คร่ำหวอดอยู่ในวงการมาเกือบ 40 ปี เมคอัพอาร์ททิสแถวหน้าของไทย “มล - กมล ฉัตรเสน” หรือที่รู้จักกันดีในนาม มี๊มล เล่าถึงประสบการณ์จำจนตายเสียเงินเฉียดล้านบินไปทำศัลยกรรมที่ต่างประเทศ หวังได้หน้าเด็กลง แต่กลับได้หน้าแก่ขึ้นพร้อมแผลน้ำเหลืองไหลกลับมาแทน
กมล ฉัตรเสน ย้อนเล่าประสบการณ์สุดช้ำว่า “จุดเริ่มต้นมาจากอยากดูแลตัวเอง อยากมีรูปโปรไฟล์ตัวเองสวยๆ ใน IG, FB เป็นช่องทางให้คนเห็นว่าเรายังทำงาน มีผลงานที่ดี เลยตัดสินใจทำศัลยกรรมหวังให้ตัวเองในวัย 63 ปียังดูดี ประกอบกับเอเจนซี่ที่พาไปนี้ เขาไปทำมาก่อน เราเห็นว่าเขาทำแล้วสวยดี แนะนำอะไรมาก็เลยเชื่อ บอกว่าจะได้ทำกับหมอใหญ่ชื่อดังเราก็ยิ่งมั่นใจ โรงพยาบาลที่จะไปทำก็มีสาขาย่อยในเมืองไทยด้วย
ค่าใช้จ่ายที่ตกลงกันคือ 7 แสนบาท เป็นการทำศัลยกรรมยกกระชับหน้า ยกกระชับคอ ยกกระชับใต้ตา ยกกระชับหน้าแก้ม ยกกระชับหน้าผาก และสลายไขมันกรอบหน้าและใต้คาง รวมค่าที่พัก 11วัน แต่ยังไม่รวมค่าตั๋วเครื่องบินไป-กลับ และค่าอาหาร
เมื่อตัดสินใจแน่วแน่ จึงออกเดินทางไปพร้อมกับความหวังและความมั่นใจ อดอาหารไปตั้งแต่ขึ้นเครื่อง เพราะไปถึงจะได้พร้อมทำได้เลย แต่หลังจากลงเครื่องบิน กว่าจะได้เข้าโรงแรม กว่าจะเดินไปโรงพยาบาล กว่าจะได้พบคุณหมอ รวมๆ เท่ากับว่าเราอดอาหารมากว่า 16 ชั่วโมงแล้ว ร่างกายเริ่มอ่อนเพลีย
แต่ระหว่างกำลังจะเข้าห้องผ่าตัด คุณหมอมาบอกว่าให้ทำศัลยกรรมเพิ่มจากที่ตกลงไว้ มลไม่แน่ใจว่าเรียกว่าอะไร แต่จะทำการขยับปากและจมูกเข้ามาใกล้กันจะทำให้ดูเด็กลง มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมอีก 3 แสนบาท ตอนนั้นบอกตรงๆ ว่างง แต่ไปถึงตรงนั้นแล้วไม่รู้จะทำอย่างไร เหมือนถ้าไม่จบเรื่องนี้ก็จะยังไม่ได้เข้าห้องผ่าตัด เลยให้ล่ามถามว่าไม่ทำได้หรือไม่ เพราะคุยตกลงกันมาจากที่ไทยแล้ว สุดท้ายจบที่เชียร์ให้ฉีดอาร์ติคอลเป็นฟิลเลอร์กึ่งถาวรราคา 1 แสนบาท ตอนนั้นต้องบอกให้เพื่อนที่ไทยโอนเงินมาจ่ายให้ก่อน จ่ายเสร็จเรียบร้อยจึงได้เข้าห้องผ่าตัด
หลังผ่าตัดตื่นขึ้นมายังไม่ฟื้นตัวดี รู้สึกว่าใจเต้นแรงและเร็ว อยู่คนเดียวก็ได้แต่สวดมนต์ขอให้อย่าเป็นอะไร หลังจากนั้นมีพยาบาลเข้ามาดูแล แต่ก็พูดกันไม่รู้เรื่อง สื่อสารไม่เข้าใจ เค้าส่งทิชชู่มาให้ซับแผล และพยายามสื่อสารว่าให้เราเดินเยอะๆ เพื่อไล่ลม ไล่แก๊สออกจากตัว แล้วก็ต้องเดินกลับโรงแรมด้วยตนเองระยะทางเกือบ 2 กิโลเมตร ฝนก็ตก อากาศก็หนาว
จากนั้นก็ต้องเดินไป-กลับเพื่อไปล้างแผลแบบนี้ทุกวัน ผ่านไป 3 วัน เริ่มรู้สึกว่าทำไมหน้าเบี้ยวเหมือนมนุษย์ต่างดาว แผลไม่หาย อาการบวมช้ำก็ไม่ดีขึ้น
หลังทำ 11 วัน ไปเจอคุณหมอครั้งสุดท้ายก่อนกลับไทย คุณหมอใช้เข็มดูดเลือดออกตรงแผลที่ไม่หาย อธิบายว่าเป็นเพราะเลือดคั่งถึงทำให้ยังเขียวช้ำ และบวม
พอกลับถึงไทย วันที่ไปตัดไหมตรงหลังหูที่คลินิกสาขาที่เมืองไทย คุณหมอบอกว่าแผลไม่แห้ง และได้ประสานงานกลับไปยังโรงพยาบาลที่เราไปทำมา ที่นู่นแจ้งกลับมาว่าเป็นอาการแพ้ไหม เราก็ได้แต่รับฟังแล้วก็กลับมาใช้ชีวิตปกติพร้อมกับแผลที่ยังไม่หาย ตอนนั้นช่วงประมาณเดือนธันวาคมปี 2562 ทางโน้นบอกให้บินกลับไปให้ดู เราก็คิดหนักไหนจะค่ารักษา ไหนจะค่าใช้จ่ายในการเดินทางอีก แต่ใจเราก็อยากจะกลับไปนะเพราะแผลไม่หายสักที
แต่แล้วก็มีสถานการณ์โควิดเข้ามาพอดี เลยไปซื้อยามาทาเองก่อน วันดีคืนดีแผลบวมช้ำมีน้ำเหลืองไหลออกมา พอทายาแผลยุบ พอมีอะไรไปสะกิดหน่อยก็บวมน้ำเหลืองไหล ได้แต่นึกสงสัยว่าอายุเยอะแผลเลยติดยากหรือเปล่า
จนผ่านไปเกือบ 10 เดือน นอกจากแผลยังไม่หาย หน้าก็เริ่มห้อย เกิดความเครียด และเป็นกังวลมาก เอเจนซี่ที่ดูแลก็แทบจะไม่ได้ช่วยแก้ไขปัญหาอะไรให้เลย จนไปทำงานแล้วได้เจอ คุณปุ้ย - พิมลวรรณ หุ่นทองคำ เขาเลยช่วยส่งรูปไปปรึกษากับแพทย์เฉพาะทางที่โรงพยาบาลศัลยกรรมตกแต่งดับเบิ้ลยูให้ แล้วคุณหมอก็นัดให้เข้ามาดูอาการ
ทีมแพทย์ที่โรงพยาบาลศัลยกรรมตกแต่งดับเบิ้ลยูเห็นแผลครั้งแรกก็บอกได้ทันทีว่ามีไหมที่ยังค้างอยู่ข้างในต้องรีบจัดการเอาออก ไม่เช่นนั้นอาจเกิดการติดเชื้อรุนแรงได้ ตอนนั้นหน้าข้างที่มีแผลก็ยุบลงไปแบบไม่ทราบสาเหตุ คุณหมอจึงนัดวันให้มาผ่าออกโดยเร็ว ซึ่งบอกตรงๆ มลไม่คิดว่าเรื่องนี้จะเกิดขึ้นกับตัวเองได้
วันที่นัดผ่าตัดแก้ไขปัญหาความผิดพลาดจากการทำศัลยกรรมมาจากต่างประเทศ ก่อนอื่นเลยต้องบอกว่าขั้นตอนการรักษาของไทยมีมาตรฐาน และมีบริการที่ดี มีการตรวจเลือด ตรวจวัดความดัน มีแพทย์วิสัญญีคอยดูแล เปรียบเทียบการฟื้นตัวหลังทำศัลยกรรมที่ต่างประเทศตอนนั้นอาการเหมือนคนกำลังจะแย่ ใจเต้นเร็วและแรง แต่ครั้งนี้ที่โรงพยาบาลศัลยกรรมตกแต่งดับเบิ้ลยูมลรู้สึกสบายตัว ไม่เจ็บ ไม่ทรมาน ทุกอย่างปกติ เรียกได้ว่าแตกต่างกันมาก”
ผลจากการผ่าตัด คุณหมอพบว่ามีเส้นไหมค้างอยู่ในหน้า และนอกจากจะผ่าแก้ไขเอาสิ่งแปลกปลอมที่ค้างอยู่ออกแล้ว คุณหมอยังทำศัลยกรรมใหม่ให้ด้วยการดึงหน้า 3 ส่วนบน กลาง ล่าง ทำตาสองชั้น และแก้ไขหนังตาตกโดยวิธีซ่อนแผลไว้ใต้คิ้ว ตัดไขมันใต้คาง และตกแต่งใบหูที่หย่อนยานให้ดูสาวขึ้น
คุณกมลเล่าต่อให้ฟังว่า “หลังทำทั้งหมดเพียง 1 วัน ออกจากโรงพยาบาลไปทานข้าวได้เลย ไม่เจ็บ บวมช้ำน้อยมาก ทำให้มลย้อนคิดเลยว่าบินไปทำศัลยกรรมที่ต่างประเทศ จะเสียเงินแพงกว่าทำไม ในเมื่อแพทย์ไทยเก่งไม่แพ้ชาติใดในโลก สื่อสารเข้าใจโดยตรง ไม่ต้องผ่านคนกลาง การบริการก็ดีมาก อยากให้ดูเคสของมลเป็นกรณีตัวอย่างการตัดสินใจผิดพลาด เงินเก็บมาทั้งชีวิต หวังจะสวย แต่ที่ได้คือหน้าพัง สูญเสียความมั่นใจ เครียด คิดมากจนเกือบเป็นโรคซึมเศร้า
มลต้องขอขอบคุณโรงพยาบาลศัลยกรรมตกแต่งดับเบิ้ลยู, แพทย์เฉพาะทาง, คุณปุ้ย-พิมลวรรณ ที่มีส่วนช่วยในการแก้ไขปัญหาศัลยกรรมที่ผิดพลาดจากต่างประเทศในครั้งนี้ มลซาบซึ้งใจเป็นอย่างมากเพราะเหมือนได้ชีวิตใหม่กลับคืนมา แถมเป็นชีวิตใหม่ที่สดใส สวยสมใจพร้อมรับกับการเข้าสู่โลกโซเชียลที่มลตั้งใจอย่างเต็มตัว”
เลือกโรงพยาบาลศัลยกรรมตกแต่งดับเบิ้ลยู โรงพยาบาลไทย มาตรฐานสากล ไม่ต้องไปเมืองนอก สอบถามเพิ่มเติมที่โทรศัพท์ 091-774-6666 ได้ทุกวันตั้งแต่เวลา 09.00 - 20.00 น. หรือเว็บไซต์ www.w-surgeryhospital.com
(Advertorial)
