“หมิว สิริลภัส” ฉุนตร. หาว่าคิดไปเองถูกคุกคามทางเพศ เตรียมเผชิญหน้าคู่กรณี หวังว่าจะได้รับความยุติธรรม สะอื้นต่อไปจะไว้ใจใครได้ เป็นประชาชนแต่ถูกตร.คุกคามซะเอง พ้อไม่กล้าออกไปแม้แต่เซเว่น ย้ำหนักๆ ประชาชนรอดูการทำงานของตร.
กลายเป็นประเด็นอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว หลังจากที่นักแสดงสาว "หมิว สิริลภัส กองตระการ" โพสต์คลิปถูกตร.คุกคาม โดยอีกฝ่ายตามเข้ามาในห้องน้ำพร้อมกับโทรศัพท์มือถือ เชื่อจงใจที่จะถ่ายคลิปเพื่อกระทำอนาจาร เหตุการณ์เกิดเมื่อวันที่ 6 ม.ค. ที่ผ่านมา ล่าสุดวันนี้ (22 มี.ค.) หมิว สิริลภัส ได้ตั้งโต๊ะแถลงข่าวถึงเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้น
“เรื่องราวทั้งหมดเริ่มต้นตอนกลางคืนเมื่อวันที่ 6 หมิวขับรถไปส่งเพื่อนที่ลาดพร้าวซอย 8 พอเสร็จหมิวก็ขับรถกำลังจะไปคุยงานเรื่องเพลงที่ซอยรัชดา 32 ต่อ ก่อนหน้านั้นคือรู้สึกปวดท้องอยากจะเข้าห้องน้ำ ก็เลยจะแวะปั๊มเข้าห้องน้ำนะคะ คือวันนั้นต้องบอกว่ามันมีการชุมนุมเกิดขึ้น แล้วหมิวก็เดินทางคนเดียว เป็นผู้หญิงด้วย และตอนนั้นช่วงเวลามันค่อนข้างดึกแล้ว ก็เลยมีความระมัดระวังตัวด้วยส่วนนึงอยู่แล้วนะคะ
พอจอดรถเสร็จก็เห็นรถอีกคันนึงมีจอดอยู่ด้านข้าง เราก็เลยรู้สึกถึงความไม่ค่อยปลอดภัย เพราะรถคันข้างๆ เขาก็ยังไม่ลงสักที หมิวก็ยังไม่ลง เขาก็ยังไม่ลง แต่เราก็ไม่ไหวแล้วต้องการที่จะเข้าไปทำธุระส่วนตัวเราแล้ว ก็เลยตัดสินใจหยิบมีดปอกผลไม้ที่อยู่ในเก๊ะหน้ารถไปด้วย พร้อมกับโทรศัพท์มือถือ แล้วก็เดินเข้าไปที่ห้องน้ำ ตอนแรกก็ยังไม่ได้เอะใจอะไร แต่ทีนี้ตอนที่เราเดินเข้าห้องน้ำ ก็ได้ยินเสียงคนนึงเข้าห้องน้ำมา เขาก็เข้าห้องเยื้องไปทางด้านซ้ายของหมิว
ซึ่งด้วยความที่หมิวเป็นคนระวังตัวและระแวงอยู่แล้ว ก็เลยตัดสินใจที่จะยังไม่เข้าห้องน้ำ คือห้องน้ำของปั๊มมันไม่ได้เป็นชักโครกใช่ไหมคะ เราก็สามารถยืนบนนั้นได้ มือนึงก็ถือมีดอยู่ มือนึงก็ถือโทรศัพท์อยู่ ปกติธรรมชาติคนเวลาที่เข้าห้องน้ำมา เราก็จะเข้ามาปิดประตูแล้วก็ถอดกางเกงเพื่อทำธุระส่วนตัวถูกไหมคะ แต่ห้องนั้นหมิวมองเข้าไปประตูห้องน้ำเขาไม่ได้ล็อก สองคือไม่ได้ยินเสียง ในการที่จะถอดกางเกงหรือจะทำอะไรเลย ก็เริ่มเอะใจแล้วว่ามันผิดวิสัยคนจะเข้าห้องน้ำ
ก็เลยยังไม่ได้ทำธุระตัวเอง แต่ยืนอยู่บนโถส้วมนั่นแหละ ยืนดูไว้ว่าเมื่อไหร่เขาจะเข้าห้องน้ำ เพราะถ้าเขาเข้าห้องน้ำเสร็จแล้วออกไป หมิวก็จะได้เข้าห้องน้ำ และเรื่องก็จะไม่เกิดเลยถูกไหมคะ แต่ทีนี้ห้องนั้นเงียบ หมิวก็เลยไม่กล้าเข้าสักที เหมือนดูเชิงกันไปมา เราก็ไม่กล้าชะเง้อไปเยอะ ทีนี้ก็มีจังหวะที่เหมือนเขาชะเง้อขึ้นมาพอดี เราก็เลยเห็นว่า อ้าว นี่มันผู้ชายหัวเกรียนนี่หว่า หมิวก็เลยถามว่าอะไรน่ะ แล้วก็เป็นไปตามคลิปเลยค่ะ”
มั่นใจอีกฝ่ายยังไม่ได้ถ่ายคลิปของตนแน่นอน
“ตอนแรกก็คุยกันระหว่างห้องน้ำก่อนค่ะ หมิวตะโกนถามไปว่าพี่ทำอะไร แล้วก็เป็นไปตามคลิปที่หมิวโพสต์ไปในเฟซบุ๊กเลยค่ะ เขาก็รีบออกจากห้องน้ำไป หมิวก็ถือมีดตามออกไปเลยบอกว่าพี่เข้าห้องน้ำหญิงทำไม เขาก็ปฎิเสธตามในคลิปเลยว่าไม่มีอะไรครับ หมิวบอกไม่มีอะไรได้ยังไง แล้วเข้าห้องน้ำหญิงทำไม แล้วเจตนาก็ถือมือถืออยู่จะเข้าไปถ่ายอะไรหรือเปล่า แต่เขายังไม่ได้ถ่ายแน่นอนค่ะ เพราะถ้าเขาถ่ายเนี่ยหมิวต้องเห็นว่ามีการยื่นมือถือออกมา
แต่ถ้าจะไปตามว่ามีคลิปอยู่ในนั้นไหม หมิวก็ค่อนข้างมั่นใจว่าถ้าเป็นคลิปของหมิวไม่มีแน่นอน เพราะว่าหมิวดูตั้งแต่เขายังไม่เริ่มทำอะไรเลย แล้วเขาก็บอกว่าไม่มีอะไรๆ ผมบริสุทธิ์ใจครับ เขาก็เปิดมือถือให้ดู (โชว์รูป) หมิวก็ไม่กล้าถ่ายวิดีโอที่จะเห็นหน้าเขาเต็มๆ เพราะถ้าดูจากกล้องจะเห็นว่าเขาค่อนข้างตัวพอๆ กับหมิวเลย และเป็นผู้ชายที่ตัวค่อนข้างใหญ่ ซึ่งหมิวก็ประเมินดูแล้วว่าถ้าเกิดหมิวทำอะไรที่มันล้ำเส้นเขาเกินไป หมิวอาจจะโดนทำร้ายร่างกายได้ และตรงนั้นก็ไม่รู้ว่าใครจะช่วยหมิวได้บ้าง
พอเขาปฎิเสธเสร็จเขาก็รีบขึ้นรถเลย หมิวก็พยายามจะยื้อประตูรถเขาไว้ แต่ยื้อไม่ไหวจริงๆ เขาก็ปิดประตูรถไป และที่ตกใจที่อยากให้ทุกคนเห็นคือนี่มันรถตำรวจ แล้วเขาตามเรามาทำไม หรือเขามีจุดประสงค์อะไร หมิวก็ยิ่งตกใจว่านี่มันคือการคุกคามนะ ไม่ใช่คุกคามธรรมดาด้วย นี่คือการคุกคามทางเพศนะคะ
ตอนที่เขายื่นโทรศัพท์ให้ดูหมิวก็ไม่กล้าไปคว้ามาเหมือนกันค่ะ เพราะว่ามันก็เป็นสิทธิ์ของเขา แต่ว่าหมิวค่อนข้างมั่นใจว่าเขาไม่ได้ถ่ายหมิวแน่นอน ถามว่าหลังจากเขาเข้าห้องน้ำไปได้มีการถอดกางเกงหรือทำอะไรไหม ไม่ได้ยินค่ะ ปกติเวลาเข้าห้องน้ำจะต้องได้ยินเสียงในการปลดกระดุมแต่อันนี้หมิวไม่ได้ยินอะไรเลย หลังจากนั้นสภาพการแต่งกายเรียบร้อยเหมือนเดิมทุกอย่าง แต่ท่าทีเขาก็ดูตกใจค่ะ บอกไม่มีไรครับๆ
เขาใส่เครื่องแบบหรือเปล่า หมิวจำไม่ได้จริงๆ วันนั้น ต้องขอโทษจริงๆ หมิวไม่กล้าฟันธงว่าเขาใส่ชุดอะไร เพราะว่าด้วยความที่หมิวตกใจ และตอนนั้นค่อนข้างดึก แต่แสงไฟบริเวณนั้นก็ไม่มืดนะคะ สว่าง แต่หมิวตกใจและค่อนข้างโมโห แต่รายละเอียดที่จำคือรถที่เขาขับมามากกว่า”
ยืนยันป้ายห้องน้ำเห็นชัดเจน ไม่มีทางเข้าผิดแน่
“ตอนที่ออกมาเจรจากับเขา มีเด็กปั๊มอยู่ค่ะ แล้วหมิวค่อนข้างเสียงดัง แต่ถามว่ามีลูกค้ารายอื่นไหม ตอนนั้นไม่มีค่ะ ถามว่ามีอะไรที่สื่อว่าเขาคุกคามเรา เขาพูดแค่ว่าผมไม่มีอะไรครับๆ ผมบริสุทธิ์ใจ ซึ่งหลักฐานมีในคลิป หมิวไม่สามารถไปบิดคำพูดเขาได้แน่นอน
ที่เขาให้ข่าวว่าเขาไม่รู้ว่านั่นคือห้องน้ำผู้หญิง ก็ถ้าหลังจากแถลงข่าวเสร็จถ้าพี่ๆ สื่อว่าง หมิวจะไปเจอกับคู่กรณีที่สน. พหลโยธินต่อ ถ้าใครสะดวกก็เรียนเชิญตามไปนะคะ เพราะหมิวมีภาพที่จะให้เขาดูว่า (โชว์รูป) ณ จุดที่มีรถกระบะเป็นจุดที่เขาจอดรถ เห็นป้ายห้องน้ำไหมคะ นี่คือห้องน้ำแยกนะคะ ไม่ใช่ห้องน้ำรวม ที่เขาบอกว่าเป็นห้องน้ำรวม อันไหนคือหลักฐานว่าเป็นห้องน้ำรวมคะ
การเดินเข้าไปป้ายก็บอกชัดเจนมากว่านี่คือห้องน้ำหญิง พอเดินตรงเข้าไปอีกก็คือห้องน้ำชาย ชัดเจนมากนะคะป้ายเหลืองแดง แล้วตรงนั้นมีไฟด้วยนะคะถ้าดูจากกล้องวงจรปิด เขาจะมาอ้างได้ยังไงคะว่าเขาดูป้ายผิด เขาดูป้ายไม่ได้ วิดีโอหมิวก็มีนะคะ หมิวให้น้องไปถ่ายว่าหลังจากลงรถมาแล้วเดินไปมันสามารถมีการเข้าใจผิดได้ไหม ซึ่งหมิวดูเป็น 10 รอบแล้ว หมิวไม่เห็นถึงช่องว่างอะไรที่จะทำให้เขาเดินเข้าไปผิดได้เลย
ถ้าเขาบอกว่าเขาปวดฉี่มาก เขาไม่ได้สังเกต เดี๋ยวรอดูกล้องวงจรปิดดีไหมคะ หมิวว่าคำตอบจากกล้องวงจรปิดน่าจะชัดเจน อาจจะต้องไปขอความร่วมมือจากตำรวจ หมิวก็อาจจะต้องขอความร่วมมือจากพี่ๆ สื่อด้วยในการที่จะไปขอคลิปกล้องวงจรปิดจากคุณพี่ตำรวจเขา เพราะที่หมิวได้มาจากพี่ๆ นักข่าวคือได้มาแค่ภาพและหมิวอยากถามคำถามเดียวคือถ้าเจตนาบริสุทธิ์ใจแล้วเข้าห้องน้ำผิดจริงๆ คำแรกที่ควรจะพูดออกมาคืออะไร ควรต้องบอกว่าน้องใจเย็นๆ ก่อน พี่ขอโทษ พี่ไม่รู้ พี่เข้าใจผิด แต่นี่เขาปฎิเสธตั้งแต่แรกเลยว่าไม่มีอะไรครับ ผมเจตนาบริสุทธิ์ครับ นี่คือประโยคของคนที่เจตนาบริสุทธิ์เหรอคะ หมิวถามแค่นี้
ถามตอนที่เราแอบดูอยู่ เขาได้ทำธุระเขาหรือเปล่า ไม่มีเลยค่ะ มันเงียบ เหมือนกำลังดูกันอยู่ว่าใครจะโผล่ขึ้นมาหาใครก่อน อยู่ในนั้นก็น่าจะเกือบๆ 3 นาทีได้มั้งคะ ถามว่าในห้องน้ำตอนนั้นมีเรากับเขาที่เข้าไปแค่ 2 ห้องใช่ไหม ถ้าจำไม่ผิดก็น่าจะมีแค่นั้นแหละค่ะ หมิวก็ไม่ได้สังเกตเหมือนกัน เพราะตอนที่เข้าไปก็ทั้งระแวงด้วย ทั้งรีบด้วย เราก็อยากจะปัสสาวะของเราด้วย แต่พอเข้าไปแล้วได้ยินคนเดินตามเข้ามา สัญชาตญาณของความระวังตัวของเราก็เลยสงสัยว่าใคร”
บอกถึงไม่มีหลักฐานว่าอีกถ่ายถ่ายคลิปตน แต่ก็ถือเป็นการคุกคามแล้ว
“หมิวมั่นใจว่าเขาไม่ได้ถ่ายภาพเราค่ะ ถามว่าถ้าทางกฎหมายไม่มีหลักฐาน เราจะดำเนินคดีเขายังไง หมิวว่าเจตนาในการเดินตามเข้าห้องน้ำผู้หญิงก็เป็นการคุกคามทางเพศแล้วนะคะซึ่งถ้าเขาอ้างว่าเขาป่วยทางจิต แล้วติดตามเรา มันก็คือการคุกคามใช่ไหมคะ แล้วมันจะต้องไม่มีความผิดเหรอคะ ถามว่าเรามองว่าเขาเป็นโรคจิตไหม หมิวว่ามันเป็นการละเมิดสิทธิส่วนบุคคลค่ะ นี่คือการเข้าห้องน้ำของหมิว และนี่คือห้องน้ำหญิงซึ่งแยกไว้เฉพาะเป็นสัดส่วนให้ผู้หญิง เพศสภาพหญิงเข้า แต่เขาเพศสภาพชาย ไม่ควรเข้ามาในห้องน้ำหญิง
ถ้าถามจุดประสงค์อื่น อย่างเช่นเรื่องการเมือง อันนี้ต้องไปถามเขาค่ะ เพราะหมิวไม่อยากตัดสินอะไรทั้งสิ้น เพราะมันสามารถตีความไปได้ทุกแบบ แต่คนที่รู้ดีที่สุดของเจตนานี้คือพี่เขาค่ะ หมิวไม่อยากตีความไปเป็นแบบไหนเลยค่ะ เพราะคิดไปทางไหนมันก็ทำให้สภาพจิตใจหมิวค่อนข้างย่ำแย่ทุกกรณี ก่อนหน้าเจอแต่คุกคามทางอินเตอร์เน็ต ทางไดเร็กไอจีมีเป็นปกติอยู่แล้ว แต่ที่มาตามตัวเป็นๆ แบบนี้ไม่เคยเจอค่ะ และไม่เคยเจอจากอาชีพนี้ด้วยค่ะ”
บอกที่เตรียมที่มีดไว้เพื่อป้องกันตัวเท่านั้น
“หมิวขับรถไปต่างจังหวัดทำงาน หมิวเป็นผู้หญิงเดินทางคนเดียวอยู่แล้ว และมันคือมีดปอกผลไม้ค่ะ มันไม่ใช่มีดที่เอาไว้เป็นอาวุธ และในการเดินทางคนเดียวหมิวว่ามันไม่ผิดนะคะที่เราจะพกอะไรไว้ เพราะว่าเราเป็นผู้หญิง ถ้าเกิดอะไรขึ้นมาอย่างน้อยมันก็เป็นอุปกรณ์นึงที่น่าจะสามารถช่วยชีวิตเราได้ คือหมิวไม่ได้คิดจะใช้มีดอันนี้เพื่อเป็นอาวุธเอาไปทำร้ายคนอื่น แต่พกไว้เพื่อเป็นสิ่งที่ป้องกันตัวเองจากการถูกทำร้าย หมิวก็พกมีดอันนี้ไว้ตั้งแต่เริ่มขับรถเลยค่ะ
ถามว่าเพราะเหตุการณ์ช่วงนี้หรือเปล่าที่ทำให้เราต้องระวังตัวเองมากขึ้น ไม่ใช่เลยค่ะ ตั้งแต่เริ่มขับรถเลยค่ะ แต่ปกติไม่เคยถือเอาลงจากรถเลยค่ะ แต่วันนั้นรู้สึกถึงความไม่ปลอดภัย แล้วคิดดูสิคะถ้าเกิดวันนั้นหมิวไม่พกมีดลงไป ถ้าหมิวไม่ระวังตัวล่ะ ถ้าเกิดหมิวมัวแต่เดินเล่นมือถือหรือว่าหมิวไม่มีสติล่ะ ถ้ามันเกิดเหตุการณ์อะไรที่มันร้ายแรงกว่านี้ขึ้นล่ะคะ ถามว่าเซ้นส์บอกตั้งแต่จอดรถเลยว่ารถที่จอดข้างๆ ไม่ปกติ หมิวแค่รู้สึกถึงความไม่ปลอดภัยเฉยๆ ค่ะจริงๆ รถข้างๆ อาจจะไม่ใช่รถที่อันตรายก็ได้นะคะ อาจจะไม่ใช่รถตำรวจ เพราะหมิวไม่ได้ทันสังเกตเหมือนกัน แต่หมิวแค่รู้สึกว่ามันไม่ปกติแค่นั้นเอง
ตอนนี้ยังไม่ได้คุยกับคู่กรณีค่ะ เดี๋ยวจะไปคุยหลังจากแถลงข่าว ทางต้นสังกัดของตำรวจท่านนี้ได้มีการติดต่อมาค่ะ เจ้าหน้าที่จากสน.ทุ่งมหาเมฆ พอทราบเขาก็รีบหาเบอร์ติดต่อและโทร.มาบอกว่าตอนนี้ได้ทราบเรื่องแล้ว เขาก็ได้ถามถึงคนก่อเหตุแล้วว่าวันนั้นไม่ได้มีการรายงานใดๆ เกิดขึ้นเลย พอทราบข่าวตอนนี้เขาก็พยายามสอบสวนและดำเนินการให้ได้ไวที่สุด ถ้าหมิวอยากได้รายละเอียดเพิ่มเติมเขาก็พร้อมที่จะประสานงานให้ค่ะ แต่ยังไม่ได้ชี้แจงว่าคู่กรณีมาปฏิบัติหน้าที่หรือเป็นเรื่องส่วนตัวค่ะ บอกเพียงแค่ว่าจากการที่ได้สอบถามเบื้องต้นเขาบอกว่าเขาเข้าไปทำธุระในห้องน้ำ แล้วอยู่ดีๆ ก็ได้ยินเสียงโวยวายจากหมิว
เขาก็ไม่มีท่าทีในการจะพยายามติดต่อหรือมาเจรจากับหมิว เขาคิดว่าเรื่องคงเงียบมั้งคะ เพราะว่าหลังจากที่หมิวแจ้งความไปวันที่ 7 เรื่องเกิดวันที่ 6 แล้วก็หายไปอีก 2 อาทิตย์ที่หมิวไปฟื้นฟูสภาพจิตใจเยียวยาตัวเองก็ไม่ได้รับการติดต่อใดๆ ทั้งสิ้นมาเลย จนตัดสินใจโพสต์เฟซบุ๊ก แล้วก็เลยได้รับการติดต่อมาทันทีค่ะ”
บอกถ้าเป็นการเข้าใจผิดจริงก็พร้อมอภัย แต่ถ้าผิดแล้วไม่ยอมรับ ตนจะเอาเรื่องถึงที่สุด
“ตอนแรกอยากคุยเป็นการส่วนตัวก่อน หมิวอยากทราบถึงเหตุผลของเขา ถ้าเขาไม่ได้ตั้งใจจริงๆ ถ้าเขาเข้าห้องน้ำผิดจริงๆ หมิวพร้อมที่จะยกโทษและให้อภัย เพราะว่าเกิดมีความผิดจริงๆ แล้วเขาจะต้องโดนลงโทษทางวินัยและโดนไล่ออกจากงาน ถ้าเกิดเขามีครอบครัว ลูก ภรรยา หมิวก็ไม่อยากไปทำให้ภรรยาและลูกเขาเดือดร้อน
แต่ว่าสิ่งที่หมิวได้ยินมาเขามีการกล่าวอ้างว่า หมิวคิดไปเอง หมิวไปโวยวายเอง ห้องน้ำรวมหรือเปล่า หมิวก็รู้สึกว่าถ้าเป็นแบบนี้เจตนามันไม่บริสุทธิ์ใจหรือเปล่า ถ้าเขาบอกว่าเขาเข้าห้องน้ำผิด เขาพร้อมจะขอโทษ หนูก็พร้อมจะให้อภัยนะคะ แต่สิ่งที่หมิวได้ยินเขากลับมาว่าเขาไม่ผิด นั่นคือห้องน้ำรวมแล้วหมิวมาโวยวายเอาเอง เพราะฉะนั้นหมิวอยากให้เป็นเรื่องของกระบวนการตามกฎหมาย แล้วก็อยากให้ดำเนินการเต็มที่และอยากให้เป็นเคสตัวอย่าง เพราะตำรวจเป็นอาชีพที่ประชาชนควรจะต้องไว้ใจไม่ใช่เหรอคะ
ถามว่ามั่นใจในกระบวนการยุติธรรมไหม ก็ต้องฝากพี่ๆ สื่อมวลชนติดตามนี่แหละค่ะ เพราะว่าสิ่งเดียวที่ตอนนี้หมิวมีคือสื่อมวลชน เพราะว่าหมิวไม่สามารถไปตามอะไรตรงนั้นได้อีกแล้ว ในวันที่หมิวไปแจ้งความ 2 อาทิตย์ที่หายไป หมิวก็ไม่ได้รับการติดต่ออะไรจากทางสน.พหลโยธิน จนหมิวใช้สื่อโซเชี่ยลแล้วก็ได้รับการตอบรับจากพี่ๆ สื่อ เพราะฉะนั้นหมิวคิดว่าสิ่งที่หมิวมีอยู่คือสื่อและประชาชนทุกคนที่เห็นถึงความไม่ยุติธรรมในครั้งนี้
หมิวเป็นประชาชนคนนึงถ้าจะพูดในฐานะเป็นกระบอกเสียงของประชาชนคนนึงก็อยากจะบอกว่า เรามีสิทธิ์ขั้นพื้นฐาน เราแค่อยากได้ความปลอดภัยจากการใช้ชีวิตประจำวันแค่นี้เอง ทำไมตำรวจถึงให้เราไม่ได้ ตำรวจทำงานอะไรอยู่ หน้าที่หลักของตำรวจคืออะไร ไม่ใช่การดูแลความปลอดภัยของประชาชนเหรอ ตอนนี้ประชาชนคนนึงถูกคุกคามจากอาชีพที่ควรจะได้รับความไว้วางใจมากที่สุด แต่ดันกลับมาคุกคามประชาชนเสียเอง อย่างนี้จะให้หมิวไปไว้ใจหรือพึงพาใครได้
ถามว่าไม่เชื่อมั่นว่าจะได้รับความยุติธรรมแล้วหรือเปล่า หมิวยังมั่นใจนะคะว่ายังมีตำรวจท่านอื่นอีกหลายคนที่พร้อมจะให้ความยุติธรรมกับหมิว และอีกหลายๆ คดี หมิวยังมั่นใจในกระบวนการยุติธรรมอยู่ หมิวก็ยังอยากให้มันเกิดขึ้นและหมิวก็เชื่อว่ายังมีหลายๆ คนที่ยังติดตามข่าวนี้ อยากให้มันเกิดขึ้นค่ะ เพราะตอนนี้หมิวว่าความเชื่อมั่นของตำรวจกับประชาชนมันค่อนข้างห่างกันมากแล้ว หมิวว่าถ้าเขาแสดงออกได้เรื่องนี้จะเป็นเคสที่ดี ในการเรียกความเชื่อมั่นของเจ้าหน้าที่กลับมาค่ะ
ตั้งใจจะให้คดีสูงสุดถึงไหนเหรอ ก็เท่าที่ตำรวจจะกรุณาประชาชนได้ค่ะ ตอนนี้สภาพจิตใจดีขึ้นค่ะ แต่ถามก่อนหน้านี้ก็ค่อนข้างแย่ค่ะ คนรอบข้างเขาก็บอกว่าให้ระวังตัวในการจะเดินทางไปไหนมาไหนคนเดียว เพราะว่าหมิวไม่เคยคิดว่าตัวเองจะไม่ปลอดภัยขนาดนี้มาก่อนค่ะ เพราะปกติหมิวก็ไปไหนมาไหนคนเดียวอยู่แล้วนะคะ ไม่คิดว่ากรุงเทพฯ จะเป็นเมืองที่ไม่ปลอดภัยนะคะ หมิวสามารถออกไปหาอะไรกินตอนกลางคืนได้ แต่ตอนนี้แค่ออกไปเซเว่นหมิวยังไม่กล้าเลยค่ะ”
บอกอยากให้ตำรวจออกมาแสดงให้เห็นถึงการทำงานในกรณีนี้ให้ชัดเจน
“ถ้าไปเจอคู่กรณีแล้วเขาขอไกล่เกลี่ย ก็ให้เป็นเรื่องของทางคดีความทางกฎหมายที่จะต้องดำเนินการเขาให้ถึงที่สุด แต่ว่าเบื้องต้นขอคุยกับเขาก่อนดีกว่าว่ากับการที่เขาพูดแบบนั้นไป เดี๋ยวจะเอารูปห้องน้ำไปให้เขาดูด้วยว่า นี่คือห้องน้ำแยก ไม่ใช่ห้องน้ำรวม ถ้าเขาออกมาแถลงข่าวขอโทษ ไม่ต้องถึงขนาดนั้นหรอกค่ะหมิวไม่ได้อยากให้เขาออกมาขอโทษขนาดนั้น สิ่งที่หมิวอยากออกมาเรียกร้องตอนนี้คือหมิวอยากเห็นว่าวันนี้พี่ๆ ตำรวจมีการทำงานกันอย่างไร และสามารถออกมาทวงความยุติธรรมให้กับหมิว ตัวแทนของประชาชนที
ถ้าทำแบบนี้แล้วเหตุการมันเกิดขึ้นกับน้องสาวเขา กับแฟนเขา ภรรยาเขา หรือกับลูกสาว หรือกับคนที่เขารักมันจะเกิดอะไรขึ้น ถ้าเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นแล้วมันไม่ได้จบแค่หมิวตามเขาออกมา ถ้าคนนั้นเป็นคนร้ายจริงๆ หมิวโดนทำอะไรขึ้นมาจริงๆ คนแก่ที่บ้านสองคนจะอยู่ยังไง หมิวเป็นลูกผู้หญิงคนเดียวที่เลี้ยงดูคนที่บ้าน ถ้าเกิดหมิวเป็นอะไรขึ้นมาพ่อกับแม่หมิวจะอยู่ยังไง ถ้าเรื่องนี้มันไปเกิดขึ้นกับลูกสาวของบ้านไหนขึ้นมามันไม่ได้ทำร้ายแค่ชีวิตของคนๆ เดียว มันทำร้ายทั้งสถาบันครอบครัว แล้วมันก็สร้างบาดแผลให้กับคนๆ นึง หมิวว่าเรื่องนี้มันไม่ใช่เรื่องเล็กที่เราจะต้องมองข้าม มันเป็นความปลอดภัยเป็นสิทธิ์ที่เราควรจะได้ แล้วทำไมเราถึงไม่ได้ในเมื่อเราทำตามหน้าที่ของประชาชนคนทั้งหมด (ร้องไห้)”