“น้องนาย” เปิดใจทั้งน้ำตา เลิก “เคลลี่” แยกทางกันแต่ยังรัก ขอบคุณ 5 ปีที่ผ่านมา ไม่มีอะไรต้องเสียดาย จะเป็นครอบครัวให้เสมอ ตอนนี้ยังทำใจไม่ได้ เห็นของใช้ที่เหลืออยู่แล้วสะเทือนใจ ยืนยันไม่มีมือที่ 3 เกิดจากปัญหาสะสม ช่องว่างระหว่างวัยมีส่วน ทัศนคติเปลี่ยน ขอบคุณเข้ามาเป็นความรักของหนู แต่ความรักอย่างเดียวมันไม่พอ จะรีเทิร์นไหมเป็นเรื่องของอนาคต ขอบคุณทุกกำลังใจที่มีให้
หลังจาก “เคลลี่ ธนะพัฒน์” ได้ออกมาเปิดเผยถึงสาเหตุเตียงหัก ที่ทำให้ต้องยุติความสัมพันธ์ ในฐานะสามีภรรยากับน้อง “นาย ชนุชตรา สุขสันต์” ไปเมื่อวันก่อน ล่าสุดก็ถึงตาของน้องนายบ้างแล้ว ที่จะได้อธิบายถึงเรื่องนี้ โดยเจ้าตัวได้เปิดใจกับสื่อมวลชน หลังเข้าอัดรายการสนามข่าวบันเทิง ในเช้าวันนี้ (19 มี.ค) ด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ และฮึบกลั้นน้ำตาไว้แบบสุดความสามารถ แทบจะตลอดการให้สัมภาษณ์เลยทีเดียว
“เรื่องของนายกับพี่เคลลี่ ก็เป็นเรื่องจริงตามที่พี่เคลลี่พูดเลย ตอนนี้พี่เคลลี่ได้ย้ายออกมาจากบ้านแล้วค่ะ ถามว่าดูการสัมภาษณ์ของพี่เคลลี่แล้วเป็นยังไง เราก็เสียใจทั้งคู่ค่ะ ถามว่าเสียดายไหม คือเราทำกันเต็มที่แล้วจริงๆ ค่ะ”
ย้ายไปนอนห้องแม่ แยกกันอยู่มาแล้ว 3 เดือน ก่อนตัดสินใจแยกทาง
“เราแยกกันอยู่มา 3 เดือนค่ะ นายก็ย้ายห้องไปนอนกับคุณแม่ เพราะก่อนที่เราจะแต่งงานกัน นายนอนกับคุณแม่มาก่อนตลอด เรายังมีที่ปรึกษาเป็นคุณแม่ คุณแม่ก็คอยสอนในเรื่องของการใช้ชีวิต”
หวิวเข่าอ่อน เคลลี่เก็บข้าวของออกจากบ้าน ถอยจากสามีภรรยามาเป็นพี่น้องที่ดี
“วันนี้นายถ่ายละครพอดีค่ะ ก็ไม่ได้อยู่บ้าน ใจหายเหมือนกันค่ะ พอกลับมาบ้านคือไม่มีของของเขาแล้ว ก็รู้สึกหวิว ขาอ่อนค่ะ เราเคยอยู่ด้วยกันมา
เรารับรู้ปัญหาของเรามาอยู่แล้วค่ะ และได้มีการตกลงกัน ว่าเราถอยออกมาคนละก้าวดีกว่า เพื่อรักษาความสัมพันธ์ที่ดีมา ถอยออกมาจากการที่เราเป็นสามีภรรยา มาเป็นพี่น้องที่ดีต่อกัน ความสัมพันธ์เราก็ยังอยู่ต่อไปไม่ขาดค่ะ
เป็นปัญหาที่มีมาเรื่อยๆ ค่ะ มีมาตลอดจริงๆ เรื่องช่องว่างระหว่างวัย เรื่องอายุก็มีส่วนด้วยค่ะ ในเรื่องของความคิด ทัศนคติการใช้ชีวิตของเรา คือเราโตมาต่างครอบครัว แล้ววันหนึ่งเรามาใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน ทำให้เราได้เรียนรู้กันค่ะ”
ตอนเป็นแฟนกันมองแค่เรื่องความรัก และไม่ได้ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน 24 ชั่วโมง เลยไม่รู้ปัญหา
“ตอนที่เป็นแฟนกัน เราก็มองแต่ในเรื่องของความรัก เราไม่ได้ใช้ชีวิตด้วยกัน 24 ชั่วโมง แต่พอเรามาเป็นสามีภรรยากัน เราได้ใช้ชีวิตด้วยกัน 24 ชั่วโมง ก็มีบางจุดที่เราไม่เข้าใจกัน ใช้ชีวิตไม่ตรงกัน เราพยายามปรับมาตลอดค่ะ เราปรับกันทั้งคู่ (สุดท้ายก็ตัดสินใจที่จะเลือกทางออกนี้?) ใช่ค่ะ”
ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ก็จะทำเหมือนเดิม ไม่รู้สึกเสียดาย เพราะทำดีที่สุดแล้ว
“ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ เราก็เป็นอย่างที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ดีกว่า เพราะว่าเราทำกันดีที่สุดแล้ว ไม่รู้สึกเสียดายอะไรเลย แต่เสียใจที่วันนี้ไม่มีเราอยู่ด้วยกันแล้ว ก่อนมาถึงจุดนี้ก็ปรึกษาครอบครัวตลอด คุณพ่อคุณแม่ก็ให้คำแนะนำ แล้วก็สอนให้เราอดทน แต่พอสุดท้ายแล้ว เขาก็ยอมรับการตัดสินใจของเรา”
มีไปร้องไห้กับคุณแม่ทั้งคู่
“มีค่ะ ทั้งนาย ทั้งพี่เคลลี่ ทั้งคู่เลย คุณแม่ก็รักพี่เคลลี่เหมือนลูกของตัวเอง ตอนนี้ก็เสียใจอยู่ แต่ว่าโอเคขึ้นในระดับหนึ่งแล้วค่ะ ก็ต้องบอกว่านายโชคดีที่มีครอบครัวที่ดี มีผู้ใหญ่เข้าใจ มีเพื่อนที่คอยอยู่เคียงข้าง ทำให้เรารู้สึกโอเคขึ้นมาระดับหนึ่ง”
เรื่องการมีลูกไม่เกี่ยวกับการตัดสินในครั้งนี้
“ไม่มีส่วนค่ะ เพราะอย่างที่ทราบกัน ว่าพอนายแต่งงานแล้ว ก็อยากมีลูกเลย”
ยืนยันไม่มีมือที่ 3 ไปคอมเมนต์หัวใจให้ “เต้ วิทย์สรัช สุขวัฒนศิริ” เป็นเรื่องปกติ ที่ทำกับเพื่อนทุกคน และยังรู้จักกันมา 10 กว่าปีแล้วด้วย
“เรื่องมือที่ 3 ทั้งนายและพี่เคลลี่ไม่มีค่ะ ไม่มีแน่นอน ในเรื่องที่เข้าไปกดไลก์ พี่เต้ วิทย์สรัช คือเราสองคนเป็นพี่น้องที่ดีต่อกัน เป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน เรารู้จักกันมา 10 กว่าปีแล้ว แล้วเราฟอลโลว์กัน นายก็กดไลก์ทุกคน แล้วนายก็ชอบคอมเมนต์หัวใจกับทุกคน ทั้งเพื่อนชาย ทั้งเพื่อนหญิง เป็นแบบนี้มาตลอด ซึ่งพี่เคลลี่ไม่มีถามเรื่องนี้ค่ะ (เขารู้ใช่ไหมว่ารู้จักกันมาแต่แรกแล้ว?) คิดว่ารู้ค่ะ”
เรื่องที่เคลลี่มีข่าวกับ “แคทรียา อิงลิช” ได้เห็นข่าวแล้ว เชื่อใจเคลลี่ บอกสนิทกันเพราะถ่ายละคร
“นายเห็นข่าวแล้วค่ะ พี่เขาถ่ายละครด้วยกันค่ะ แล้วก็สนิทกัน หนูก็เชื่อตามที่พี่เขาบอกตั้งแต่แรก คือเขาถ่ายละครด้วยกัน แล้วเขาก็สนิทกันค่ะ เรื่องนี้ไม่มีถามพี่เคลลี่ค่ะ”
ย้ำไม่มีมือที่สามในความสัมพันธ์แน่นอน เชื่อใจกันมาตลอด เลิกกันเพราะเรื่องของเราสองคน
“ไม่มีค่ะ ที่ผ่านมาเราเชื่อใจกันมาตลอด พี่เคลลี่ไม่เคยทำอะไรให้นายรู้สึกว่าไม่เชื่อใจค่ะ ถ้าเลิกกันไม่ใช่เรื่องของมือที่สามแน่นอน เป็นเรื่องของเราสองคนมากกว่า”
บ้านเรือนหอเป็นบ้านครอบครัว เคลลี่แค่เข้ามาต่อเติมห้องฟิตเนส
“บ้านหลังนี้เป็นบ้านของนายกับครอบครัวอยู่แล้ว แล้วพอพี่เคลลี่แต่งงานเข้ามาที่บ้านนาย เขาได้ต่อเติมในส่วนของห้องฟิตเนสห้องนั้นไว้ค่ะ”
ไม่มีการแบ่งสินสมรส เพราะไม่ได้จดทะเบียนกัน
“ไม่มีค่ะ เพราะว่าเราไม่ได้จดทะเบียนกันด้วย (เคลลี่มอบทุกอย่างให้เราหมด?) มอบอะไรคะ... (ทรัพย์สินในบ้านที่เขารีโนเวต?) อ๋อ...เป็นห้องฟิตเนสของพี่เคลลี่เขา เครื่องฟิตเนสก็ยังอยู่ที่บ้านนายอยู่ ของๆ พี่เคลลี่เขายังขนไปไม่หมดค่ะ ยังย้ายออกไปไม่หมด ยังมีบางส่วนที่เหลืออยู่ (ณ ตอนนี้ไม่มีทรัพย์สินที่ต้องเคลียร์กัน?) ใช่ค่ะไม่มีเลยค่ะ”
อย่างเรื่องระยะเวลา คิดไหมว่าอยากจะออกมาพูดหรือปล่อยให้มันเงียบไป
“จริงๆ...(เสียงสั่น) พอเราพูดมันเหมือนการตอกย้ำความรู้สึกของเรา เหมือนแผลของเราก็ยังไม่หายดี ของเขายังเหลือไม่มากค่ะ เหลืออยู่นิดหน่อยค่ะ (เสียงสั่น) พอเห็นก็มีผลกับความรู้สึกค่ะ เพราะเราก็ยังรู้สึกอยู่ค่ะ เราก็ยังมีความรักอยู่เหมือน เราเข้าไปแล้วเราก็เจอของของเขา เจอของของเรา มันก็สะเทือนใจเห็นภาพเก่าๆ ความรักที่ให้ยังมีอยู่ค่ะ ยังอยู่ตลอด ซึ่งหลังจากที่มีข่าว ส่วนใหญ่พี่เคลลี่คุยกับคุณแม่ค่ะ แต่ก็มีคุยกันบ้าง”
ถ้าเคลลี่ดูอยู่ อยากบอกว่าขอบคุณสำหรับ 5 ปีที่ผ่านมาที่มาเป็นความรักของหนู ดูแลสุขภาพด้วย ยังเป็นครอบครัวของพี่เสมอ
“(พนมมือขอบคุณ) อยากบอกพี่เคลลี่ ว่าขอบคุณสำหรับ 5 ปีที่ผ่านมา ขอบคุณที่ดูแลหนู ขอบคุณที่มาเป็นความรักของหนู หนูก็อยากให้พี่เคลลี่ดูแลสุขภาพ แล้วก็อย่านอนดึก แล้วก็อยากจะบอกว่าน้องคนนี้ยังเป็นครอบครัวของพี่เสมอ ครอบครัวของหนูเป็นครอบครัวของพี่เสมอค่ะ (เสียงสั่น) เรื่องกลับมาอีกครั้ง นายก็ไม่ทราบเหมือนกันค่ะ (เสียงสั่น) ต้องเป็นเรื่องของอนาคตด้วย ตอนนี้ยังเจอได้ค่ะ ปกติค่ะ”
ไม่รู้ข่าวคู่รักเลิกเงียบ หมายถึงคู่ตนหรือเปล่า เพราะพยายามปรับจูนกันมาตลอด
“สำหรับเรื่องนี้ คิดว่าที่ผ่านมา เราพยายามปรับจูนกันแล้ว แล้วก็เหมือนเราอาจจะมีปัญหาในช่วงนั้นพอดีด้วยค่ะ (เป็นคู่เราใช่ไหม?) เลิกเงียบไหม เราค่อยๆ...ปรับความเข้าใจกันอยู่ตลอดนะคะ สภาพจิตใจยังไหวค่ะ ก็พยายามจะไม่เอาเรื่องส่วนตัวมาปนกับเรื่องงานค่ะ”
มูฟออนเรื่องชีวิต แต่ไม่มูฟออนเรื่องความรัก
“ใช่ค่ะ ยังไม่พร้อมกับเรื่องความรัก ยังไม่คิดถึงเรื่องนั้น คือคิดในเรื่องของการใช้ชีวิตต่อไป โฟกัสที่เรื่องงาน เรื่องของธุรกิจครอบครัวค่ะ”
ทัศนคติเรื่องชีวิตคู่เปลี่ยนไป รู้แล้วว่าความรักอย่างเดียวมันไม่พอ
“เปลี่ยนนะคะ คิดว่าชีวิตคู่ ความรักอย่างเดียวมันไม่พอค่ะ ต้องมีอีกหลายอย่างค่ะ ความเข้าใจ ความคิด ความคิดเห็นที่ตรงกัน ส่วนอนาคตจะมองเรื่องอายุในการตัดสินใจคบใครไหม ยังไม่คิดไปถึงเรื่องนั้นเลยค่ะ”
คนรอบข้างให้กำลังใจและคอยซัปพอร์ตตลอด
“ส่วนใหญ่คนรอบข้างให้กำลังใจ เรามีครอบครัวที่ดี มีผู้ใหญ่ที่เข้าใจ แล้วก็มีเพื่อนๆ ที่คอยอยู่ข้างๆ คือเป็นกำลังใจให้คอยซัปพอร์ตเรา ทำให้เรารู้สึกโอเคขึ้นมากๆ เลย
ขอบคุณมากนะคะ ขอบคุณที่เป็นกำลังใจให้นาย ที่คอยซัปพอร์ตทั้งนายและพี่เคลลี่ ขอบคุณมากๆ ก็คืออ่านเกือบทุกคอมเมนต์เลย ขอบคุณจากใจเลยค่ะ”
