“ย้ง ทรงยศ” แจงเด็กในสังกัดทยอยออกหลายคน ไม่มีผลกระทบ ลั่นเป็นบ้านที่พัฒนาเด็กๆ ให้เติบโตมีคุณภาพ ถึงไม่ได้อยู่ในสังกัดก็ไม่ได้หมายความว่าจะร่วมงานกันไม่ได้ เผยทิศทางหนัง GDH เตรียมนำฉายแพลตฟอร์มอื่น
เด็กในสังกัดเริ่มทยอยออกจากค่ายนาดาว ไม่ต่อสัญญา ล่าสุดผู้สื่อข่าวได้มีโอกาสเจอตัว “ย้ง ทรงยศ สุขมากอนันต์” ผู้บริหารค่ายนาดาว ในงานเปิดตัว OPPO Find X3 Pro 5G และ OPPO Enco X ก็เลยสอบถามถึงประเด็นดังกล่าว พร้อมทิศทางหนัง GDH ปีนี้จะขยับอย่างไร ในสถานการณ์โควิด-19
“สถานการณ์ที่ยังต้องรอดูสถานการณ์และลาดเลากันต่อไป ถ้าเป็นที่ GDH เราก็ประเมินกันว่าหนังที่เราทำมาแล้วจะไปเหมาะกับไทม์มิ่งแบบไหน บางเรื่องอาจจะเปลี่ยนสถานที่ฉาย ผมคิดว่าสถานการณ์โควิดที่ผ่านมา พอสถานการณ์มันเริ่มกลับมาได้ คนก็จะต้องปรับตัวกัน ใครปรับตัวได้เร็วก็สามารถไปต่อได้เร็ว
จากที่เราตั้งใจว่าเราจะฉายโรงหนัง ก็อาจจะเอาไปฉายในแพลตฟอร์มอื่นๆ แทนตามความเหมาะสมของคอนเทนต์ เพราะว่าช่วงโควิดที่ผ่านมา มันทำให้คนคุ้นเคยกับการดูหนังในช่องทางอื่น ตามที่แต่ละคนจะสะดวก ทุกวันนี้จะไปฉายโรง เราจะเรียกร้องให้คนออกจากบ้านไปดูหนังได้ มันต้องเป็นหนังที่มีบิ๊กไอเดียที่ดี มีหน้าหนังที่น่าสนใจมากๆ ส่วนเรื่องต่อไปจะเข้าฉายเมื่อไหร่ ไทม์มิ่งยังไม่ชัดเจน”
ไร้ปัญหา “แพรวา ณิชาภัทร ฉัตรชัยพลรัตน์” ออกจากสังกัด
“ยังปกติเหมือนเดิม นาดาวคือบ้าน จะเห็นว่าน้องๆ หลายคนโตมากับเรา พอน้องเรียนจบน้องก็อาจจะมีทิศทาง วิธีการ หรือการตัดสินใจรับงานต่างๆ มีคนดูแล มีวิธีการรับงานในแบบของตัวเอง รู้สึกดีใจที่น้องโตและมีความคิดเห็นเป็นของตนเอง อยากจะออกมาดูตนเอง
ความที่นาดาวเป็นบริษัทใหญ่ ก็จะดูแลศิลปินหลายๆ คน มันจะมีระบบระเบียบ มีแพทเทิร์นในแบบเดียวกัน อาจจะมีการปรับตามศิลปินบ้างแต่มันก็จะเป็นในหลักการของบริษัท การที่น้องๆ หลายๆ คนโตแล้ว เขาก็เริ่มมีความคิดเห็นที่เขาอยากจะดูแลในแบบตัวเขาเอง เขาก็เลยออกไปหาประสบการณ์ข้างนอก แต่ทั้งหมดทั้งปวงเราก็ยังทำงานอยู่กับน้องได้หมดทุกคน อย่างกุ๊กไก่ที่ออกไปก็ยังมีโปรเจกต์อยู่กับเรา”
เด็กออกหลายคน ไม่มีผลกระทบ ถึงออกจากสังกัด ก็ไม่ได้หมายความว่าจะร่วมงานกันไม่ได้
“ไม่มีครับ ยังคุยกับน้องๆ เลยว่าถ้าน้องยังยินดีให้พี่ขายงานให้ ก็ยังจะขายงานให้น้องอยู่ เราก็ยังทำอย่างนั้นกันอยู่ มันอาจจะเป็นว่าพอน้องเลือกออกไปดูแลตัวเอง น้องบางคนอาจจะอยากทำธุรกิจส่วนตัว อยากมีพาร์ตอะไรที่เป็นส่วนตัว การดูแลตัวเองเขาเลยอยากจะขอแยกออกไป แต่การทำงานหลายๆ คนก็ยังฝากเราขายงานอยู่”
ถามว่ากฎของนาดาวเอื้อให้น้องๆ ออกไปทำงานนอกค่ายมากน้อยแค่ไหน อาจจะเป็นเรื่องของวิธีคิด การตัดสินใจในเรื่องของระบบงานมากกว่า เรามีการขายงานในเรตเท่านี้ ซึ่งในวงการขายงานเราอาจจะรู้สึกว่าต้องคงเรตนี้ไว้นะ เพราะถ้าเปลี่ยนมันอาจจะกลับมาอยู่จุดเดิมไม่ได้ อะไรพวกนี้มากกว่า ที่เมื่อถึงวันเวลาผ่านไป น้องเขาก็อาจจะปรับเปลี่ยนวิธีคิดตรงนี้ อาจจะอยากกลับไปตัดสินใจสิ่งนี้ด้วยตัวเอง
กับเรื่องคนดูแลที่เขาอาจจะอยากมีคนดูแลตลอดเวลาและโฟกัสที่เขา พอเป็นนาดาวเขาอาจจะมีผู้จัดการที่ต้องดูแลคนอื่นๆอีก 4-5 คน ก็โฟกัสได้ดีที่สุดในระดับนั้น แต่พอออกไปน้องอาจจะหาผู้จัดการที่ดูแล โฟกัสเขาได้คนเดียว ซึ่งแต่ละคนก็จะมีเหตุผลที่ไม่เหมือนกัน
อย่างไมเคิล (ศิรชัช เจียรถาวร) ที่ออกไปเมื่อปลายปีที่แล้ว เขาอาจจะไม่ได้มีงานมาก แต่เขาอยากดูแลงานด้วยตัวเขาเอง มันทำให้เขามีเวลามากขึ้น จัดสรรชึวิตตัวเองได้มากขึ้น อย่างตอนนี้เรากำลังถ่ายซีรีส์ ไมเคิลก็มาเป็นช่างภาพนิ่งในกองถ่าย เราไม่รู้ว่าที่อื่นเป็นอย่างไร แต่ที่นาดาว การที่น้องไม่ได้อยู่กับเราก็ไม่ได้แปลว่าเราจะทำงานกับน้องไม่ได้
เคยบอกเด็กๆ ในมุมของตัวเองไปแล้วว่าพวกพี่สามารถทำงานที่พัฒนาแล้วส่งน้องไปได้ในจุดที่เขาไปต่อด้วยตัวเองได้กันทุกคน คนไหนที่เราทำแล้วเราส่งเขาได้แล้ว เราก็จะมาสก์ไว้ ต้องเข้าใจว่านาดาวเป็นบริษัทพัฒนาศิลปิน เราทำให้น้องเป็นที่รู้จัก ฝึกน้องจนมีฝีมือมากพอ เราก็อยากให้เขาไปทำงานกับคนเก่งๆ ข้างนอก เวลาของพี่ๆ ก็จะไปพัฒนารุ่นน้องๆ ต่อ จนถึงจุดที่เขาแข็งแรงพอที่จะไปทำงานกับคนนอก เราก็ทำอย่างนี้ส่งไปเรื่อยๆ แต่ละคนก็จะมีงานที่หลากหลายแตกต่างกันไป
ก็อาจจะเป็นที่ความสามารถของน้องแต่ละคน บุคลิกของน้องบางคนที่อาจจะรับงานได้หลากหลาย บางคนมีบุคลิกเฉพาะตัว รับงานได้ไม่หลากหลายเท่า บางคนมีงานเข้ามาเยอะนะ แต่น้องเลือกไม่รับ บางคนอยากโฟกัสกับการเรียน อยากรับงานที่เขาสนุกกับมันจริงๆ เพราะบางงานก็ใช้เวลาเยอะ”