xs
xsm
sm
md
lg

(ชมคลิป) “หมิว สิริลภัส” ถามกลับปวดหนักทำไมไม่ถ่าย ตอบแชตเพื่อ! ตร.คู่กรณีอ้างทำงานหนัก-เบลอ หนีกระเจิงเพราะกลัว

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ตร.คู่กรณีไหว้ขอโทษ “หมิว สิริลภัส” อ้างทำงานหนักและเบลอ ไม่เคยเข้าห้องน้ำปั๊มเกิดเหตุ อีกทั้งเล่นมือถือไปด้วยไม่ทันได้สังเกต ยอมรับกลัวหมิวเสียงดังและมีอาวุธ ด้านหมิวรับเห็นใจ แต่ยังไม่ปักใจเชื่อ ชี้ปวดหนักทำไมไม่ถ่าย ลั่นหากตั้งใจเกือบเป็นฆาตกรฆ่าตน ป่วยซึมเศร้า ซัดยา 10 เม็ด ไม่อยากตื่นมาเจอโลก




หลังจากตั้งโต๊ะแถลงข่าวกรณีถูกชายคล้ายตร.คุกคาม ตามเข้าไปในห้องน้ำหญิง ในปั๊มแห่งหนึ่ง ส่วนคู่กรณีอ้างไม่ทันสังเกตว่าเป็นห้องน้ำหญิง ก่อนโบ้ย “หมิว สิริลภัส กองตระการ”คิดไปเอง ล่าสุดหมิวได้เดินทางมาที่สน.พหลโยธิน เพื่อเคลียร์กับตำรวจคู่กรณี “ส.ต.ท. ศวัสกร หนูรี” หลังจากที่เข้าไปพูดคุยเจรจาในห้องสอบสวนนานกว่าหนึ่งชั่วโมง ทั้งคู่ก็มาให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนพร้อมกัน โดยฝ่ายตร.เผยว่าไม่มีความตั้งใจจะติดตามหรือแอบถ่ายใดๆ ทั้งสิ้น

ส.ต.ท. ศวัสกร : “วันนั้นผมไม่ได้ตั้งใจที่จะตามเข้าไปในห้องน้ำหรือว่าตามพี่นะครับ เริ่มแรกเลยผมก็มาคอยอยู่ที่สโมสรตำรวจ และขับรถมารับเพื่อนที่สน.พหลโยธิน แล้วก็เกิดปวดท้อง ก็แวะเข้าปั้มแค่นั้นเลยครับ ด้วยความที่ผมพักผ่อนน้อย และไม่เคยเข้าปั๊มนี้มาก่อน ก็เลยเข้าห้องน้ำผิด และเดินเล่นมือถือไปด้วยไม่ทันได้สังเกตอันนี้ผมต้องขอโทษจริงๆ ไม่ได้ตั้งใจครับ พอเข้าไปแล้วได้ยินเสียงที่คุณหมิวพูดมา แล้วเหตุการณ์ก็เกิดขึ้นตามคลิปขึ้นมาครับ”

หมิว : “แล้วทำไมถึงรีบออกไปโดยที่ไม่ได้แก้ตัวหรือว่าอธิบายให้หมิวเข้าใจล่ะคะ”

ส.ต.ท. ศวัสกร : “วันนั้นผมตกใจครับ และด้วยความที่พักผ่อนน้อย ก็เลยไม่มีสติที่จะทำอะไรครับ ทางผู้บังคับบัญชาก็เร่งรัดให้มาด้วย และกลัวจะโดนตำหนิด้วยครับ”

หมิว : “พักผ่อนน้อยหมายความว่ายังไงคะ ทำงานหนักมาตั้งแต่ก่อนวันนั้นเหรอคะ”

ส.ต.ท. ศวัสกร : “ใช่ครับ ก่อนหน้านั้นผมทำงานหนักเลิก 4 ทุ่ม และวันนั้นก็เข้าเวรตั้งแต่ตี 5 แล้วก็พอมีคำสั่งก็ออกไปใหม่ คือทำงานจราจรครับ ตื่นจากที่บ้านมาถึงสน.ตี 5 ครึ่ง แล้วก็ทำงานตั้งแต่ตอนนั้นจนถึงออกเวรประมาณ 5 ทุ่มครับ”

หมิว : “คือเป็นสถานการณ์ปกติที่เราต้องทำงานเหรอคะ”

ส.ต.ท. ศวัสกร : “พอเรามีเหตุการณ์ม็อบขึ้นมามันก็เลยพ่วงเข้ามาด้วยครับ ต้องเข้าเวรตี 5 ครึ่งอย่างนี้อยู่แล้วครับ แต่ว่าพอมีม็อบก็จะมีชุดปฎิบัติการอีกชุดนึง เราก็เลยต้องมาภารกิจนี้ด้วยครับ ซึ่งมันเป็นคำสั่งกะทันหัน ก็เลยต้องมาปฎิบัติครับ ส่วนหน้าที่ที่สน.ก็ต้องทำอยู่แล้วครับ”

หมิว : “แล้วที่คุยกันเบื้องต้นที่เล่าให้หมิวฟังว่าปวดท้องมาก ก็เลยรีบเข้าห้องน้ำไป แต่สิ่งที่หมิวสังเกตคือ เข้าห้องปุ๊บประตูยังไม่ได้ล็อก กลอนก็ยังไม่ได้ล็อก แล้วก็ยังไม่มีเสียงของการทำธุระใดๆ ทั้งสิ้น ไม่มีการถอดกางเกงใดๆ จะอธิบายยังไงคะ”

ส.ต.ท. ศวัสกร : “ที่ผมรู้สึกตัวเองนะครับ ผมเดินเข้าไป ผมก็ยังไม่ทันได้ทำอะไรเลย แล้วก็ได้ยินเสียงคุณหมิวครับ”

หมิว : “แต่ว่าโดยปกติวิสัยคนที่ปวดท้องมากๆ มันก็ต้องรีบเข้าห้องน้ำไม่ใช่เหรอคะ”

ตำรวจ : “ครับ อย่างที่ผมแจ้งว่าผมพักผ่อนน้อยจริงๆ ครับ ก็เลยเกิดอาการมึนงง”

หมิว : “ขอถามพี่ๆ นักข่าวสักคนนะคะ เวลาที่พี่ปวดท้องมากๆ เข้าห้องน้ำอย่างแรกพี่ทำอะไรคะ พี่มีอารมณ์เล่นมือถือก่อนที่จะทำธุระส่วนตัวมั้ยคะถ้าพี่ปวดท้องมากๆ อันนี้เป็นคำที่เราคุยกันแล้วหมิวรู้สึกว่ายังมีความย้อนแย้งอยู่ในตัว

แต่หมิวจะไม่ปักใจและจะยังไม่ตัดสินใดๆ ทั้งสิ้นว่าน้องตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ หรือเหตุการณ์สุดวิสัยนั้นเกิดขึ้นได้เพราะว่าทางเขาก็บอกว่าไม่เคยเดินทางมาแถวนี้ ก็อาจจะเกิดขึ้นจากการเข้าใจผิดได้ แต่ในสิ่งที่หมิวสงสัยตอนนี้จริงๆ ก็คือคนเราปวดท้อง ทำไมเข้าห้องน้ำแล้วถึงไม่รีบทำธุระส่วนตัวของตัวเอง ทำไมถึงต้องปล่อยเวลาให้มันนานถึงขนาดที่ว่า หมิวยืนสังเกตการณ์อยู่ตรงนั้นประมาณ 3 นาทีได้ พร้อมกับการถือมีดและถือวิดีโอเตรียมที่จะถ่ายคลิปไว้ เรื่องนี้เป็นเรื่องที่หมิวต้องการคำตอบค่ะ”

ส.ต.ท. ศวัสกร : “ก็ที่ผมได้แจ้งไปว่าผมอาจจะไม่ได้เดินตามไปทันที หรืออาจจะไปยืนรอนานขนาดนั้นครับ ก็เบลอนั่นแหละครับอย่างที่บอกไป คือมันไม่รู้ตัวเลย เท่าที่จำได้ก็คือเท่าที่ผมเล่าไปเบื้องต้นแค่นั้นเลยครับ”

บอกรอคลิปกล้องวงจรปิดจากตำรวจมาตรวจสอบอีกครั้ง
หมิว : “ตอนนี้หมิวฝากพี่ตำรวจดูกล้องวงจรปิดอีกมุมนึง ตรงที่เป็นที่จอดรถของหมิวว่ารถที่มาจอดข้างๆ หมิวเป็นรถอะไร คือถ้าเป็นรถคันอื่นๆ ที่ไม่ใช่รถตำรวจก็โอเค อันนั้นก็มีเหตุที่จะทำให้หมิวเชื่อใจได้ว่าน้องเขาอาจจะไม่ได้ตั้งใจที่จะเข้าห้องน้ำหญิงจริงๆ แต่ถ้าเกิดว่ากล้องตรงนั้นในร้านกาแฟจับภาพว่าเป็นรถตำรวจมาจอดข้างๆ หมิว แล้วถ้าเกิดหมิวเดินเข้าห้องน้ำไป แล้วเขาถอยรถไปจอดอีกที่นึง ซึ่งเขายืนยันว่าไม่ได้ทำแบบนั้น ก็ถือว่าเขาไม่ได้มีเจตนาที่จะตาม

แต่ถ้าเกิดเป็นรถตำรวจก็แสดงว่าเขามีเจตนาที่จะตาม ก็รอแค่คลิปของคุณตำรวจค่ะ แต่เขาก็บอกแบบมั่นใจมากว่าไม่ได้ตามมาจากไหน และเขาบอกว่ามีเจตนาแค่จะเข้าห้องน้ำแค่นั้นและไม่ทันได้มองเพียงแต่ว่าอาจจะใช้เวลาในการโซเชียลมีเดียนานไปสักนิดนึง ทั้งๆ ที่กำลังปวดท้องอยู่มากๆ แค่นั้นเอง”

ส.ต.ท. ศวัสกร : “ถามว่าทราบไหมว่าคุณหมิวเป็นดารา ผมไม่ทราบเลยครับ”

หมิว : “วันนั้นหมิวใส่เสื้อเหมือนคอกระเช้า กางเกงขายาวและใส่ผ้าคาดปาก ใส่แว่น”

ส.ต.ท. ศวัสกร : “ยืนยันว่าไม่ได้รับคำสั่งจากใครเลยครับ ไม่ได้ตั้งใจตาม ไม่ได้ติดตามมาจากที่ไหนครับ ไม่ได้มีเจตนาอย่างนั้นครับ”

บอกเหตุผลที่ดำเนินการล่าข้า เพราะเจ้าหน้าที่บอกมีเหตุการณ์ม็อบเกิดขึ้นก่อน
หมิว : “ถามว่ามาแจ้งความตั้งแต่วันที่ 7 แต่ทำไมไม่คืบหน้า ทางตำรวจเขาก็บอกว่าไม่ได้เป็นการแก้ตัวอะไร แต่อยากจะอธิบายให้ฟัง และเขาบอกว่าก่อนอื่นต้องขอโทษด้วยที่ทำให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น และหมิวไม่ได้รับการติดต่อประสานงาน เขาก็บอกว่าช่วงนั้นเกิดสถานการณ์วุ่นวายขึ้นเมื่อวันที่ 6 ก็คือมีสถานการอยู่ที่หน้าสน.พหลโยธินด้วย

ก็เลยทำให้คดีของหมิวอาจจะไม่ได้มีความคืบหน้า เพราะว่าตอนนั้นคดีที่จะต้องจัดการมันก็มีค่อนข้างเยอะพอสมควรที่เป็นคดีอื่นๆ เขาบอกมาแบบนั้นค่ะ แต่พอได้รับเรื่องหรือพอเรื่องมันเป็นประเด็นขึ้นมา ก็อาจจะทำให้ได้เห็นมั้งคะ และอาจจะทำให้ดำเนินการได้เร็วขึ้น

ถามว่าจะดำเนินการเรื่องนี้ได้เร็วสุดเมื่อไหร่ จริงๆ เบื้องต้นเท่าที่เราได้คุยกันแล้ว 50% หมิวตีความไว้ก่อนเลยว่าเขาไม่ได้มีเจตนา เพราะหนึ่งคือเขาไม่ได้เป็นตำรวจในพื้นที่นี้ เพราะตอนแรกที่หมิวเข้าใจคิดว่าเป็นตำรวจในพื้นที่นี้แต่น้องบอกว่าเป็นตำรวจของสน.ทุ่งมหาเมฆ ซึ่งหัวหน้าสังกัดของน้องก็รีบโทร.มาติดต่อประสานงานและแสดงความรับผิดชอบแล้วนะคะ

สองหลักฐานในการที่จะเอาผิด ตอนนี้ตำรวจบอกว่าถ้าเข้าข่ายอนาจารไหม ก็ยังไม่มี เพราะว่าการเข้าข่ายอนาจารคือคือต้องเห็นว่าเขายกมือถือขึ้นมาถ่ายหรือว่าชะโงกหัวเข้ามาในห้องน้ำของหมิว

ซึ่งหมิวก็บอกตามตรงว่าหมิวไม่ปรักปรำอยู่แล้ว หมิวเห็นแค่น้องโผล่หัวขึ้นมา ไม่ได้มีการชะโงกหัวเข้ามา เราคุยกันด้วยความจริง ถ้าผิดก็ว่าไปตามผิด แต่ถ้าเขาไม่ได้ทำหมิวก็ต้องบอกว่าเขาไม่ได้ทำ หมิวเห็นแค่เขาชะโงกหัวขึ้นมา เพราะฉะนั้นตำรวจบอกว่ายังไม่เข้าข่ายอนาจาร

และเรื่องรูปที่อยู่ในมือถือมันก็ยังไม่มี เพราะเขาก็มั่นใจว่าเขาไม่ได้ถ่าย ซึ่งหมิวก็ค่อนข้างมั่นใจว่าเขาจะยังไม่ได้ถ่ายแน่นอน เพราะว่าหมิวยืนสังเกตการณ์ตั้งแต่ตอนแรกอยู่แล้ว ถ้าจะทำได้ตอนนี้ก็คือเป็นความผิดเรื่องของการทำให้ตกใจอะไรประมาณนี้ค่ะ เป็นความผิดลหุโทษ ซึ่งถามว่าจะทำให้เป็นคดีความต่อไปไหม อันนี้ก็ต้องดูตามหลักฐาน ซึ่งหมิวก็ไม่รู้เรื่องของข้อกฎหมาย ก็ต้องดูว่าพี่ตำรวจเขาจะประสานงานให้ต่อยังไง

ถามว่าตอนที่เห็นน้องโผล่หัวขึ้นมา ลักษณะคือต้องยืนอยู่บนส้วมไหม หมิวไม่ทราบว่าตอนนี้นเขาอยู่บนโถหรือไม่ แต่หมิวสันนิษฐานว่าเขาไม่น่าจะอยู่บนโถ แต่หมิวน่ะอยู่บนโถ น้องอาจจะยืนอยู่ข้างล่างแล้วชะเง้อขึ้นมา พอเราเห็นก็เลยตะโกนขึ้นมาว่านี่ผู้ชายนี่หว่า เข้ามาในห้องน้ำหญิงได้ยังไง หัวเกรียนด้วย ตอนนั้นชะเง้อขึ้นไปเพราะห้องข้างๆ เราเข้าแล้วทำไมไม่ล็อกประตู ทำไมไม่ทำธุระสักที เพราะเราจะรอให้เขาทำธุระก่อน และเราก็จะทำเพื่อความปลอดภัยของเรา

เพราะหมิวรู้สึกไม่ปลอดภัยตั้งแต่มีรถมาจอดข้างๆ หมิวแล้วและไม่ลงรถสักที เราก็รอว่าถ้าคุณเริ่มเข้าห้องน้ำ คุณก็จะไม่มีมือที่จะมาทำอะไรเราแล้วแค่นั้นเองค่ะ แต่หมิวยืนรอแล้วมันก็นิ่งเงียบอย่างนั้นอยู่ประมาณ 3 นาทีก็สังเกตได้ถึงความผิดปกติ เราก็เลยตัดสินใจที่จะไม่เข้าห้องน้ำแล้ว และยืนสังเกตการณ์ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับห้องข้างๆ”

บอกไม่ขอฟันธงว่าอีกฝ่ายผิดหรือไม่ผิด ขอดูที่หลักฐานเพิ่ม
หมิว : “ถามว่าตำรวจพยายามช่วยกันเองไหม ไม่ทราบค่ะ เพราะหมิวไม่รู้ว่ากระบวนการของเขาเป็นยังไง หมิวก็เป็นแค่ประชาชนคนนึงที่มีเรื่องแล้วมาร้องทุกข์ เพราะว่าคนที่รู้กฎหมายและรู้ขั้นตอนการทำงานได้ดีกว่าก็คือคนที่เป็นตำรวจถูกไหมคะ”

ส.ต.ท. ศวัสกร : “ถ้าผลสอบสวนออกมา ผมก็ยอมรับผิดทุกกรณีครับ ทั้งโทษทางอาญาและวินัยทั้งหมดครับ ถ้าเกิดผลสอบสวนออกมาว่าผมผิดครับ ตอนนั้นถามว่าผมยืนบนโถส้วมไหม ผมยืนครับ มันยกสูงขึ้นมา แค่ยืนก็เห็นช่วงหัวแล้วครับ ตอนนั้นไม่ได้ใช้โทรศัพท์ถ่ายครับ ให้ตรวจสอบเรียบร้อยแล้วครับ กำลังดำเนินการตรวจสอบอยู่ครับ ไม่มีการลบอะไรครับ และพอออกมาผมตกใจจนไปขับรถชน ตอนนี้กำลังดำเนินการติดต่อไปที่ผู้เสียหายอยู่ครับ กำลังชดใช้อยู่ครับ”

หมิว : “แต่เบื้องต้นต้องบอกไว้ก่อนเลยนะคะว่าหมิวจะไม่มีการฟันธงใดๆ ทั้งสิ้นว่าน้องมีความผิดหรือไม่ เพราะว่าตอนนี้เรื่องของพยาน เรื่องของเอกสารทุกอย่าง หลักฐานทุกอย่างมันยังไม่ได้ชี้นำว่าน้องมีเจตนาหรือมีความตั้งใจเพราะฉะนั้นอยากให้ทุกคนลองชั่งน้ำหนักกันก่อนค่ะ ตอนนี้อยากให้โฟกัสเรื่องของการดำเนินคดี การตามคดีนี้ของหมิวมากกว่าค่ะ

ตอนที่คุยกันส่วนตัว น้องก็ยอมรับว่าวันนั้นน้องค่อนข้างทำงานหนัก และเบลอจริงๆ ก็เลยไม่มีสติพอที่จะจัดการกับวิกฤตที่มันเกิดขึ้นตอนนั้น สองคือหมิวเสียงดังและมีอาวุธอยู่ในมือ เขาบอกว่าเขากลัว ก็เลยรีบที่จะขับรถออกไปก่อน และไม่ได้รายงานผู้บังคับบัญชาของเขาด้วย ก็ทิ้งไปจนเป็นเรื่องขึ้นมานี่แหละค่ะ ก็เลยเพิ่งได้ไปบอกให้ผู้บังคับบัญชาได้ทราบค่ะ เรื่องคลิปที่ว่าจะเป็นรถคันไหนเข้ามาจอด ตอนนี้ตำรวจประสานงานอยู่ค่ะ บอกว่าน่าจะเป็นพรุ่งนี้เร็วที่สุดนะคะ หมิวว่าคงไม่เกินความสามารถของพี่ๆ ตำรวจนะคะถ้าจะตามจริงๆ

บอกเป็นโรคซึมเศร้า หนักถึงขั้นกินยานอนหลับไป 10 เม็ด ไม่คิดอยากจะตื่นอีกแล้ว
หมิว : “ถามว่าพอได้พูดคุยกันแล้วสบายใจขึ้นไหม เอาจริงๆ ที่ฟังมาทั้งหมดหมิวค่อนข้างเห็นใจเขาด้วยนะคะ หนึ่งคือการทำงานที่มันโอเวอร์โหลดเกินไป มันก็ส่งผลให้มีผลต่อสุขภาพ และมีผลต่อสติของน้องด้วย อันนี้มันเป็นเรื่องของการถูกใช้งานหนักเกินไปของตำรวจชั้นผู้น้อยนะคะ เราค่อนข้างเห็นใจ

อีกอย่างก็คืออยากจะฝากไปถึงผู้เกี่ยวข้องในทุกภาคส่วนว่าจริงๆ แล้วเราทุกคนต่างก็มีความเป็นมนุษย์เหมือนกัน ไม่ว่าจะกับใครก็แล้วแต่ เรื่องของการปฎิบัติกับคนที่อยู่ร่วมโลกด้วยกันเยี่ยงมนุษย์คนนึง

เหมือนที่วันนี้เขาก็ปฎิบัติกับหมิวในความบริสุทธิ์ใจว่าไม่ได้ทำ และขอโทษอย่างบริสุทธิ์ใจเช่นเดียวกัน หมิวก็จะปฎิบัติกับเขาเหมือนเพื่อนมนุษย์คนนึง โดยที่หมิวจะไม่ตัดสินไปก่อนว่าเขาเป็นคนผิด เพราะฉะนั้นก็อยากให้สังคมได้พิจารณาถึงน้ำหนักด้วยค่ะ อย่าเพิ่งไปด่วนตัดสินว่าเขาเป็นคนผิด ตอนนี้ให้มองว่าเขาก็เป็นอีกคนนึงที่เป็นผลจากการที่โดนทำงานหนักดีกว่า และอาจจะเป็น human error สักอย่างนึง เลยทำให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นได้

อันนี้หมิวมองในแง่ของความเข้าใจเขานะ แต่ถ้าเกิดมันเกิดเหตุการณ์ที่เป็นแบบนี้และเป็นเหตุการณ์ที่เขาตั้งใจจริงๆ ก็ได้เล่าให้เขาฟังไปแล้วค่ะว่ามันสร้างบาดแผลให้กับผู้หญิงคนนึงยังไง เหตุการณ์ก่อนหน้านี้ที่หมิวจะมาแจ้งความ 2 อาทิตย์ที่ผ่านมาเป็น 2 อาทิตย์ที่นรกแตกสำหรับหมิวมากหลังจากที่เจอเหตุการณ์อื่นๆ ก่อนหน้านี้มา แล้วมาเจอเหตุการณ์แบบนี้อีก จนหมิวต้องหนีไปเยียวยาตัวเอง ซึ่งก่อนที่จะเยียวยาตัวเอง หมิวป่วยเป็นโรคซึมเศร้าค่ะ และทุกครั้งที่อาการกำเริบขึ้นมาหมิวรู้สึกว่าโลกใบนี้มันไม่น่าอยู่

จนเหตุการณ์นี้มันกระตุ้นหมิว ทำให้หมิวกินยานอนหลับไป 10 เม็ด คิดว่าวันรุ่งขึ้นหมิวจะไม่ตื่นมาเจอโลกใบนี้อีก ซึ่งหมิวบอกเขาไปแล้วว่าถ้าเหตุการณ์นี้เป็นเหตุการณ์ที่เขาจงใจที่จะกระทำจริงๆ มันได้สร้างบาดแผลให้กับผู้หญิงคนนึงไปแล้ว แต่ถ้าเขาไม่ได้ตั้งใจ หมิวก็พร้อมที่จะให้อภัยเขา แต่ถ้าเกิดว่าเขาตั้งใจและโกหก ก็โปรดจงรับรู้ไว้เลยว่าคุณเป็นฆาตกรที่เกือบฆ่าผู้หญิงคนนึงมาแล้ว”













กำลังโหลดความคิดเห็น