ่าย ในประเด็นที่เกิดขึ้นว่า....

ชุมศักดิ์ : “ที่ผ่านมาสมาคมของเราจัดงานให้นักร้องอาวุโสหลายท่าน งบประมาณสมเหตุสมผล ไม่เกิน 2 แสน ยังมีบางส่วนหักเข้าสมาคมนักร้องแห่งประเทศไทยด้วย งานนี้มันเกิดขึ้นมาอย่างฉุกละหุกจากความปรารถนาดีของทุกฝ่าย แต่กลับมาจบลงด้วยความเศร้า ไม่เคยมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นมาก่อนในวงการเพลงไทยสากล เป็นเหตุการณ์อันเศร้าสลดของวงการเพลงไทยสากลเลยก็ว่าได้”

พรพิมล : “เรามีความตั้งใจดี แต่ไม่คิดว่าจะต้องมาเกิดเหตุการณ์แบบนี้ เราตั้งใจทำเพื่อต่ออายุให้พี่หง่า พี่หง่าอายุ 99 ปีแล้ว เขาจะมีความสุขมากถ้าเขาได้ร้องเพลง พรพิมลเป็นคนที่ดูแลรับผิดชอบพี่หง่าทุกอย่าง แกป่วยอาการไม่ค่อยดี กลัวว่าแกจะไม่ทัน ก็มีคนแนะนำให้จัดงานคอนเสิร์ต ให้หนึ่งมาช่วย เราก็บอกไปตรงๆ ว่าเราไม่รู้จักหนึ่ง แล้วก็ได้มาเจอกับหนึ่ง ก็ลองคุยกันใช้เวลาตกลงกัน 2 วัน

ที่เจอกัน หนึ่งเป็นคนน่ารัก พูดจาดี นอบน้อม เราก็รู้สึกดี คงจะไปกันได้ เราวางแผนมาแล้วส่วนหนึ่ง เป็นงานที่ใหญ่มาก หารือกัน 7 คนทุกอย่างเป็นไปด้วยดีในวันแรกที่คุยกัน แต่หลังจากวันนั้นก็ไม่ได้เจอกันเลย เราก็กังวลใจ”

“พรพิมล” ควักเงินเปิดบัญชีเป็นค่าใช้จ่ายในการจัดงานเอง 1 ล้านบาท
พรพิมล : “ทิ้งเวลานานถึงจะได้เจอหนึ่ง เพราะถึงเวลาที่ต้องเปิดบัญชีร่วมกันจำนวนเงิน 1 ล้านบาท โดยเงินนี้เป็นเงินของพรพิมลในนามของเม้าท์เทนอาร์ต เราจำเป็นต้องเปิดไว้เพื่อจัดการค่าใช้จ่าย จริงๆ แค่ 5 แสนก็เพียงพอแล้ว แต่เราไม่อยากให้มีเรื่องจุกจิกโทร.ตามหากัน โดยมีคุณชัยยงค์ คุณตุ๊กติ๊ก (เมียหนึ่ง จักรวาร) คุณจำลอง (ที่ปรึกษาตุ๊กติ๊ก) 2 ท่านนี้เซ็นก็เบิกเงินได้เลย ไม่ต้องผ่านคุณชัยยงค์ พรพิมลไม่มีส่วนเข้าไปยุ่งเรื่องเงิน แต่จะมีคนตรวจสอบบัญชี 2 ท่าน มีหน้าที่แค่รับรู้ จะคุยแต่เรื่องงานอย่างเดียว

ในเงิน 1 ล้านบาท ประกอบไปด้วยบัญชีกระแสออมทรัพย์ 1 พัน กระแสรายวัน 1 พัน เช็ค 1 เล่ม ราคา 300 บาท ก็จะเหลือเงินในบัญชีอยู่ 997,000 บาทถ้วน คุณจำลองจะเน้นตลอดเวลาว่าหากจัดงานหักค่าใช้จ่ายแล้วขาดทุนใครรับผิดชอบ เราก็บอกว่าพรพิมลรับผิดชอบเอง”

ปมขัดแย้งแรก คอยตามประสานงานนักร้องอาวุโส เพราะนักร้องเหล่านั้นไม่ต้องการร้องเพลงกับศิลปินรุ่นใหม่ตามที่ “หนึ่ง จักรวาร” วางแผนไว้
พรพิมล : “หลังจากเปิดบัญชีก็ไปที่บ้านของหนึ่ง จะไปคุยกันเรื่องเพลง หนึ่งจะเป็นคนกำหนดเพลงทุกอย่าง แต่มันมีเรื่องเกิดขึ้น มีศิลปินอาวุโสโทร.มาหาพรพิมลว่าเขาจะไม่ร้องเพลงกับใคร เขาจะไม่ร้องเพลงกับนักร้องรุ่นเด็กๆ ถ้าจะให้เขาร้องเขาเดินกลับแน่นอน ไม่ได้เด็ดขาด หนึ่งก็บอกว่าไม่เป็นไร ก็ให้ร้องชรินทร์ ร้องเพลงเรือนแพคนเดียว พรพิมลก็จะเป็นคนโทร.คุยเรื่องเพลงกับศิลปินให้ทุกครั้ง ระหว่างทางก็จะมีคนช่วยประสานงานให้ในเรื่องนี้ เพราะตุ๊กติ๊กเขาจะไม่คุย

เราเข้าใจความปรารถนาดีที่จะให้นักร้องรุ่นเก่ากับนักร้องรุ่นใหม่มาร้องเพลงด้วยกัน แต่ก็ต้องเข้าใจศิลปินรุ่นเก่าด้วย หลังจากวันที่เจอกันที่บ้านหนึ่งเขาก็ไม่เคยโทร.มาหาเลย เราก็รู้สึกอึดอัด พูดกับใครก็ไม่ได้”

ปมขัดแย้งที่ 2 เรื่องจัดงานแถลงข่าว “หนึ่ง จักรวาร” ไม่ได้แพลนว่าจะต้องมีงานแถลงคอนเสิร์ต ทำให้ “พรพิมล” ไม่พอใจ
พรพิมล : “งานใหญ่ขนาดนี้ไม่แถลงข่าวได้ยังไง งงมากเลย คือเราไม่ได้รับการหารือ ไม่ได้รับการให้เกียรติทั้งๆ ที่เราเป็นประธานในการจัดงานแล้วจะทำงานกันยังไง งงมากไม่เคยทำงานแบบนี้มาก่อน วันนึงเขาส่งไลน์มาต่อว่ามากมาย หาว่าคนอาวุโสทำไมต้องเรื่องเยอะ ทำไมพูดเองไม่ได้ ต้องให้คนอื่นมาพูด เราอ่านแล้วก็รู้สึกว่าคุณเหน็บแนมใคร แต่ที่เรารู้สึกคือเขาเหน็บแนมเลขาของนักร้องอาวุโสหลายๆ ท่าน ยิ่งทำให้เราอึดอัดมาก

เลยถามเขาไปถึงเรื่องการแถลงข่าว เขาบอกงานแถลงข่าวคงมีนักข่าวแค่ 2-3 คน เราก็บอกไม่หรอก แล้วเขาก็ไม่อธิบายต่อ เรามองว่ามันเป็นไปไม่ได้ เราคิดว่าเขาคงไม่เคยทำงานใหญ่ เราก็ส่งไลน์กลับไปว่างั้นจะยกเลิกงานแต่เราเป็นผู้ใหญ่ จะส่งไลน์ไปอย่างเดียวคงไม่เหมาะสม ก็ตัดสินใจไปพบเขาที่บ้าน เราก็บอกว่าถ้าไม่แถลงจะยกเลิกเขาก็มีท่าทางตกใจนิดๆ และมีท่าทางเปลี่ยนไป

แล้วก็ไปคุยกับตุ๊กติ๊กว่าไม่ทำแล้วนะ มันอึดอัด เราทำอะไรไม่ได้เลยเพราะเราไม่รู้อะไรเลยสักอย่าง หลังจากนั้นก็มีคนมาเคลียร์ให้ว่าอย่ายกเลิก ใจเย็นๆ ค่อยๆ คุยกัน เขาก็ไปเคลียร์ให้ ก็ได้เตรียมงานกัน เราเคยจัดงานแบบนี้เรารู้ว่ามันไม่ยาก งานแถลงข่าววันนึงออกมาดีมากๆ เป็นการบ่งบอกว่าเราจะจัดงานใหญ่ให้กับครูชาลี พอข่าวออกไปก็ทำให้นักร้องทุกๆ ท่านสนใจมากขึ้น ทุกคนขยันมาซ้อมกันหมด ทุกคนร่วมแรงร่วมใจกันทำงานนี้”

ปมที่ 3 ขัดแย้งเรื่องชื่องานคอนเสิร์ต ที่จู่ๆ “หนึ่ง จักรวาร” ก็เอาชื่อตัวเองมาใส่ห้อยท้ายชื่องาน
พรพิมล : “จริงๆ พรพิมลตั้งใจอยากจะให้มีเพลงหนังคู่แผ่นดิน แต่เขาไม่เอา เขาให้ตัดออก เราเสียดาย เขาไม่รู้ประวัติพี่หง่า ว่าพี่หง่าเคยเป็นนักแสดงมาก่อนแล้วถึงจะมาแต่งเพลง เราบอกที่งานว่าพี่หง่าเป็นนักแสดงมาก่อนแล้วถึงจะมาแต่งเพลง เราบอกเขาไป เขาก็ขัดขืนใจตลอด โดยเฉพาะคุณตุ๊กติ๊ก”

รัญ : “เขาต้องการให้ชื่อคอนเสิร์ตมีชื่อ หนึ่ง จักรวาร ต่อท้าย เดิมทีเพลงหนังคู่แผ่นดิน เราเคยจัดคอนเสิร์ตโดยใช้คำนี้มาแล้ว ตอน 93 ปี เราก็จะยึดคำนี้ จาก 93 ปี ก็เปลี่ยนเป็น 99 ปี ชาลี อินทรวิจิตร เพลงหนังคู่แผ่นดิน แต่เขาจะเอา หนึ่ง จักรวาล มาใส่ท้าย เราก็ไม่ได้ว่าอะไร ก็ตามนั้น”

งงเปิดบัญชีให้ใช้เงินต้นทุนจัดงาน 1 ล้านบาท แต่กลับมาบอกสื่อว่า “หนึ่ง จักรวาร” ออกเงินจัดงานเองทั้งหมด
รัญ : “ขอย้ำว่าศิลปินรุ่นใหญ่ไม่ว่าใครก็แล้วแต่ เป็นการติดต่อจากคุณพรพิมลแต่เพียงผู้เดียว ไม่ได้มาจากคุณหนึ่ง ตุ๊กติ๊ก เชื่อว่าถ้าไม่ใช่เพราะลุงหง่า คุณพรพิมล ศิลปินรุ่นใหญ่ๆ คงไม่ตอบรับที่จะมาร่วมงาน เพราะงานนี้เป็นงานของคุณพรพิมล เป็นคนที่ออกเงิน 1 ล้านบาทจริงๆ ที่เปิดบัญชีให้ไปสำรองค่าใช้จ่ายทั้งหมด และในขณะเดียวกันเงิน 1 ล้านบาท มี 3 ใน 2 คนที่เซ็นได้คือ คุณจำลอง กับคุณตุ๊กติ๊ก ที่สามารถเบิกเงินไปได้

แต่ในขณะที่แถลงข่าวออกมา หนึ่งบอกว่าใช้เงินตัวเอง 1 ล้านบาทออกจากบัญชีตัวเองด้วยวิธีใดก็แล้วแต่ ทำไม 1 ล้านบาทที่คุณพรพิมลเปิดบัญชีให้ไม่เอามาใช้ แล้วถ้ายอดทั้งหมดจากการขายตั๋ว บริจาค เงินคุณพรพิมล 1 ล้านบาทอยู่ในนั้นด้วยหรือเปล่า ถ้าอยู่ในนั้นด้วยแสดงว่าเงินที่บริจาค เงินขายบัตร ก็จะอยู่ที่ 6 แสนกว่าบาทเท่านั้น”

และหากเป็นเช่น “หนึ่ง จักรวาร” แถลงข่าวจริง แล้วเงิน 1 ล้านของ “พรพิมล” อยู่ตรงไหน ต้องออกมาเคลียร์ให้ชัดเจน
รัญ : “เงิน 1 ล้านบาทคือเงินต้นทุนจากคุณพรพิมล แต่ถ้าในบัญชีรายรับที่เขามีอยู่ 1.6 ล้านกว่าบาท เป็นการที่ขายบัตรและบริจาคทั้งหมด แล้ว 1 ล้านบาทที่คุณพรพิมลลงไปอยู่ตรงไหน ตรงนี้ยังไม่มีการมาเคลียร์ให้ชัดเจนว่ามันคืออะไรแน่ เราต้องคุยกันให้ชัดเจน

คุณพรพิมลก็รอบคอบในเรื่องค่าใช้จ่าย รู้ดีว่าการทำงานต้องใช้เงิน ไม่ได้ให้ไปเบียดเบียนเงินคุณหนึ่งแม้แต่บาทเดียว แต่ในขณะเดียวกันทำบัญชีให้ขนาดนี้ เช็คก็อยู่กับเขา สมุดอยู่กับเขา ทุกสิ่งอยู่กับเขา แล้วทำไมไม่มีการเบิกเอามาใช้ ทำไมต้องเอาเงินตัวเองออกมาใช้ คืออะไร ยังไง”

พรพิมล : “เรากำลังสงสัยว่าเงิน 1 ล้านบาทของเราหายไปไหน”

รัญ : “ที่คุณหนึ่งมาสำรองไปอยู่ไหนแค่นั้นเอง ถ้าเกิดเราเอาเงินของเราไปใช้ไป คุณหนึ่งก็ไม่พอสำรอง 1 ล้านไง ถูกไหมครับ”

พรพิมล : “เขาถึงบอกไงว่า เขาไม่เอาค่าเทอมของลูกมาใช้ มันไม่ถูก ฉันไม่เคยบิดเบือนขนาดนั้นเลย ไม่ได้ทำให้ครอบครัวเขามีปัญหา ไม่เคยเลยตรงนี้ อันนี้อาจจะมีปัญหาในครอบครัว พรพิมลก็ไม่ทราบ แต่เราเตรียมไว้พร้อมการทำงาน ต้องเตรียมให้พร้อม ถ้าเราไม่พร้อมก็ไม่ควรที่ ที่เขาบอกว่าเงินเขาออกจากบัญชีตลอดทั้งวัน คิดว่าเขาโกหกหรือเปล่าเขาโกหกหรือเปล่าฉันก็ไม่รู้ มันอาจจะเป็นจริงก็ได้เพราะเขาไม่ได้เอาเงินเราไปใช้แต่เขาไปใช้เงินของสามีเขา ติ้งๆ อย่างที่เป็น แล้วเงิน เรามีคุณไม่เบิก คุณไปเบิกเงินสามีคุณเอง ก็ไม่รู้จะทำยังไง”

“พรพิมล” ลั่นไม่มีหนังคนละม้วน ตนพูดม้วนเดียวกัน ยังไม่จบง่ายๆ เรื่องนี้
รัญ : “ทางเรามีการติดต่อไปไถ่ถามไป แต่ไม่มีการสื่อสารกลับมาหาเราอีกเลย”

พรพิมล : “เราจะคุยกับตุ๊กติ๊ก ยากมาก จะคุยกับหนึ่งก็ไม่ได้คุย แล้วตั้งแต่เริ่มงานคุยแต่ทางไลน์ เราเลยไม่แน่ใจว่าได้ไหว้วานใครให้ประสานงาน เขาคงเข้าใจว่าให้ใครเป็นประสานงาน แต่เจอกันแล้วน่าจะเข้าใจกันว่างานนี้มาจากใคร ใครต้นคิด ทำไมเรื่องมีมากมายขนาดนี้ เท่าที่ทราบมาว่ามีพูดคนละม้วน ไม่มี ฉันพูดม้วนเดียวกัน แต่อยู่ที่คุณจะพูดแบบไหนเท่านั้นเองจริงๆ วันนี้อยากให้เขามานะ ต้องเจอ ยังไม่จบง่ายๆ เพราะยังมีอีกหลายเรื่องที่ต้องเคลียร์ สิ่งที่เจอในงานหลายคนก็เห็นว่าเป็นยังไง

พ้อหากเลือกได้ไม่ขอเลือก “หนึ่ง จักรวาร” มาเล่นเปียโนให้ในงาน คนอื่นมีอีกเยอะแยะ
พรพิมล : “อึดอัดมาก ไม่เคยทำงานแบบนี้มาก่อน ถ้าเลือกได้ไม่เลือกหนึ่ง คนเล่นเปียโนเยอะแยะไป ไม่จำเป็นจะต้องเอาหนึ่ง ถ้ามีความรู้สึกจริงจัง จริงใจ ต้องโทร. เพราะเป็นหัวหน้างาน แต่ไม่เคยคุยงานเลย ขอโทษที่ต้องเกิดเรื่องตรงนี้ขึ้นมา

เกิดเมื่อ 24 มีนาคม เราไปที่บ้านจะไปปิดยอด ปิดบัญชี เราทำเรียบร้อยแล้ว แต่เมื่อไปที่บ้านเขา ก็คุยกันอย่างดี ไม่ได้ไม่มีความรู้สึกไม่ดี เราก็ส่งตัวเลขไป เงินสดจากคนที่บริจาคอยู่ในกระเป๋าสักบาทก็ไม่ได้แตะเงินเลย ได้เท่าไหร่ก็ไปมอบให้พี่ดาวันที่ 25 มีนาคม มีการถ่ายรูปไว้ แต่ไม่ได้บอกใคร แต่ก็บอกพี่ดาว่าคุยอะไรให้ระวัง เพราะหลุมเยอะ ระวังตกหลุม

หลังจากนั้นพอรุ่งขึ้นเขาส่งไลน์มาแล้ว เลยรู้ว่าเรื่องมาจากไหน จำลองก็มาลง ซึ่งการทำงานต้องทำด้วยความจริงใจ ตั้งใจ มุ่งมั่น ไม่ใช่การทำงานด้วยการเอาหน้า สอพลอ เราไม่เคยทำงานลักษณะนี้ ถึงรับไม่ค่อยได้ ถ้าทางหนึ่งไม่แถลงข่าว วันนี้เราก็คงไม่ได้แถลง เขาแถลงข่าวเขาโทร.มาหาบอกพี่จะเชิญไปแถลงข่าว แต่เราไปไม่ได้ติดธุระ ก็นั่งดูข่าว ก็เลยไม่ทราบว่าจะลงเอยยังไงดีตอนนี้”

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าสิ่งที่ทาง “หนึ่ง จักรวาร” และภรรยาพูด มีความจริงแค่ไหนในกรณีหักเงินค่าใช้จ่ายแล้วเหลือยอด 1 แสนบาท “พรพิมล” และ “รัญ” ชี้แจงว่า...
พรพิมล : “จริงๆ 1 ล้านบาทการทำงานแล้วแต่ ต้องมีต้นทุนสำหรับสำรองจ่าย การไม่มีเงินงานเดินไม่ได้ ก็เปิดบัญชีให้ 1 ล้านบาท (โชว์หลักฐาน) ให้เซ็น 3 ท่าน”

รัญ : “บัญชีที่เปิดคือสำรองเพื่อเอาไปใช้จ่าย ทำไมไม่เอาไปจ่าย ทำไมเอาเงินตัวเองไปจ่าย

พรพิมล : เขาไม่เข้าใจอะไรเลย (เป็นไปได้ไหมที่เขาอาจจะเข้าใจว่าเงิน 1 ล้านบาทเป็นเงินของเขา?) เราไม่สามารถล่วงรู้ได้ว่าเขาคิดแบบนั้นหรือไม่ ซึ่งเขาก็รับเงินไปเพื่อไปเปิดบัญชีพร้อมกัน 3 คน แล้วจะคิดแบบนั้นได้ยังไง เป็นไปไม่ได้หรอก ถ้าเราคิดแบบนั้นแสดงว่าเรากล่าวหาเขา เราไม่ได้กล่าวหาเขา เราคิดว่าเขาคงไม่เข้าใจมากกว่า แต่ไม่เข้าใจ ไม่ถาม เราก็ให้สมุดอยู่ที่คุณสามารถถอนได้ เช็คอยู่ที่คุณ”

รัญ : “เราบอกชัดเจนว่าเป็นเงินสำรอง ใช้จ่ายในการทำคอนเสิร์ต ตรงนี้เราทำเพื่อเบิกสำรองจ่าย แต่ว่าเขาคงไม่เข้าใจ ปรากฏว่าโมเมว่าในเงิน 1 ล้านเป็นเงินยอดบริจาค ซึ่งมันไม่ใช่”

ซัดเรื่องเงินไม่ใช่เรื่องใหญ่ ที่เป็นเรื่องเพราะทำงานแล้วไม่สื่อสารกัน
พรพิมล : “ถ้ายอดทางเราสามารถเช็กได้ คือที่ไปหาเพื่อจะปิดยอด ไปกันทั้งหมด 10 ท่าน เอาพี่ดาไปด้วย จะได้รับรู้เรื่องเงิน เพราะตัวเราเองไม่รู้ว่าเงินมาจากที่ไหน เขาไม่ได้ชี้แจง เราก็ชี้แจงในส่วนที่เราปิดยอดของเราว่าได้เท่าไหร่ ใช้เท่าไหร่ ให้พี่ดาเท่าไหร่ ส่วนเงินบริจาคถ้าโอนมาก็จะไปถอนให้พี่ดา วันนั้นก็ไปเยี่ยมพี่หง่า ไปมอบเงินให้พี่ดา”

ชัยยงค์ : “ขอชี้แจงเรื่องเงินบริจาค มี 2 ส่วน คือ โอนเข้าบัญชีครูชาลีโดยตรง กับอีกส่วนเข้าบัญชีที่เป็นค่าใช้จ่ายที่เปิดบัญชีร่วมกัน 3 คน เงิน 1.6 ล้านบาท ทราบแค่บัญชี้นี้ ส่วนอีกบัญชีเราไม่ทราบเพราะเป็นบัญชีตรงครูชาลี ซึ่งในส่วนของบัญชี้ 1.6 ล้านนั้น เงิน 1 ล้านบาทคือที่คุณพรพิมลเปิดไว้ตั้งแต่ต้น เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในคอนเสิร์ตนี้ อีก 6 แสนบาทคือที่ได้จากการขายบัตรและบริจาคเข้ามา รายได้จากการขายบัตรได้ 444,000 บาท”

พรพิมล : จริงๆ ไม่ใช่เรื่องใหญ่ เป็นเพราะหนึ่งไม่คุย การไม่คุยปัญหาก็ต้องเกิด เกิดจากตัวเขาก่อเอง ไม่มีใครก่อ (ทำไมเขาไม่คุย?) เราไม่ทราบ และเราก็ไม่ทราบว่างานจะเริ่มยังไง ลงเอยยังไง ยอดของทางเราชัดเจนทั้งหมด”

ชี้ยอด 4 ล้านที่แจ้ง มีแต่ตัวเลขกลมๆ ไม่มีรายละเอียดรายรับ-รายจ่าย พอเป็นข่าวขึ้นมา ไม่สบายใจก็ออกมาแถลงข่าว
พรพิมล : “เมื่อวันที่ 24 มีนาคมที่เราไปคุยกัน ออกมา 3,180,000 บาท ส่งมาบิลแรก เขายังไม่ได้เรียกเก็บมา แต่ 3,180,000 บาท เขาออกยอดมาและมีเรื่องรายจ่ายออกมาแต่ไม่มีตัวเลข เราเลยบอกว่ารบกวนทำเป็นตัวเลขออกมา ระหว่างที่ไปคุยก็ถามว่า ทำงานใหญ่ขนาดนี้ทำไมคุยกัน 4 ครั้งเอง แต่คุณจำลองมาถึงก็เป็นเรื่องเลย”

รัญ : “ขั้นแรกเขาส่งมา 3 ล้านกว่าบาท หลังจากนั้นเราก็ให้เขาไปลงรายละเอียดมา และครั้งที่สองที่เขาส่งมา 4ล้านกว่าบาท มีค่าใช้จ่ายทั้งหมด รวมถึงค่าทำเพลงของคุณหนึ่งด้วย เพลงละ 5 หมื่นบาท ซึ่ง 42 เพลง เป็นเงิน 1.2 ล้านบาท แต่จุดประสงค์ของเราจริงๆ เราอยากให้ไปใส่รายละเอียด คุณลดแล้วเหลือเท่าไหร่ แต่ถ้ามา 1.4 ล้านกว่ามันจบแล้วที่เราจะไปเคลียร์ แต่ในขณะเดียวกันตอนเย็นที่เขาส่งมาก่อนที่เราจะไปพูดคุย เขาส่งตัวเลขมา 4 ล้านกว่าเราก็เลยตกใจ ทำไมมีค่าอะเรนจ์เพลงของหนึ่ง เพลงละ 5 หมื่น

พรพิมล : “ถ้าเอาเพลงครั้งแรก 2.5 หมื่น ใน 3,180,000 บาทครั้งแรก ครั้งที่สองที่ส่งมาเป็น 5 หมื่น ใน 5 หมื่นนี้เราก็สอบถามไปว่าแพงที่สุดเป็นเงินเท่าไหร่ เรารู้อยู่ คือในแต่ละรายการที่ส่งมาต้องระบุตัวเลขว่าอะไรเท่าไหร่ ซึ่งไม่มี มีแต่รายการแล้วมาสรุปเลขทำแบบนั้นไม่ได้หรอก เกินหรือไม่เกินมาคุยกัน มากหรือน้อยไม่มีปัญหา แต่ต้องมีรายละเอียดมา จะได้รู้ว่าถูกหรือแพง แล้วที่ออกมา 4 ล้านกว่า พอเป็นข่าวขึ้นมา เขาไม่สบายใจ ก็แถลงข่าว แล้วแจ้งมาว่าลดแล้วเหลือ 1.4 ล้านกว่า”

ซัดต่อ เงิน 1.4 ล้านกว่าบาทที่ทาง “หนึ่ง จักรวาร” แถลงข่าวบอกไม่รับ แต่ในทางกลับกันเอกสารที่ยื่นมาเป็นตัวเงินทั้งหมด เป็นค่าระบบ ทีมจัดงานแสดงบนเวที
รัญ : “มีค่าอะเร้นจ์เพลงที่เขาไม่เอาเลย ที่แจ้งมาว่าเพลงละ 5 หมื่น เขาจะไม่รับ และค่าแรงของเขาที่จะมาเล่นเปียโนในงานก็จะไม่รับเช่นกัน ที่เขาแถลงว่าอะไรที่เป็นในส่วนของคุณหนึ่งจะไม่รับเลย แต่ในขณะเดียวกันเอกสารที่เขายื่นมามันเป็นตัวเงินทั้งหมด แล้วก็ไม่ได้แจกแจงว่าเอาไปจ่ายอะไรบ้างใช่ไหม ในยอด 1.4 ล้านกว่าบาทเขารวมมาทีเดียวเป็นกลมๆ”

ชัยยงค์ : “คือ 1.4 ล้านกว่าบาทนั้น ไม่เกี่ยวกับค่าใช้จ่ายของตัวคุณหนึ่งเลย เป็นเรื่องระบบแสง เสียง ทีมงานแสดงบนเวที กล้อง คุณหนึ่งบอกว่ารับผิดชอบไปหมดแล้ว แต่ตั้งมาเพื่ออะไร

ย้ำตนรวมเงินมาชี้แจงจากยอดที่เป็นจริง ซึ่งมีจำนวนทั้งสิ้น 1.8 ล้านบาทไม่ใช่ 1.6 ล้านตามที่อีกฝ่ายบอก
พรพิมล : “1.4 ล้านรวมภาษี ที่เป็นค่าใช้จ่ายเราต้องจ่าย แล้วการจ่ายตรงนี้ เงินเรามีให้อยู่แล้วในบัญชี ตอนนี้ยอดเงินในบัญชีมีอยู่ 1.8 ล้านไม่ใช่เหมือนตามที่เขาบอก เราถึงบอกว่าเราคุยกันตามความเป็นจริง ที่เราจะมาแถลงวันนี้ เรารวบรวมจากเงินในสเตทเมนต์มาก่อนว่ายอดเราตัดอยู่ที่เท่าไหร่ อันนี้เราตัดวันที่ 1 ที่ผ่านมายอดอยู่ที่ 1.8 ล้าน ไม่ใช่ 1.6 ล้านเหมือนตามที่เขาบอกมา

บังเอิญมีผู้ใจดีบริจาคเข้ามาด้วย ทีนี้เมื่อเป็นเงิน 1.8 ล้าน ค่าใช้จ่าย 4.4 ล้านกว่า 1.4 ล้านกว่า คงก็ต้องหักออกขาดเหลือเท่าไหร่ ตรงนั้นต้องมาคืนพรพิมล เป็นคนสำรองจ่ายฉันให้เธอไป มิใช่ว่าคุณจะเอาไปบริจาคให้ใคร ไม่ใช่ คุณบอกว่า คุณจะเอาไปบริจาคให้ใครไม่รู้ คุณทำไม่ได้หรอก เงินของฉัน ก็อยากชี้แจงให้ทราบ จริงๆ แล้วมันไม่ใช่ว่า เรื่องใหญ่อะไรมากมาย เพียงแต่การไม่หารือ การคุยงานกัน มันก็เป็นชนวนที่มีปัญหา”

รู้สึก “หนึ่ง จักรวาร” จิตใจไม่โปร่งใส จิตใจไม่ค่อยปกติ
พรพิมล : “จริงๆ ไม่น่ามีเรื่องมากมายขนาดนี้ เป็นเพราะว่า ส่วนตัวเลข เวอร์เกินกว่าเหตุ 3,180,000 บาท ถูกต้องไหม มา 4,260,000 อันนี้ไม่ได้ มันทำให้อะไรมากมาย หนึ่งจะรู้หรือไม่อันนี้ไม่รู้แต่เอกสารออกมาแล้ว แต่ถ้าคุณจะไม่คิด คุณจะไม่อะไรก็แล้วแต่ ก็แจ้งมาเลยว่าตัวเลข ไม่คิด เอาแค่นี้ 1,480,000 บาท จบไม่มีปัญหาอะไรเลยเหมือนอย่างที่ฉันทำมันก็จบไปแค่นั้นเอง เพียงแต่ว่าการอธิบายของเขา เราไม่แน่ใจว่าเขาเข้าใจหรือไม่ หรือเจตนาของเขาที่ดูจากสื่อ ยังเป็นเพราะว่าจิตใจยังไม่ค่อยโปร่งใส ถ้าโปร่งใสถามได้คุยได้ แต่เขาไม่คุย จิตใจไม่ค่อยปกติดีกว่า ถ้าจิตใจปกติปัญหาไม่เกิด”

ชี้เป็นเรื่องสลดของวงการเพลงสากล
ชุมศักดิ์ : “เรื่องนี้เป็นที่เศร้าสลดของวงการเพลงไทยสากลที่ทุกคนยังไม่รู้และต้องรู้ พี่พรพิมลขาดทุนก็ไม่เป็นไรเพราะท่านดูแลครูชาลีมาตลอดเวลา หมดไปหลายบาท 30-40 ล้านบาท พี่พรพิมลจ่ายให้หมดแล้ว แต่การที่คุณไปสื่อความตั้งแต่ต้นจนจบ บูชาครูไม่คิดเงินเลยสักบาท เวลานี้คุณเรียกเก็บมา เราเป็นผู้ใหญ่เรามีเงิน พร้อมที่จะให้ แต่ให้คุณแจงรายละเอียดมา เพราะว่าจะต้องส่งสรรพากร ชี้แจงผู้ที่เกี่ยวข้องที่ให้ความช่วยเหลือ

เวลานี้เราอย่าไปโฟกัสเรื่องเงินกันเลย อยากจะเล่าเหตุการณ์วันที่การประชุมกันเหตุเกิดที่บ้านของคุณหนึ่ง จักรวาร คุณหนึ่งไม่ได้มานั่งในที่ประชุมด้วย ตอนนั้นที่โต๊ะประชุมของบ้านของเขามี 10 คน เรากำลังจะชี้แจง เอาบัญชีตัวอย่างไป มีผู้ตรวจสอบบัญชีเป็นศาสตราจารย์ดอกเตอร์ซึ่งเป็นผู้ใหญ่ที่สุดเป็นผู้ที่ไปชี้แจงอธิบาย ทุกคนเตรียมพร้อมที่จะทำบัญชีรับจ่ายให้ถูกต้อง เพื่อที่จะให้พี่พรพิมลจ่ายค่าใช้จ่ายแม้ว่าจะขาดทุนพี่พรพิมลก็ยินดีจ่ายไปเพื่อรับทราบ ถ้าเขาเรียกมา ทั้งๆ ที่ออกอากาศว่าไม่รับแม้แต่บาทเดียว ทำเพื่อบูชาครู เพราะเป็นศิลปินของโลกไม่ใช่แค่แห่งชาติ พี่ธิดาภรรยาของครูชาลีนั่งอยู่ในที่เกิดเหตุด้วย”

ภรรยาของ “จำลอง” ผู้ช่วย “ตุ๊กติ๊ก” ลุกขึ้นมาด่า “พรพิมล” สารเลวทำให้ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์รับไม่ได้
ชุมศักดิ์ : “คุณรู้ไหมว่าวันนั้นที่เกิดเหตุถ้าบ้านหลังนั้นเป็นบ้านของคุณแล้วมีบุคคลที่นั่งอยู่ข้างๆ คุณ ลุกขึ้นโวยวายบอกว่าผมไม่อยากฟังแล้ว โวยวายๆ คุณตุ๊กติ๊กซึ่งนั่งอยู่หัวโต๊ะ เดินอ้อมมาแล้วก็ไปลากมือคนนั้นออกไปจากบ้าน มีการโต้เถียงด้านอารมณ์อย่างหยาบคาย รุนแรง

ผมขออนุญาตเอ่ยนามเพราะเขาไม่ได้อยู่ตรงนี้ เขาชื่อเล่นว่าคุณยุ้ย เพิ่งทราบมาว่าเป็นภรรยาของคุณจำลอง หนึ่งในผู้ที่ร่วมจัดงานนี้กับคุณพรพิมล

เขาขึ้นมาด่าคุณพรพิมลว่าคุณมันเลว คุณมันใช้ไม่ได้ คุณมันสารเลวตั้งแต่คุณฟังมา ตอนเขาพูดให้สัมภาษณ์กับวันที่คุณพรพิมลมาแถลงในวันนี้ ถามว่าผู้หญิงคนนี้ถ้าเขาเป็นแม่ เป็นพี่สาวคุณเป็นน้องคุณ ซึ่งภรรยาของครูชาลีบอกว่าเขาช่วยเหลือมาตลอดเป็น 3-4 ล้านจะถอนให้เดี๋ยวนี้ก็ถอนให้ได้

แต่การที่พี่สาวคุณแม่คุณไปถูกด่าในบ้านของคุณหนึ่ง จักรวาร คุณตุ๊กติ๊กภรรยาของคุณหนึ่ง จักรวารนั่งอยู่ แล้วเขามาด่าแม่ของคุณแบบนี้ ทุกวันนี้ผม ไม่เคยได้ยินเลยว่าคุณตุ๊กติ๊กโทร.มากล่าวขอโทษขออภัยที่เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น ผมถามว่านี่หรือการบูชาครูหรือ วันนั้นที่ลุกขึ้นด่าพี่พรพิมลก็เหมือนกับด่าเราทุกคน ก็เหมือนกับด่าคุณชาลีที่นอนป่วย”

ลั่นคนในวงการเพลงรุ่นเก่าไม่มีใครรับเงินจากงานนี้กันเลย ผิดกับทาง “หนึ่ง จักรวาร” ที่ทราบว่ามีการให้เงินกับนักร้องรุ่นใหม่ที่มาร้องเพลง
ชุมศักดิ์ : “พวกเราในวงการเพลงที่ไปช่วยงานทั้งหมดไม่มีใครรับเงินเลยนะครับ แต่รู้ว่าทางคณะผู้จัดงานโดย หนึ่ง จักรวาร มีการโอนเงินให้กับลูกๆ หลานๆ ที่ไปร้องเพลง คุณเป็นคนหนุ่มสาวที่เอาศิลปะของท่านที่สร้างมา 99 ปี ไปร้องไปเล่น ทำมาหากิน นั่นกลายเป็นว่าจะจัดงานขึ้นมา เพื่อที่จะเอาเงินไปช่วยดนตรีหรือคนที่นอนป่วยบาดเจ็บสาหัสจะสิ้นลมเมื่อไหร่เพราะหมอบอกว่าติดเชื้ออยู่ในกระแสเลือด

ทุกโรงพยาบาลพี่พรพิมลเป็นคนจ่าย งบประมาณที่ศิลปินแห่งชาติจะได้จากกระทรวงวัฒนธรรมคงส่งเสริมจนเต็มเพดานแล้ว เพราะฉะนั้นส่วนที่เกินต่างๆ คือพี่พรพิมลก็คือเอทีเอ็ม 24 ชั่วโมง คุณมาออกข่าวว่าค่าใช้จ่ายทั้งหมดเท่านี้ ลดให้แล้วเหลือ 1,400,000 เพราะฉะนั้นมันผิดกับการที่คุณไปสื่อกับมวลชนออกไปทั่วโลกว่าคุณทำเพื่อบูชาครู มันย้อนแย้ง

“ธิดา” ภรรยา “ครูชาลี” โอดเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น “ชุมศักดิ์” พูดแทนครูไม่ใช่เปรตมาขอส่วนบุญ
ชุมศักดิ์ : “และผมอยากให้ทุกคนได้รู้ว่าพี่ธิดาภรรยาครูชาลีนั่งอยู่ในวันนั้นได้ยินเต็มสองหู ด่าผู้มีพระคุณ การพูดเรื่องเงินมันสะเทือนใจภรรยาของครูชาลี ท่านบอกว่าท่านกับครูชาลีไม่ใช่เปรตมาขอส่วนบุญนี่คือความรู้สึกของภรรยาที่บอกครับ คุณอย่าพูดเรื่องเงินกันบ่อยๆ ผมขอร้อง

เรื่องเงินพวกเราผิดพลาดตรงไหน หรือไปเอาเปรียบเด็กรุ่นหลังตรงไหนไหม ที่ฟังมาทั้งหมดเราไม่ใช่เปรตขอส่วนบุญ นี่คือความรู้สึกของภรรยาครูชาลีครับ”

ธิดา : “รู้สึกเสียใจ

ชุมศักดิ์ : “พี่ธิดาคงพูดไม่ออก ท่านดูแลครูชาลีท่านอายุ 70 กว่าแล้วนะ ตะเวนไปเยี่ยมครูชาลีทุกวันท่านพูดไม่ออก คุณยังหนุ่มยังสาวเอาศิลปะของครูบาอาจารย์ ของครูชาลีผู้ประพันธ์คำร้องมาร้องมาหากินกันอยู่ คุณยังหากินได้อีกนาน ยังหนุ่มยังสาวมีชื่อเสียงจากบทเพลงของท่านคุณจะจัดงาน 3-4 ล้านมาพูดจาว่าลดให้ แล้วเหลือให้เพียง ผมคิดว่าถ้าฟังไม่ผิดไม่เกิน 2 แสน ที่ผมได้ยินมาในที่เกิดเหตุนะ ถ้าถามว่าพี่ธิดาเป็นแม่ท่านเป็นพี่สาวท่าน ท่านจะสะเทือนใจไหม การที่มาด่าพี่พรพิมลซึ่งครูชาลีมาฝากชีวิต จิตใจและวิญญาณไว้ว่าเลวว่าสารเลวมันบั่นทอนนะ เป็นผม ผมรับไม่ได้”

ถามถึงเรื่องลิขสิทธิ์ในยูทูปยังเป็นเรื่องที่หนักใจ เพราะ “พรพิมล” ได้เซ็นเอกสารในนามส่วนตัวให้กับ “หนึ่ง จักรวาร” ไป จึงอยากให้มาแก้ไขสัญญาใหม่
พรพิมล : “นี่เป็นสิ่งหนึ่งที่หนักใจ ครูทำนองทุกท่านพรพิมลทำเรื่องจดหมายไปท่าน ท่านให้มาด้วยความยินดีแล้วก็เต็มใจ แต่ช่วงหลังเลยบอกว่าเอาแบบนี้แล้วกัน คือคืนทำนองให้ครูหมด

พรพิมลจะไม่รับแล้ว เอกสารที่พรเซ็นให้กับคุณหนึ่งไปเซ็นในนามส่วนตัว แต่จริงๆ แล้วในรูปบริษัทเราติดต่อเขาให้มาเคลียร์ให้มาประสานเรื่องเพลงที่ต้องแก้ไขใหม่ เพราะเราทำไปในนามส่วนตัวไม่ได้เราต้องทำในนามบริษัทโคลิเซี่ยม ก็ฝากไปว่าอยากให้มาเปลี่ยนไม่มาเปลี่ยนแล้วปัญหาก็จะเกิดอีก ถึงบอกว่ายังไม่จบง่ายๆ ถ้าหากเขาไม่มาเปลี่ยนเรื่องเอกสาร”

ไม่รู้รายได้จากยูทูป เพราะอีกฝ่ายไม่ได้แจ้ง
พรพิมล : “ไม่ทราบเลย เขาไม่แจ้ง ตอนที่เขาออกข่าวเขาบอกมาว่าเป็นสิ่งหนึ่งที่เขารู้สึกภูมิใจมากที่เขามีโอกาส คำว่ามีโอกาสในที่นี้เหมือนคำว่าได้ครอบครองลิขสิทธิ์ตรงนี้ตามที่ความมุ่งมั่น และความตั้งใจของเขา ที่เขาให้สัมภาษณ์ เราจึงมีความรู้สึกว่ามันไม่ใช่ คุณกับฉันคนละครึ่ง ตามที่เราคุยกัน เรายังไม่ได้ทำสัญญานะ นี่คือความที่เชื่อใจกัน เราคนละครึ่ง งั้นสัญญาต้องทำเอกสาร ผิดไปก็ต้องแก้ไข โทร.ไปส่งจดหมายไปเงียบ ที่เรามาแถลงข่าววันนี้เพราะเราคอยเขาอยู่ 3 วัน เมื่อเราคอยแล้วเขาไม่ตอบ ถึงได้มีการแถลงข่าวขึ้น”

ชัยยงค์ : “ขอชี้แจงเรื่องเอกสารที่คุณพรพิมลเซ็นส่งมอบเพลงให้ก่อนคุณหนึ่งวันงานนะครับ เป็นเอกสารที่คุณพรพิมลเซ็นโดยที่ไม่ได้ดูว่าจริงๆ แล้ว เอกสารนี้ต้องเซ็นในนามของบริษัทโคลิเซียม ซึ่งบริษัทนี้เป็นผู้ถือลิขสิทธิ์เพลง ของครูชาลีทั้งหมด ถือในนามนิติบุคคล ไม่ได้นามส่วนตัว เพราะฉะนั้นเอกสารที่คุณพรเซ็นไปมันผิด คุณพรพิมลต้องอยากให้คุณหนึ่งรีบมาเปลี่ยนแปลงตัวเอกสารนี้เสีย”

ลั่นหาก “หนึ่ง จักรวาร” ไม่มาแก้ไขด้วยตัวเอง คงจะให้ติดต่อกับทนายแล้ว
ชัยยงค์ : “ยังไม่ได้ทำสัญญา มีแต่เพียงคุณพรพิมลบอกกล่าวว่า เลือกในยูทิวบ์ให้คุณหนึ่งไปจัดการได้”

พรพิมล : “และต้องเอาเงินส่วนหนึ่งมาให้ครูชาลี ถ้าเรามีรายได้ความมุ่งมั่นความตั้งใจการจัดคอนเสิร์ตครั้งนี้ เราไม่ได้จะเอาแค่ครั้งเดียว เราต้องมาหาเงินสักก้อนหนึ่ง ให้กับครู และให้กับนักแสดงและนักร้อง เมื่อยามเขาทุกข์ยาก เราอยากมีเงินสักก้อนให้ครู วันนี้เลยบอกคุณชุมศักดิ์ เรานับหนึ่งใหม่แล้วกัน ถือว่าที่ทำไปมันไม่ใช่ หลังจากนี้เรามานับหนึ่งใหม่เพื่อจะทำขึ้นมา หาเงินก้อนนี้เพื่อมาช่วยเหลือทุกๆ ท่านทุกๆ ท่าน”

ชุมศักดิ์ : “ก็มีความวัตถุประสงค์เป้าหมายที่จะนับหนึ่งใหม่ ทำงานครั้งต่อๆ ไป นับหนึ่งใหม่ไม่ใช่หนึ่ง จักรวารที่ผ่านมา”

พรพิมล : “การปรึกษาทนายจะเป็นขั้นตอนต่อไปในเอกสารมันยังไม่ถูกต้อง ถ้าคุณมาเคลียร์มันก็จบ ไม่อยากให้เรื่องเล็กเป็นเรื่องใหญ่ ต้องมาเคลียร์ให้มันจบ”

เมื่อถามความรู้สึกที่มีต่อ “หนึ่ง จักรวาร” และภรรยาต่อปัญหาที่เกิดขึ้น “พรพิมล” ก็ซัดว่าตนอายุเท่าแม่อีกฝ่ายได้ น่าจะคิดได้เพราะมาจากเด็กสลัมคลองเตย
พรพิมล : “อายุฉันน่าจะเท่าแม่เขา เขาน่าจะคิดได้ เพราะมาจากเด็กสลัมคลองเตย ความคิดน่าจะรู้ว่าอะไรใช่หรือไม่ใช่ เขาบอกเขามาจากคลองเตย น่าจะรู้สิ่งที่ทำนั้นถูกหรือผิด

ชุมศักดิ์ : “เราไม่ได้คิดอะไรร้ายกับเขา แต่เราไม่เข้าใจ เราอยู่ในวงการมานาน ศิลปินผู้ใหญ่ ที่มาช่วยงานครูชาลีก็มาด้วยใจทั้งหมด แต่เราก็ไม่รู้ว่าพวกคุณคิดอะไรกับเรา”

“ธิดา” ภรรยา “ครูชาลี” ขอบคุณ “พรพิมล” ชี้อีกฝ่ายเหมือนฟ้ามาโปรดตนกับครูชาลี
ธิดา : “ตอนนี้เงินที่ได้ก็มีได้จากคุณพรพิมล 200,000 กว่า ตัวเลขที่แน่ๆ และได้จากท่านซูเหรียญ 100,000 บาทแล้วก็ ชมรมรักครู 100,000 บาท และคุณบิณฑ์ บรรลือฤทธิ์อีก 20,000 บาท รวม 400,000 ต้นๆ เราอยากให้เขามาเคลียร์แต่เขาก็ไม่มา

ตอนนี้อยากกราบขอบพระคุณคนแรกเลย คุณพรพิมล เพราะเขาดูแลครูชาลีมาตั้งแต่ที่เราอยู่กับครูชาลี 25 ปีก็จะเห็นคุณพรพิมลเป็นคนแรกท่านก็จะช่วยเหลือครูชาลีมาโดยตลอดไม่จำเป็นต้องพูดว่าช่วยยังไง ทุกครั้งที่ครูชาลีจะเข้าโรงพยาบาลแต่ด้วยขาดเงินหรือว่าอะไรก็แล้วแต่ก็คุณพรพิมลนี่แหละ ที่เป็นคนช่วยเหลือมาตลอด

ตอนนี้อาการครูชาลีก็เริ่มดีขึ้น ก็คิดว่าท่านจะไม่รอดหลังจากมีคอนเสิร์ตก็เปิดให้ดู ท่านก็ดีมาเรื่อยๆ กำลังใจสำคัญมาก ทั้งโรคหัวใจ ความดันที่ลงมาเรื่อยๆ จนท่านช็อกแผลจากที่ต้องตัดขาก็ดีขึ้น แค่นี้เราก็ดีใจ ต้องกราบขอบพระคุณคุณพร เพราะทุกครั้งที่คุณพรไปโรงพยาบาลจะเห็นท่านดีใจมากๆ (เสียงสั่น) เราจะรู้สึกมันเหมือนกับฟ้ามาโปรดขอบคุณคุณพรพิมลมากค่ะ



















กำลังโหลดความคิดเห็น