“เป้ย” ปิดปากเงียบ คนโยงข่าวแตกหัก “หนิง-กระแต” อึกอักบอกไม่รู้อย่างเดียว แต่ยังทำลิปสติกด้วยกันอยู่ อุบตอบข่าวสามีบีบคอ ไม่เหนื่อยเจอแต่ข่าวหนัก อะไรก็ไม่สำคัญเท่ากับลูกและครอบครัว แคร์แต่คนรอบตัวเท่านั้น คัมแบ็กละครในรอบ 10 ปี ขอเล่นบทร้ายเหมือนเดิม กลับมารับงานเต็มที่ สามีไฟเขียวฉากเลิฟซีน
เจอแต่ข่าวหนักหนาสาหัสทั้งนั้น สำหรับคุณแม่คนสวย “เป้ย ปานวาด บุญยรัตกลิน” ที่ล่าสุดนอกจากจะโดนโยงเป็นดาราถูกสามีบีบคอแล้ว ยังถูกจับตาว่าเป็นแตกคอกับแก๊งเพื่อนสนิท “หนิง ปณิตา ธรรมวัฒนะ” และ “กระแต ศุภักษร เรืองสมบูรณ์” อีกด้วย
วันนี้ได้เจอสาวเป้ย ที่มาร่วมเสวนาในงานเปิดตัวผลิตภัณฑ์แก้ปัญหาภูมิแพ้ เสริมภูมิคุ้มกัน และขจัด PM 2.5 ของอินเตอร์ ฟาร์มา ที่โรงแรมพูลแมน คิงเพาเวอร์ กรุงเทพฯ เจ้าตัวก็ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อว่า ขอไม่ตอบเรื่องข่าวถูกสามีบีบคอเพราะประเด็นอะไรก็ไม่สำคัญเท่ากับลูกและครอบครัว
“ลูกมาด้วย เรื่องนี้เป้ยขออนุญาตไม่ตอบ จริงๆ ก็รู้อยู่แล้วนะ ว่าเป้ยไม่ค่อยสัมภาษณ์เรื่องนี้เวลาออกสื่อ ก็ขออนุญาตดีกว่าค่ะ (เวลาคนเข้าไปคอมเมนต์เราเหนื่อยไหม เหนื่อยกับการที่คนตีความไปต่างๆ ไหม?) เอาจริงๆ ไม่ได้เรียกว่าเหนื่อยมากกว่าเป็นทางด้านความรู้สึก แต่สุดท้ายเรารู้สึกว่าสิ่งที่เราโฟกัสอยู่มันคืออะไร ประเด็นมันก็ไม่สำคัญเท่ากับลูกของเรา ครอบครัวของเรา”
ไม่ซีเรียสคนเชื่อตามข่าวที่เกิดขึ้น สำคัญแค่คนรอบตัวรู้และเข้าใจยังไงมากกว่า
“เป้ยไม่ซีเรียสเลยใครจะเชื่อ ไม่เชื่อ เอาสุดท้ายที่คนรอบตัวเราเขารู้ยังไง เข้าใจยังไง สำคัญตรงนี้มากกว่า เป้ยไม่ได้สตรองอะไร พอมันโตขึ้นวุฒิภาวะทางความคิดอารมณ์ต่างๆ มันสอนให้เรามั่นคงมากขึ้น อาจจะไม่ได้อ่อนไหวเหมือนเมื่อก่อน เราโตขึ้นด้วย ลูกของเราที่เราต้องปกป้องด้วย”
ไม่ปิดกั้นลูกเสพข่าวในอินเทอร์เน็ต เพราะอยู่ด้วยกันทุกวัน ลูกเห็นอยู่แล้ว ไม่ต้องอธิบาย
“เราไม่ได้ปิดบัง ไม่ได้ปิดกั้นอะไรเลย เพราะเขารู้ในความเป็นจริงเขาอยู่กับเราทุกวัน เขาเห็นอยู่แล้วเพราะฉะนั้นมันไม่ต้องไปพูดอะไร”
อุบตอบเรื่องนางร้ายแก๊งแตก หลังคนโยงว่าเป็นตัวเองกับ เพื่อนรัก “หนิง ปณิตา” และ “กระแต ศุภักษร”
“ก็ขออนุญาตไม่ตอบเช่นกัน เข้าใจเป้ยเนอะ (ความเป็นเพื่อนยังเหมือนเดิมไหม?) ก็ขออนุญาตไม่ตอบ (พอเราไม่ตอบคนยิ่งคิดไปกันใหญ่?) ขอเป็นโอกาสหน้าแล้วกัน”
ธุรกิจลิปสติกยังทำร่วมกันอยู่เหมือนเดิม
“ยังทำอยู่ค่ะ เดี๋ยวถ่ายโปรโมตเลย ไม่มีอะไรค่ะ”
ได้คุยกันหรือทำความเข้าใจกันไหมเพราะข่าวออกมาแล้วต่างฝ่ายต่างไม่ตอบ
“อืม (ยิ้มไม่ตอบ) (ผู้สื่อข่าวถามว่าหลายคนเป็นห่วงเสียดายมิตรภาพ เจ้าตัวได้แต่ยิ้มและไม่ตอบ) ส่วนที่ยังไม่เคลียร์กัน นะ ไม่รู้ยังไง คุยกันหรือยังไม่คุย ก็ไม่รู้ ขออนุญาตไม่ตอบแล้วกัน”
ไปรวมหมู่บ้านเมียหลวงที่มีธัญญ่า (ธัญญาเรศ เองตระกูล) เพราะบังเอิญ ไม่ได้เป็นประเด็นอะไร
“บังเอิญหรือเปล่า ตอนจังหวะที่เราไปดูบ้านหลังนั้นเรารู้แค่ว่าพี่หนิงอยู่แค่นั้น ไม่มีอะไร เป็นอะไรที่บังเอิญมากกว่า ไม่ได้เป็นประเด็นอะไร”
บอกไม่ได้เก่งกาจขนาดไปเข้าก๊วนกับธัญญ่า แค่แก้ไขไปตามสถานการณ์ เอาลูกเป็นหลัก
“เราไม่ได้เก่งกาจอะไรขนาดนั้น เจอไปตามสถานการณ์ แล้วก็แก้ไขไปตามสถานการณ์ เราก็จะใช้วิธีของเรา ซอฟต์ เพราะเราก็กังวลเรื่องลูกเป็นหลัก”
คัมแบ็กงานละครในรอบ 10 ปี ได้บทดี จังหวะลงตัว
“ไม่ได้เล่นละครมาเกือบ 10 ปีค่ะ ถามว่าทำไมถึงใจอ่อนกลับมารับ คือ จริงๆ มันก็มีหลายช่วงที่มีละครติดต่อเข้ามาแล้ว แต่ว่าอาจจะด้วยมีปัญหาหลังบ้าน ก็คือ พี่เลี้ยงลาออก หรืออะไรก็ตามแต่ เลยทำให้ยังไม่พร้อมที่จะรับสักที แต่ ณ วันนี้ เป้ยมองว่าจังหวะมันได้ มันลงตัวแล้ว บวกกับบทที่ได้ก็โอเค ก็เลยรับดีกว่า ก่อนที่จะแก่ไปมากกว่านี้ (หัวเราะ)
คือเราอ่านแล้วก็รู้สึกขนลุก แล้วมันก็น่าเล่น และอีกอย่างคือเรามองว่าจังหวะนี้ มันเป็นจังหวะที่เราสามารถกลับไปได้แล้ว ก็คือลูกก็เข้าเรียนแล้ว และอีกอย่างปาลินก็โตพอประมาณแล้ว”
คุยกับลูกเรียบร้อย ว่าแม่ต้องกลับไปทำงานแล้ว
“จะคุยกับพี่โปรดค่ะ ว่าถ้าคิววันนี้ๆ แม่จะต้องไปถ่ายละครนะ อาจจะไม่ได้ไปส่ง หรืออาจจะไม่ได้พาเข้านอน ก็ต้องมีการบอกเขาก่อน คงไม่นานๆ ทีแล้วค่ะ คงกลับมารับแบบเต็มตัวเลย ก็คือตั้งใจทำงานต่อเนื่องไปเลย แต่มันก็ขึ้นอยู่กับกับผู้ใหญ่เมตตาหรือเปล่า (หัวเราะ)”
คุณสามี “ป๊อป นิธิ บุญยรัตกลิน” ไม่ติดอะไร รู้และเข้าใจดีว่าเป็นสิ่งที่ชอบและคิดถึง
“คุณสามีจริงๆ เขาก็รู้อยู่แล้วแหละ ว่าเราอยากกลับไปเล่นละคร เพราะว่าเวลาเราดูโทรทัศน์ เราดูใครเล่นแล้วเราก็อยากเล่น แล้วเขาก็แบบ ลองเล่นให้ดูหน่อย ถ้าเกิดเป็นเป้ย เป้ยจะเล่นยังไง คือเขารู้อยู่แล้ว ว่าเราชอบแล้วก็คิดถึง เพียงแต่ว่าหลักๆ ที่เรายังรับไม่ได้ ก็คงเป็นเรื่องลูกๆ พอ ณ ตอนนี้ทุกๆ อย่างมันลงตัว เราก็เลยกลับมา”
รีเควสขอรับบทนางร้ายอย่างเดียว เพราะเป็นคนดีคงไม่เหมาะกับน้ำเสียงและบุคลิก
“เป้ยรับบทร้ายอย่างเดียวเลยค่ะ เป้ยเน้นๆ เลย ว่าเป้ยขอร้าย คือจริงๆ อย่างที่บอกว่าก่อนหน้านี้ก็มีละคนติดต่อมา แต่ก็เป็นคนดี เรามีความรู้สึกว่า ถ้าเรากลับมาก็อยากเล่นอะไรที่มันร้ายๆ มันน่าจะเหมาะกับเรามากกว่า ด้วยน้ำเสียง ด้วยบุคลิก เพราะเรามีความรู้สึกว่า มันมีอะไรให้เราเล่นได้มากกว่า แล้วเราเป็นคนที่แบบ ไม่ได้เป็นคนเรียบร้อยอยู่แล้ว”
บทเรื่องนี้ดึงดูดมาก ร้ายแบบเปิดเผยไม่ซ่อนเร้น
“คือมันก็จะเป็นร้ายที่แบบร้ายเลย แต่ไม่ได้ร้ายซ่อน เป็นร้ายเปิดเผยเลย ตามคาแร็กเตอร์”
คงไม่ให้ลูกดูละคร แต่อาจจะพาไปกองบ้างตามคำขอของน้องโปรด
“ไม่ให้ดู (หัวเราะ) แต่โปรดจะแบบขอไปกอง ก็ขอดูฉากก่อน ดูสถานที่ก่อน ก็จะบอกเขาว่าแม่ขอดูก่อนนะ ถ้าฉากน้อยๆ ก็จะพาไป
จริงๆ เราอธิบายให้เขาฟังตลอดแหละ เพราะว่าบางทีก็มีพี่เลี้ยงแอบเอาให้ดู เราก็ไม่ปฏิเสธ ก็บอกว่าอันนี้มันเป็นงาน โปรดก็เห็นอยู่ ว่าจริงๆ แม่ดุแค่ไหน เขาก็บอกดุกว่าในละคร (หัวเราะ)”
ไม่กลัวลูกโดนเพื่อนที่โรงเรียนจะมาแซวเรื่องแม่ บอกเขาโตแล้วน่าจะมีคำตอบให้เพื่อนได้ดี
“เป้ยคุยโปรดบ่อยอยู่แล้วค่ะ คิดว่ายังไงโปรดน่าจะเข้าใจ ถ้าเกิดเพื่อนถาม เป้ยก็คิดว่าเขาน่าจะมีคำตอบให้กับเพื่อนได้ดีค่ะ เขาโตแล้ว เขารู้เรื่องแล้วค่ะ”
มีใจแป้วบ้าง เพราะการกลับมาทำงาน ทำให้พลาดในบางโมเมนต์ที่สำคัญของลูกเช่นการรับรางวัล แต่ลูกโอเคและเข้าใจดี ทุกอย่างเลยจบ
“ใช่ๆ ก็รู้สึกแป้วๆ เหมือนกันนะ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นคือมันเป็นสิ่งที่เราต้องรับผิดชอบ เพราะเรารับมาแล้ว จริงๆ เป้ยจะขอทางกองก็ได้ แต่เป้ยก็มีความรู้สึกว่า ในเมื่อคุณพ่อไปแล้ว ก็ไม่เป็นไร แล้วเราก็มีการบอกลูกก่อน ลูกโอเคไหม ถ้าลูกโอเคลูกเข้าใจ ทุกอย่างจบ ซึ่งเขาก็เข้าใจดีค่ะ เขาบอกไม่เป็นไรเลย”
เลี้ยงลูกให้เหมือนเป็นเพื่อนกัน จะได้พูดคุยกันได้ทุกเรื่องไม่มีกำแพง
“เป้ยพยายามเลี้ยงเขาให้เป็นเพื่อนอยู่แล้ว คือมันก็จะเป็นสเต็ปแบบที่แม่เลี้ยงเป้ย เหมือนเป็นเพื่อนกัน เป้ยมีความรู้สึกว่าพอเป็นเพื่อน มันเหมือนว่ามีอะไรเราก็จะกล้าพูดคุย เราอยากให้พูดคุยกันได้ทุกๆ เรื่อง ไม่อยากให้มีกำแพงกับเรา”
ความเป็นลูกผู้ชาย ไม่ได้ทำให้รู้สึกมีเส้นกั้น เพราะสนิทกันมาก ปลูกฝังมาตั้งแต่เด็ก ให้คุยกันได้ทุกเรื่อง
“ไม่นะ เพราะด้วยนิสัยของเป้ย เป้ยก็ไม่ได้เป็นผู้หญิงจ๋า เป้ยก็จะมีความห้าวๆ แล้วโปรดก็มีความซอฟต์ มันก็เลยจูนกัน เราสนิทกันมาก คือรู้สึกว่าเราคุยกับเขามาตั้งแต่เด็กๆ แล้วสิ่งนี้มันก็ปลูกฝัง ทำให้เขาเหมือนคุยกับเราได้ทุกเรื่องมันก็เป็นไปโดยอัตโนมัติ มันไม่ใช่เพิ่งมาคุย (อย่างนี้ไม่ทาบทามให้มาเล่นละครด้วยกันเลย?) คงไม่ใช่ เขาไม่น่าจะอิน ไม่น่าจะชอบ เราก็ไม่บังคับอะไรเขา”
เนื้อหอมผู้จัดรุมแย่ง อยากดึงตัวให้ไปเล่นด้วย
“มีๆ เรื่องอื่น ผู้จัดที่เป็นดารานักแสดงก็มีติดต่อมา ว่ามาเล่นของพี่ก่อนนะ เป้ยเล่นแล้วเหรอ ต้องมาเล่นของพี่ (มีการแย่งตัวกันนิดหนึ่ง?) ก็มีแบบเป้ยมาเล่นของพี่ มันแซ่บโน่นนี่ ก็รอเขาส่งบทมา”
ฉากเลิฟซีนสามีก็ไฟเขียวผ่านตลอด
“จริงๆ มันไม่มีอะไรหรอก เราก็แค่อยู่ๆ เห็นเขามาคอมเมนต์ ก็เลยคอมเมนต์แซวกัน มันก็มี แต่เป็นอะไรที่หลบได้แล้ว ผู้กำกับเขาก็เข้าใจเรา เพราะเรามีลูกแล้ว”
