หลังจากที่มีข่าวลือหลุดออกมาเกี่ยวกับดรามาคอนเสิร์ตครูเพลง นักดนตรีคนดังที่มาช่วยงาน โดยประกาศว่าทำด้วยใจเพื่อบูชาครู ไม่ขอรับเงินสักบาท แต่ภายหลังคอนเสิร์ตเสร็จสิ้นกลับมีบิลเรียกเก็บเงินที่แจกแจงค่าใช้จ่าย รวมเป็นเงิน 4 ล้าน จนทำผู้จัดงานงงเป็นไก่ตาแตก ก่อนมีการแฉว่าคนอยู่เบื้องหลังคือเมียคนสวยของนักดนตรี
ล่าสุด “หนึ่ง จักรวาร เสาธงยุติธรรม” และ “ตุ๊กติ๊ก เบญจวรรณ เสาธงยุติธรรม” ภรรยา ซึ่งออกหน้าจัดคอนเสิร์ต 99 ปี ครูชาลี อินทรวิจิตร เพลงคู่แผ่นดิน หนึ่งในจักรวาลเลยถือโอกาสชี้แจงถึงประเด็นนี้ หลังถูกโยงว่าเป็นคนที่อยู่ในอักษรย่อดังกล่าว
หนึ่ง : “ก่อนอื่นต้องขอบคุณผู้ฟังทุกท่านนะครับ ที่ให้การตอบรับให้การต้อนรับเป็นอย่างดี แล้วก็มีหลายๆ ท่าน ช่วยเหลือสมทบทุนกัน มาช่วยเหลือครูเพื่อเป็นกำลังใจให้กับครูชาลีในครั้งนี้นะครับ ผมรู้สึกดีใจมาก ดีใจตั้งแต่วันที่ก่อนเริ่มคิดทำงานในครั้งนี้
ได้มีโอกาสไปเยี่ยมครูที่โรงพยาบาล แล้วก็จับมือครูบอกว่า ผมจะทำงานนี้ให้ครู ให้ครูรอดูงานครั้งนี้นะครับ รอดูพี่ๆ น้องๆ ทุกๆ คนที่จะมาร่วมร้องเพลงของครู ให้ครูฟังนะครับ ครูก็น้ำตาไหล ผมเลยรู้สึกว่าครั้งนี้ต้องทำให้สำเร็จโดยใช้ความสามารถที่มีทั้งหมด รวบรวมศิลปินทุกท่านมาร่วมกันร้องเพลงของครูในครั้งนี้
ก่อนอื่นครับผมดีใจมาก แล้วก็มีความสุขทุกครั้งเวลาเล่น เรามีเวลาการทำงานแค่ 14 วัน ผมเทงานทั้งหมดเลื่อนงานทั้งหมด เพราะเรามีเวลาน้อยมาก ต้องทำเพลงทั้งหมด 41 เพลง และผมก็ปวารณากับตัวเอง ว่างานครั้งนี้ ต้องทำให้สำเร็จให้ได้ ถึงจะแลกด้วยชีวิต เพราะด้วยเวลาอันน้อยนิด ผมรู้เลยว่ามันเป็นไปไม่ได้เลย ที่ทุกเพลงจะเสร็จ ก็เลยตั้งปฏิญาณตนว่างานนี้ ผมจะไม่ขอรับค่าทำเพลงเลย แม้แต่บาทเดียว
ทุกวันนี้ผมก็ยังยืนยันนะครับ ว่าผมไม่รับค่าทำเพลงแม้แต่บาทเดียว ไม่รับค่าตัว ค่าเหนื่อย ทุกอย่างไม่คิด เพราะผมถือว่าผมรอดตายแล้ว เพราะว่าจริงๆ ผมแทบไม่ได้นอนเลย นั่งอยู่กับเปียโนอย่างนั้น 14 วัน เพื่อให้งานนี้สำเร็จด้วยดี และผมก็รู้สึกดีใจขึ้นมา ในระหว่างที่ซ้อมงานก่อนคอนเสิร์ต ได้ข่าวว่าครูสุขภาพดีขึ้นออก จากห้องไอ.ซี.ยูแล้ว จนวันงานจริง ครูได้ลุกขึ้นมาดูงานของเรา ดีใจมาก
แล้วผมก็คิดไว้ว่าวันหนึ่ง ผมอยากทำไปเก็บไว้ ครั้งนี้ผมก็ถือว่าเป็นโอกาสอันดี ที่ได้มีผลงานของตัวเอง ร่วมกับผลงานเพลงของครูในช่องยูทิวบ์ ซึ่งได้รับการอนุญาตคุณพรพิมล มั่นฤทัย (ประธานบริษัท โคลีเชี่ยม พร-คมน์ เอ็นเตอร์ไพร์ส จำกัด เจ้าของลิขสิทธิ์เพลงครูชาลี) ที่ได้มอบสิทธิ์ให้ ให้ลงยูทิวบ์ของช่องโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย
งานนี้จะเกิดไม่ได้ ถ้าขาดศิลปินทุกๆ ท่าน กราบขอบพระคุณศิลปินทุกท่าน นี่คือตัวแทนศิลปิน คือ คุณเท่ห์ อุเทน พรหมมินทร์ และพี่ เจี๊ยบ นันทิยา จิวบางป่า ที่เป็นตัวแทนของเด็กรุ่นใหม่ ที่ทำให้น้องๆ โกลเด้นซองทุกคน ได้เกิดขึ้นในยุคนี้ ตอนแรกผมไม่คิดว่าศิลปินจะเยอะขนาดนี้ ทุกคนรักครูทุกคนมาด้วยใจ
อีกส่วนหนึ่งก็คืออยากขอบพระคุณทุกๆ ท่านจริงๆ ที่ให้การตอบรับงานของครูครั้งนี้ และทำให้ครูมีสุขภาพดีขึ้น ครูได้ลุกขึ้นมาดูงานของเราเป็นเวลา 3-4 ชั่วโมงเกือบหมดงาน รู้สึกว่าครูอาการดีขึ้นเรื่อยๆ อันนี้ผมถือว่าเป็นความรู้สึกที่ดี และผมขอยืนยันว่า ผมไม่ขอรับค่าตัวแม้แต่บาทเดียว ที่ทำมา 41 เพลง ผมขอยืนยันว่า ผมไม่ขอรับสักบาทเดียวครับ”
ตุ๊กติ๊ก : “เราก็ต้องขอบคุณอีกท่านหนึ่ง ที่ได้มอบสถานที่ให้ เป็นสถานที่อลังการดีมากๆ เลยนะคะ ไม่คิดค่าใช้จ่ายแม้แต่บาทเดียว แต่ท่านที่ต้องขอบคุณจริงๆ คุณพรพิมลที่จัดคอนเสิร์ตนี้ขึ้นมา วันแรกที่ได้ไปเจอที่ได้เชิญโดยลุงโต (สุรพล ชัยอำนวย : คณะผู้จัดงาน) แล้วคุณพรพิมลก็เชิญให้ตุ๊กติ๊กกับพี่หนึ่งไปประชุมกัน ครั้งแรกคุณพรพิมล อยากเป็นแม่งานในการจัดครั้งนี้ เราก็ได้บอกกับทุกคนว่า ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น คุณพรพิมลจะดูแลค่าใช้จ่ายทั้งหมด”
รายได้ถูกแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือรายได้จากการขายบัตรและคนโอนเงินมาบริจาค รวม 1.6 ล้าน แต่ต้องแบ่งไปจ่ายค่านักดนตรี ค่าอุปกรณ์แสงสี ค่า cg ซึ่งรวมภาษีแล้ว เกือบ 1.5 ล้านบาท
ตุ๊กติ๊ก : “รายได้ที่จะมอบให้ครูนะคะ จากที่ทุกท่านจะเห็นนะคะ ว่ามีเลขที่บัญชีที่ให้โอนเข้าไป อันนี้รายได้จะถูกแบ่งออกเป็น 2 ที่ ที่แรกคือในบัญชีที่เห็นอยู่ ว่าจะมีการจดร่วมกัน 3 ท่าน ที่เป็นการซื้อบัตรเข้าไป ซึ่งเราขายบัตรในจำนวนน้อย ก็ได้มาในส่วนนั้น แล้วก็มีส่วนหนึ่งที่ได้บริจาคเข้ามา โดยที่ไม่ได้มานั่งชม เป็นการบริจาคมาจากทางบ้าน ยอดเงิน 1.6 ล้านกว่าบาท โดยเป็นเงินขายบัตร 4 แสนกว่า ที่เหลือก็คือเงินจากการบริจาค
ส่วนที่ 2 ก็จะเป็นหน้างานที่มีสปอนเซอร์ต่างๆ มอบให้โดยตรงกับทางคุณพรพิมล และคุณพรพิมลจะได้นำรายได้ตรงนั้น ที่เป็นเงินสดไปมอบให้ คุณธิดา ภรรยาของครูชาลี ที่โรงพยาบาลเรียบร้อยแล้วค่ะ”
ลุงโต : “เงินในส่วนที่ 2 ที่ไปมอบให้คุณธิดา เป็นเงินสดประมาณ 3 แสนแล้วก็โอนเข้าบัญชีตามไปอีก 1 แสนเป็นบัญชีโดยตรงเลย”
ตุ๊กติ๊ก : “เงินในส่วนแรกนั้น ยังไม่ได้มอบให้เพราะเรายังไม่ได้หักค่าใช้จ่าย เพราะว่างานนี้เป็นงานสมทบทุน การจัดงานสัมมนาดนตรี เราเขียนไว้ว่าหลังหักค่าใช้จ่ายจะมอบให้ครู 1.6 ล้าน คือยังไม่ได้หักค่าใช้จ่าย ก็กำลังรอการหักค่าใช้จ่ายอยู่ค่ะ ในส่วนของค่าใช้จ่ายตรงนี้ มีทั้งหมด 1.4 ล้านกว่ารวมภาษีแล้วค่ะ ซึ่งเราก็เป็นตัวแทนเพื่อประสานงานให้ เพราะว่าของพี่หนึ่งจะทำในส่วนของดนตรี ที่ไม่ได้คิดเลย แล้วก็จะมีค่าการแสดง เราไม่ได้คิดเลย
จริงๆ ก็จะต้องมีสถานที่ฝึกซ้อม ห้องอัด เพราะในเมื่อคุณพรพิมลได้บอกเอาไว้ ว่าจะรับผิดชอบค่าใช้จ่ายทั้งหมด เราก็มีความรู้สึกว่าเรามีผู้ใหญ่คนหนึ่ง ที่เขาตั้งใจอยากจะทำ แล้วอยากจะช่วย แล้วตรงนี้เราก็อยากจะทำงานให้ดีที่สุด และเราคิดค่าใช้จ่ายไม่ได้ ทุกคนมาด้วยใจจริงๆ แล้วไม่ได้ซ้อมครั้งเดียวค่ะ เพราะว่าพี่หนึ่งทำเพลงที่แปลกประหลาดกว่าเดิม มันมีการร้องเพลงคู่ มีการให้เด็กๆ จากโกลเด้นซอง ไปร้องกับศิลปินรุ่นใหญ่
ซึ่งมันเป็นความภาคภูมิใจ ที่ได้ร่วมเวทีเดียวกับรุ่นใหญ่ มันไม่ใช่เรื่องง่าย มันไม่ได้หมายความว่าใครดังกว่า แต่มันเป็นอะไรที่เป็นความภูมิใจของเขา ทีนี้ก็ไม่มีทางที่จะคิดค่าใช้จ่ายตรงนั้นได้นะคะ อันนี้เป็นค่าใช้จ่ายทั้งหมดที่เกิดขึ้น (โชว์เอกสาร) มีเยอะมาก ทั้งของนักดนตรีที่เราต้องจ่ายเขา”
หนึ่ง : “ตอนนี้ไม่ค่อยมีงาน แต่ทุกคนก็จะคิดราคาแบบตีตั๋วเด็ก ทุกคนก็มาช่วยกัน”
ตุ๊กติ๊ก : “สมมติว่ารายรับจริงๆ อาจจะ 100 บาท แต่ทุกคนที่ช่วยกัน เป็นราคาช่วยจริงๆ พี่หนึ่งกับตุ๊กติ๊กช่วยกันลดราคา จนวันละ 1 ล้าน อันนี้ก็เป็นส่วนของดนตรี และเป็นส่วนของระบบเสียงระบบต่างๆ แล้วก็ในส่วนของนักแสดง แดนเซอร์ มีภาพ cg ซึ่งได้รับการอุปการะจากช่องวัน มีทีมโอบี มีทีมขาย มีทีมแบ็กสเตจ รายจ่ายทั้งหมดก็เป็น 1,397,150 บาท อันนี้คือยอดที่ต้องจ่ายไปกับบุคลากร หรือว่าของที่เช่ามาทั้งหมด ซึ่งก็ได้หักภาษีแล้ว ถ้ารวมภาษี ก็จะกลายเป็น 1,494,950.50 บาท อันนี้ก็คือเป็นค่าใช้จ่ายค่ะ”
เหลือถึงครูชาลี 400,000 บาทที่ได้ไปก่อนหน้านี้ กับอีก 100,000 ที่เหลือ จากการหักค่าใช้จ่ายของคอนเสิร์ต
ตุ๊กติ๊ก : “อันนี้ก็ต้องดูว่าถ้าเหลือ แล้วยังไงคุณพรพิมลก็จะไปจ่ายต่อ อันนี้ก็ไม่แน่ใจ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นในส่วนค่าใช้จ่ายที่มีอยู่แล้ว จะเป็นราคาเท่านี้”
เผยทำคอนเสิร์ตเพื่อจะช่วยครูแต่หักไปหักมาแล้วเหลือแค่ 100,000 เดียว ยันคำเดิมอยากเชิดชูครู
ตุ๊กติ๊ก : “เราก็กลับไปที่จุดเริ่มต้นในการจัดงานใหม่ ว่าจุดประสงค์การจัดงานครั้งนี้ เราอยากเชิดชู อยากให้ครูเห็น ว่าเพลงของครูจะไม่ตายหายไปไหน เพราะฉะนั้นการจัดงานครั้ง เราจัดงานเพื่อสมทบทุน การจัดงานนั้นหมายความว่า ทางครอบครัวของครู ภรรยาของครู ไม่ได้คาดหวังว่าจะต้องได้เงินตรงนี้ แต่เราพยายามทำให้มันดีที่สุด พยายามโปรโมต ศิลปินทุกคนช่วยกันโปรโมต”
หนึ่ง : “เราคุยกันตั้งแต่แรก ว่าคุณพรพิมลมีความใจกล้าที่จะจัดตอนนี้เหรอ เพราะว่าเป็นช่วงโควิดนะ แล้วจะมีคนดูเหรอ คนดูจะเยอะไหม คุณพรพิมลก็ให้ความเมตตา ว่าไม่เป็นไรทุกอย่างเดี๋ยวท่านจะรับผิดชอบเอง เพราะเรารู้อยู่แล้วว่า ระยะเวลาอันใกล้ อย่างน้อยให้เป็นกำลังใจกับผม ผมก็พูดว่าให้เป็นกำลังใจครูนะ เพราะว่าจริงๆ อยากจะให้เร็วกว่านี้ แต่ผมก็ว่ามันเป็นไปไม่ได้ เพราะเวลาทำเพลง ผมทำวันละเพลง วันหนึ่งผมทำได้เพลงเดียว แล้วนี่ผมต้องทำ 41 เป็นไปไม่ได้ครับ
ต่อให้ 14 วันทำ 41 เพลงก็ไม่ได้เก่งนะ แต่ผมก็ยอมตาย เพราะว่าผมไม่เคยทำเพลงได้ขนาด เลยโอเคว่าแต่ละเพลง ก็ทำสุดความสามารถแล้วกัน มีอะไรที่มันขาดตกบกพร่อง เดี๋ยวคุณอาพรพิมลจะรับผิดชอบเอง เพราะว่าอยู่ในช่วงโควิด มันจะขายบัตรได้เยอะเหรอ แล้วมันใกล้มากด้วย
ตุ๊กติ๊ก : “ทุกคนทราบอยู่แล้วค่ะ ว่าการจัดคอนเสิร์ต มันต้องย้อนหลังการจัดงานอย่างน้อย 6 เดือน และโปรโมตก่อนคอนเสิร์ตเริ่ม 3 เดือน แต่นี่ 2 อาทิตย์”
แฮปปี้มากกับยอดเงินที่ได้ในการจัดคอนเสิร์ตครั้งนี้ ส่วนเรื่องลิขสิทธิ์เพลงไม่ได้เสีย เพราะคุณพรพิมลเป็นคนให้ทั้งหมด
ตุ๊กติ๊ก : “แฮปปี้มากแล้วค่ะเอาจริงๆ นะคะ มันเกินความคาดหมาย”
หนึ่ง : “คือเราต้องการสร้างกำลังใจให้ครู อย่างน้อยผมจำคำพูดได้ ว่าอย่างน้อยให้ครูได้ลุกขึ้นมาดู เพราะครูเป็นคนที่มีกำลังใจดีมาก จากงานครั้งที่แล้วที่เคยจัด ให้ครูสุรพลและครูชาลี และผมได้มีโอกาสไป ก็ได้เห็นพลัง เวลาเพลงของครูขึ้นปุ๊บ ครูมีพลังในการที่จะดำเนินชีวิตต่อ ผมมองว่าครั้งนี้ครูยังมีหวัง คือคนละภาพเลยจากวันที่ผมไปเยี่ยม แล้วครูพยายามลุกขึ้น ต่อชีวิต ต่ออายุให้กับครูขึ้นมาอีก (ในส่วนของค่าลิขสิทธิ์เพลงไม่มีเสียเลยใช่ไหม?) ไม่มีเสียครับ คุณพรพิมลให้ลิขสิทธิ์ทั้งหมด”
หลายคนตีความว่าคอนเสิร์ตนี้เป็นคอนเสิร์ตการกุศล เพื่อจะช่วยเหลือครู และเอารายได้ไปให้ครู แต่อยู่ดีๆ มีค่าใช้จ่ายตรงนี้ขึ้นมา สรุปหักเหลือแสนเดียว เลยมีคนเสียความรู้สึก
หนึ่ง : “ก็คนอื่นเสียความรู้สึก แต่ทางพวกเรารู้อยู่แล้ว ว่าเงินแค่นี้ถ้าจะจัดจริงๆ จัดไม่ได้ แต่ ณ ตอนนี้คือเรารู้ว่า ค่าใช้จ่ายมันเท่านี้ แต่เงินที่ออกไปตอนนี้ ที่ผมต้องจ่าย อย่างน้อยตอนนี้ผมสาบานได้เลย ว่าผมไม่มีค่าทำเพลง ไม่มีค่าตัว และสิ่งที่ผมเสียไปตอนนี้ คือผมเสียเงินล้านไป เพราะผมต้องสำรองจ่ายไปก่อน ผมสงสารนักดนตรี สงสารคนร่วมงาน ทุกๆ ทีมที่มาช่วยกัน ทั้งกล้องทั้งไฟ ทุกๆ คนก็เอาเงินของผมไปช่วยกันก่อน”
ตุ๊กติ๊ก : “จริงๆ ตอนประชุมกัน ตั้งแต่ไปหาครูที่ศิริราช เราก็พบกับอาธิดา ซึ่งเป็นภรรยาของคุณครู ซึ่งก็มีการพูดคุยกันอยู่แล้ว ว่างานมันกระชั้นชิดมาก เราไม่มีทางรู้เลย ว่ามันเป็นยังไง ซึ่งคุณอาธิดาก็บอกว่าไม่เลย อาเนี่ยไม่ได้คาดหวัง ว่าจะต้องมาเอาเงินอะไรตรงนี้ คือถ้ามันเหลือเท่าไหร่ก็คือเท่านั้น ขอให้จัดงานให้ดี แค่อยากให้ครูได้ฟังเสียงเพลง ที่ครูเป็นคนแต่งขึ้นมา นั่นคือสิ่งที่ครูอยากได้”
หนึ่ง : “เหมือนให้กำลังใจครูมากกว่า”
ไม่ได้รู้ตัวเลขมาก่อน ว่าค่าใช้จ่ายมันจะสูงขนาดนี้
ตุ๊กติ๊ก : “ไม่ทราบเลยค่ะ เรายังไม่ทราบหรอกค่ะ (เราพยายามที่จะหาสปอนเซอร์มาช่วย?) ถูกต้อง แต่สปอนเซอร์มาเรื่อยๆ ค่ะ แต่สปอนเซอร์เราไม่ได้มี เหมือนที่จัดคอนเสิร์ตทั่วไป ที่เขาขายบัตรจริงๆ ได้สปอนเซอร์เป็นหลักแสนหลักล้าน แต่อันนี้ทุกอย่างมันกระชั้นชิด ทุกคนช่วย 2 พัน 5 พัน 1 หมื่น 1 แสน มันเป็นสปอนเซอร์ที่เป็นจำนวนน้อย แต่มากหลายเจ้า เพราะฉะนั้นเราไม่มีเจ้าใหญ่ๆ ที่มาจ่ายให้ 1 ล้าน แต่เจ้าใหญ่ๆ นั้นก็คือคุณพรพิมล”
ออกมาวันนี้ตั้งใจมาขอบคุณ ไม่ได้มาชี้แจงในส่วนของรายได้
ตุ๊กติ๊ก : “จริงๆ ไม่ได้ตั้งใจมาชี้แจงนะ ตั้งใจมาขอบคุณ”
ที่มีข่าวว่าออกบิลเรียกเก็บ 4 ล้านแท้จริงมันคือการนำเสนอตัวเลขจริงๆ ในการจัดคอนเสิร์ต ที่รวมค่าตัวของ “หนึ่ง จักรวาร” ไปแล้ว แต่ยังไม่รวมค่าลิขสิทธิ์เพลงและค่าตัวศิลปินคนอื่น
ตุ๊กติ๊ก : “คือเงิน 4 ล้านบาท มันมีอะไรไหม คือว่าคณะผู้จัด ได้ขอให้ตุ๊กติ๊กทำตัวเลขก่อนลดหย่อนทั้งหมด ถ้าไม่ได้มีคนมาช่วยในการจัดคอนเสิร์ต มันจะราคาเท่าไหร่ ซึ่งเราก็ทำไปให้คณะผู้จัด ซึ่งตุ๊กติ๊กมีความเข้าใจว่า อาจจะเอาตัวเลขนี้ไป เพราะอยากเห็นตัวเลขชัดๆ เผื่อจะจัดงานคอนเสิร์ตอื่นหรือเปล่า ก็เลยทำให้ไป ก็คาดคิดว่าน่าจะเอาไปไว้ เผื่ออยากจะเอาไปจัดคอนเสิร์ตเอง อยากจะได้ข้อมูล”
หนึ่ง : “ราคานี้ยังไม่รวมค่าตัวศิลปิน ศิลปิน 40 กว่าคน ค่าตัวมหาศาลครับ เอาแค่ค่าทำเพลง คิดเล่นๆ บวกไป 41 เพลง ศิลปินขาดทุนแน่”
เรื่องการนำเสนอตัวเลขจริง 4 ล้าน เพิ่งทำเมื่อ 3 วันที่แล้ว เนื่องจากทางผู้จัดอยากจะรู้ราคาเต็ม
ตุ๊กติ๊ก : “อันนี้คือวันที่มานั่งแจกแจงค่าใช้จ่ายกัน ไม่กี่วัน 3 วันที่แล้วมั้ง ก็คือคณะผู้จัดอยากทราบว่าถ้าเป็นค่าใช้จ่ายโดยที่ไม่ได้ลดหย่อนเลยมันเท่าไหร่ ซึ่งเราไม่ได้เตรียมไว้ ต้องไล่โทร.ไปทุกสาย ว่าพี่...ราคาเต็มของพี่จริงๆ น่าจะเท่าไหร่ ใช้เวลานานค่ะ กว่าจะส่งไปให้น่าจะ 6 โมงกว่า คือเราไม่ได้พูดในที่ประชุม แต่เราทำเป็นไฟล์ส่งไปให้คณะผู้จัดดู ว่าอันนี้ค่ะ เป็นราคาที่เป็นต้นทุนจริงๆ ราคาเต็ม มีค่าตัวของพี่หนึ่ง มีโอบี แดนเซอร์ ซึ่งเราก็ไม่ได้คิดขึ้นมาเอง”
ไม่ตกใจที่มีข่าวแบบนี้ แต่ตกใจตอนนี้ที่มายืนสัมภาษณ์ เงินทุกบาท ให้เมียเป็นคนจัดการ
ตุ๊กติ๊ก : “ตกใจตอนนี้”
หนึ่ง : “ที่แน่ๆ คือตังค์ออกจากกระเป๋าเราไปก่อนแล้วตอนนี้ 1 ล้านบาท แต่เราไม่กล้าถาม เพราะว่าเวลามีอะไร ให้ภรรยาจัดการ ให้ดูแลเงินให้”
ตุ๊กติ๊ก : “ต้องบอกก่อนว่า พี่หนึ่งทำงานงกๆ จริงๆ เพราะฉะนั้นการจัดการทุกอย่าง หรือการประชุมงาน ตุ๊กติ๊กไม่เคยให้พี่หนึ่งรับรู้ คือพี่หนึ่งจะเป็นคนที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลย ตั้งแต่ช่วงจัดงานครูชาลีมา ต้องบอกว่าลูกก็ไม่ได้เลี้ยง คือต้องอธิบายก่อนว่า คุณพรช่วยด้วยเงิน แต่เราช่วยด้วยแรงและหัวสมอง ศิลปินทุกท่านมาช่วยด้วยความสามารถ แล้วทุกคนก็มีคสามสุข แล้วก็ยินดีกับสิ่งที่เกิดขึ้น เรารับแต่ความแฮปปี้ เพราะฉะนั้นถ้ามันจะมีสิ่งที่ไม่ดี หรือข่าวที่เสียๆ หายๆ เกิดขึ้น ก็ไม่เสียดายไม่เสียใจเลย ที่ได้ทำลงไป
ตอนที่เราไลฟ์สดเราอ่านคอนเมนต์ป้าๆ ยายๆ เขาบอกว่า เขาไม่มีโอกาสได้ไปดูคอนเสิร์ตหรอก เพราะเขาอยู่ต่างจังหวัด แล้วเขาก็ไม่มีเงินไปดู นี่หลานเเปิดให้ดู ขอบคุณนะคุณหนึ่ง จักรวาร ขอบคุณผู้ใหญ่ ขอบคุณคณะผู้จัดทุกท่าน แค่นี้มันยิ่งกว่าเงินที่เราจะต้องได้มาแล้วค่ะ อันนี้คือความสุข แต่อย่างที่บอกตอนที่เราประชุมกันครั้งแรก เราก็พูดกับคุณพรพิมล ว่าเรากับพี่หนึ่งไม่ขอค่าใช้จ่ายอะไรสักบาทเลยค่ะ แต่สิ่งที่อยากได้คือผลงาน อยากได้เก็บไว้ดูตอนเราแก่ ให้ลูกให้หลานได้ดู ว่านี่คือผลงานครั้งหนึ่งที่เราได้ทำไป”
ไม่บั่นทอนกับข่าว
หนึ่ง : “ก็งงๆ ว่าเหรอ แต่ที่แน่ๆ คือไม่บั่นทอนนะ เราเคยปฏิญาณตนว่าชีวิตคนหนึ่ง ที่ขึ้นมาจากดิน มีเพลงพวกนี้เป็นครู เราไม่มีครูดนตรีที่สอนจริงๆ จังๆ มีเพลงพวกนี้แหละที่สอนเรา ว่าต้องเล่นให้ได้นะ แล้วเพลงพวกนี้มันจะอยู่กับเราไปจนวันตาย จนลูกจนหลานเลยนะ เราเคยตั้งใจว่า วันหนึ่งถ้าเรามีโอกาส แล้วมีชื่อเสียงจริงๆ เราจะนำเพลงเหล่านี้กลับมา เพื่อให้คนไทยได้เห็นว่า เนี่ยคือคุณค่าของความเป็นไทย ของเพลงไทย ที่ชาติอื่นที่ไหนในโลก ก็ไม่มีใครทำได้เหมือนเรา
จนเราไม่มีชีวิตไปแล้ว ลูกหลานมาเห็นว่าเนี่ยผลงานของคนไทย เรารู้สึกมีความสุข ว่าเราได้ทำงานให้กับบุคคลของแผ่นดิน เราถือว่าครูคือบุคคลของโลก วันนี้มาเล่นท่ามกลางศิลปินหลายคน ไม่คิดไม่ฝันว่าวันหนึ่งจะมารู้จักกันมากขึ้น แค่เด็กสลัมจะมารู้จักคนเหล่านี้ มารวบรวมศิลปินแห่งชาติได้ขนาดนี้ อาๆ ทุกคนที่เราเคยดูในโทรศัทน์ เราไม่เคยคิดว่าจะได้เจอท่าน จะได้เล่นให้ท่าน อาจจะเป็นครั้งเเรกของชีวิตของนักดนตรีทุกคน กับลูกๆ ของผมในโกลเด้นซอง ที่เขาจะได้มีโอกาสเจอบุคคลสำคัญของประเทศเราขนาดนี้ ผมถือว่าผมมีความสุขมากจริงๆ”
ตุ๊กติ๊ก : “แล้วที่มีความสุขในฐานะพ่อกับแม่นะคะ คือน้องมินมินลูกสาวเรา เป็นบุญมากๆ ที่ได้ขึ้นเวทีร้องเพลงกับแม่โฉมฉาย คือเขาคือศิลปินในตำนาน ลูกเราไม่ได้เก่งขนาดนั้น”
เทห์ : “ได้รับโทรศัพท์จากพี่หนึ่งพี่เจี๊ยบนะครับ บอกว่าจะร้องเพลงอะไรของครูชาลี ผมก็งงว่าไปร้องที่ไหน มันเร็วมากๆ แล้วเขาก็บอกว่า มีผู้ใหญ่ที่ยินดีจะออกทุนให้ในการจัดคอนเสิร์ตในครั้งนี้ เราก็นึกในใจช่วงนี้เป็นช่วงโควิด คอนเสิร์ตดูได้ไม่เต็มที่ ก็ถามย้อนเขากลับไปว่าถ้ามันขาดทุน และเขาก็บอกว่า ผู้ใหญ่บอกมาแล้วต่อให้ขาดทุนก็ไม่เป็นไร แต่อยากให้งานนี้มันเกิดขึ้นมา ผมเลยรับปากไปร้องให้
ก็ไม่เคยคิดว่างานมันจะออกมาได้ยิ่งใหญ่ขนาดนี้ ถึงบอกว่างานนี้ได้มากน้อยแค่ไหน ก็ต้องมีเงินส่วนหนึ่งให้ครูชาลี ซึ่งเป็นบรมครูนักประพันธ์ ที่เรารักและเคารพมาก จากเด็กสลัมเป็นด็อกเตอร์สลัม ที่ทำให้งานนี้เกิดขึ้นมา ได้ประสบความสำเร็จ ส่วนเรื่องข่าวตัวเลขที่มันออกไป ที่มันเกินจริง ทางนี้เขาก็สามารถยืนยันได้ เคลียร์ได้ ว่ายอดที่แท้จริงที่เขาผลิตงานนี้ออกไป มันมียอดแค่นี้เอง ก็จะได้สบายใจกัน ว่าเงินส่วนที่เกินนี้ไป คือครูจะได้รับแน่นอน
ตัวเราเองก็มีความสุขแล้ว กับการที่มีโอกาสได้เป็นเศษเสี้ยวเล็กๆ บนเวที ผมภูมิใจครับ บรรยากาศงานมันมีความสุขมากๆ วันนี้ทางนี้เขาก็เลยอยากมาขอบคุณคนที่ช่วยออกเงิน คนที่ซื้อบัตร คนที่โอนเงินมาทำบุญ รวมทั้งแฟนๆ ทางบ้านด้วย”
วันนี้ชี้แจงแบบหมดเปลือก คงไม่มีดรามาอะไรแล้ว
ตุ๊กติ๊ก : “มันน่าจะมีการเข้าใจผิด แต่ตอนนี้ทุกอย่างมันก็แฮปปี้มีความสุข สิ่งที่เราเป็นส่วนหนึ่งของผู้จัด เราก็มีความสุข”
หนึ่ง : “แต่ที่ผมสำรองจ่ายไป 1 ล้าน ผมก็ไม่รู้จะทำยังไงนะ ก็กลับมานั่งทำเพลงต่อเนี่ย (หัวเราะ)”
ตุ๊กติ๊ก : “จะมีรอบ 2 ไหม เดี๋ยวให้เขาหายเจ็บก่อน (หัวเราะ) งานหน้างานไหน สนใจโปรดักชั่นใหญ่ๆ สวยๆ งามๆ แบบนี้ก็ติดต่อมาได้เลย”
”