xs
xsm
sm
md
lg

(ชมคลิป) ทุกข์ใจแต่จบ “สรยุทธ” เผยชีวิตในคุก จากนี้ไปขอเริ่มต้นใหม่

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“สรยุทธ” เปิดใจครั้งแรกหลังทุกข์ ยอมรับทุกข์ใจที่ต้องไปอยู่ในคุก แต่ต้องอยู่ให้เป็น เย็นให้พอ รอให้ได้ มนุษย์เป็นสัตว์ที่ปรับตัวได้ แต่ก็ดีที่มันจบและจะได้เริ่มต้นชีวิตใหม่ ขอโอกาสให้นักโทษทุกคนได้เริ่มต้นใหม่



ได้รับอิสรภาพออกมาจากเรือนจำเป็นที่เรียบร้อยเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา สำหรับ “นายสรยุทธ สุทัศนะจินดา”ผู้ประกาศข่าวชื่อดัง หลังจากที่โดนตัดสินจำคุกเป็นเวลา 6 ปี 24 เดือน กรณีทุจริตของ บ.ไรส้ม ที่มีต่อ อสมท ตั้งแต่วันที่ 21 ม.ค. 2563 พอเข้าเดือน ส.ค. 2563 ได้รับการลดโทษตามสัดส่วน จากการพระราชทานอภัยโทษ เนื่องในวาระวันเฉลิมพระชนมพรรษาของในหลวง รัชกาลที่ 10 จากนั้นวันที่ 5 ธ.ค. 2563 ในวาระวันพ่อแห่งชาติ มีการพระราชทานอภัยโทษอีกครั้ง ถือเป็นการได้ลดโทษครั้งที่ 2 เหลือโทษเพียง 2 ปี กับ 8 เดือน และเข้าเกณฑ์การพักโทษ ในวันที่ 14 มี.ค. 2564 โดยจะได้รับการปล่อยตัวให้เป็นอิสระจากเรือนจำ แต่ต้องติดกำไลอีเอ็มไว้ที่ข้อเท้า และรายงานตัวกับกรมคุมความประพฤติ จนกว่าโทษที่แท้จริง ตั้งแต่วันที่ 14 มี.ค. 2564 - 20 พ.ค. 2565 และต้องรายงานตัวกับกรมคุมประพฤติตามกำหนดจนกว่าจะพ้นโทษในวันที่ 26 ก.ค. 2566

ซึ่งทั้งนี้หลังจากที่ นายสรยุทธเข้าไปรายงานตัวที่สำนักงานควบคุมความประพฤติ กทม.7 หลังจากถูกปล่อยตัว เพื่อทำการติดกำไลอีเอ็ม (อิเล็กทรอนิกส์ มอนิเตอร์ริ่ง ซึ่งเป็นกำไลใส่ที่ข้อเท้า สำหรับวัตถุประสงค์เพื่อจำกัดการเดินทางของบุคคลหลังได้รับการปล่อยชั่วคราว ซึ่งอุปกรณ์นี้จะระบุตำแหน่งที่อยู่ และส่งข้อมูลพิกัดของผู้ถูกปล่อยตัวชั่วคราวทุกๆ 2 นาที โดยมีระบบการแจ้งเตือนแบบเรียลไทม์ ตลอด 24 ชั่วโมง ไปยังห้องควบคุมสั่งการของเจ้าหน้าที่) เจ้าตัวพร้อมด้วย “ว่าที่ร้อยตรี ธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์” เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม และ “นายวิตถวัลย์ สุนทรขจิต” อธิบดีกรมคุมประพฤติ ได้ออกมาร่วมกันแถลงข่าว โดย นายสรยุทธ กล่าวว่า

“ตื่นเต้นนะครับ ขอบคุณท่านเลขาฯ ขอบคุณท่านอธิบดีนะครับ ขอบคุณกรมราชทัณฑ์ กระทรวงยุติธรรม ท่านรัฐมนตรี ก็ยังไม่รู้จะบอกอะไรเนอะ จริงๆ วันนี้ผมก็ดีใจนะครับที่ได้อิสรภาพอีกครั้งหนึ่ง แม้ว่าจะยังไม่เต็ม 100% เพราะสถานะในขณะนี้ก็ออกมาเป็นผู้ถูกคุมความประพฤติ ภายใต้กรมความคุมประพฤตินะครับ แต่อย่างน้อยก็ได้ออกจากเรือนจำ และเท่าที่ฟังจากน้องๆ หรือดูจากความสนใจของพวกเราเนี่ย ก็ดีใจที่ยังไม่ได้ลืมกันนะครับ จากนั้นก็คงไม่มีอะไรบอกไปมากกว่าขอบคุณมากจริงๆ”

“การอยู่ในเรือนจำมันก็ทุกข์นะครับ ชีวิตผมเคยคิดก่อนจะเข้าไปว่า อย่างน้อยมันก็จะได้จบสักทีคดีความที่ต่อสู้มา 4-5 ปี พอถึงวันนี้หลังจากผมเข้าไปติดคุกและไปใช้ชีวิตที่ผมเคยใช้คำว่ามันติดลบมา ก็ตั้งแต่ -10, -9, -8 จนวันนี้ก็ศูนย์ แล้วก็ได้โอกาสที่จะได้กลับไปเริ่มต้นนับหนึ่งใหม่อีกครั้งนึง ก็ดีใจที่ได้มีวันนี้ ได้เริ่มต้นชีวิตใหม่อีกครั้งหนึ่ง และดีใจที่ยังไม่ลืมกัน ยังคิดถึงกันอยู่ ขอบคุณมากจริงๆ ครับ”

บอกขอเวลาสักพัก ก่อนจะกลับไปทำงานในหน้าที่เดิม
“ถามว่าจะกลับมาทำหน้าที่หน้าขอเมื่อไหร่ ก็ทำอย่างอื่นไม่เป็นนะครับ (ยิ้ม) แต่ก็ยังขอคิดดูนิดนึงว่าเมื่อไหร่อย่างไร จริงๆ โลกมันเปลี่ยนไปเยอะนะ (เลขากระทรวงยุติธรรมถามว่า ยังจะช่วยเรือนจำอยู่มั้ย) ช่วยอยู่ครับก็ยังจะช่วยทำรายการให้คนในเรือนจำ พอได้ทำแล้วก็มีความสุขนะครับ คือ ผมอยู่ในนั้นมาปีกว่า เข้าไปมันก็ไม่รู้จะทำอะไรตอนแรก มันก็เคว้งคว้าง แต่ผมดีอยู่อย่างนึงก็คือผมไม่ได้เกิดมาแล้วสบาย การกินการอยู่การนอนผมไม่ได้ยากลำบาก เพราะฉะนั้นก็ปรับตัวได้ไม่ช้านัก แต่ก็แน่นอนมันไม่ได้สบายหรอก ความทุกข์มันจะอยู่ที่เรื่องจิตใจ เรื่องอิสรภาพ แต่ทางกายที่สุดมันก็ปรับตัวไป”

“ต่อมาก็ยังดีที่เกิดสถานการณ์โควิด ตอนนั้นเกิดการจลาจลที่บุรีรัมย์ นักโทษเกิดความแตกตื่นว่าโควิดระบาด แล้วก็ไปปลุกปั่นกัน แล้วท่านรัฐมนตรีสมศักดิ์ก็มีนโยบายว่าให้ทำรายการเพื่อสร้างความเข้าใจกับผู้ต้องขัง เพื่อไม่ให้เกิดความตื่นตระหนก และอยู่ในความสงบเรียบร้อย ก็ได้เริ่มจัดรายการ มันก็เป็นอะไรที่ทำให้เวลามันผ่านไปได้ไม่ยากนัก พอได้ทำก็มีความสุขพอประมาณ ไม่ได้ถึงกับมีความสุขมาก คือ คนในเรือนจำมันมีความทุกข์นะ บางทีเราเห็นคนที่ทุกข์ที่สุด ถ้าเราพอทำให้เขาได้มีความสุขบ้าง ให้ยิ้มบ้างมันก็เป็นความสุขของเราพอสมควร เพราะฉะนั้นนโยบายกระทรวงยุติธรรมที่มีรายการแบบนี้เกิดขึ้น แล้วผมก็อาสาที่จะสานต่อให้จนกว่าจะได้ขยับขยายว่าเรือนจำสามารถดำเนินการต่อไปในอนาคต”

“โควิดอาจจะเป็นโชคดีของผมที่ทำให้ผมได้ชีวิตในเรือนจำอย่างมีคุณค่า และทำให้เวลามันไม่สูญเสียไปโดยเปล่าประโยชน์ ถึงที่สุดก็มีวันนี้ ส่วนจะออกไปสู่โลกภายนอกทำงานอะไรยังไงนี่ขอคิดนิดนึง เพราะว่าผมไม่ได้ทำงานมา 5 ปีกว่าแล้วนะเนี่ยตั้งแต่มีคดีและศาลชั้นต้นตัดสิน ผมก็ทำอย่างอื่นไม่เป็น เพราะฉะนั้นโลกในสมัยที่ผมเคยทำ ผมทำในช่วงที่คนไม่ดูข่าว สมัยนั้นพอข่าวมาคนเปลี่ยนช่อง แล้วผมก็ทำในช่วงที่คนหันมาดูข่าว แต่วันนี้ผมยังไม่รู้เลยว่าโลกข้างนอกเป็นยังไงในแง่ที่ว่าข่าวมันเต็มไปหมดเลย แล้วเราจะทำยังไงให้เขาดูข่าวแบบที่เราคิด เพราะฉะนั้นก็ยังงงๆ อยู่บ้างเล็กน้อยนะครับ ขออนุญาตกลับไปคิดนิดนึง กลับตัวนิดนึงนะครับ”

ส่วนที่ถามว่าผมจะไปอยู่ค่ายไหนช่องไหน เพราะที่ผ่านมามีกระแสเยอะเนี่ย อันนี้ก็ไม่ควรมีประเด็นนี้นะ ผมก็อยู่ช่อง 3 อยู่แล้ว 100% (ยิ้ม)”

ขอโอกาสแทนคนที่ได้ออกจากคุก ได้มีที่ยืนในสังคมอีกครั้ง
“เรื่องโครงการพักโทษติดอีเอ็ม คือ ผมทำข่าวมาผมรู้ คนได้พักโทษ พ้นโทษออกมาทำผิดซ้ำ ก็มีคนว่ากรมราชทัณฑ์ทำไมถึงปล่อยออกมา แยกเป็นสองเรื่องนะ เรื่องที่หนึ่งคดีอุกฉกรรจ์มากๆ ฆ่าข่มขืน โหดเหี้ยม ทารุณ ผมมีโอกาสก็จะบอกว่าคุณอย่าทำ เพราะคนที่ทำแล้วเข้ามาถึงรู้ว่าคุณจะเสียใจไปตลอดชีวิต คุณจะไม่ได้รับอภัยโทษเลย คุณจะไม่ได้รับการพักโทษเลย บางคนทำไปผมคิดว่าเขาไม่รู้นะ แล้วเขาจะสูญเสียโอกาส”

“ข้อสอง อาจจะมีคน 5-10% ที่หนักๆ และรวมถึงออกไปแล้วทำผิดซ้ำ แต่อย่าเอาคน 10% มาตัดสินคนอีก 90% ทุกคนมีโอกาสพลาด ทุกคนมีโอกาสทำผิด แล้วก็ต้องเข้ามาอยู่ในกฎเกณฑ์ของกฎหมายของสังคมในเรือนจำ อย่าไปอคติกับเขา ให้โอกาสกับพวกเขา ผมขออนุญาตใช้คำว่าคนในเรือนจำอยากจะขอโอกาสจากพวกเราทุกคน ถ้าคุณให้โอกาสเขา เขาจะเป็นพลังของสังคม แต่ถ้าคุณไม่ให้โอกาสเขา เขาจะเป็นภาระ อย่าไปตั้งแง่ว่าไอ้นี่ติดคุกมา อย่าไปให้ทำงาน รังเกียจ แล้วเขาจะไปทำอะไร เขาก็กลับไปทำใหม่ แล้วก็ติดคุก”

“โครงการพักโทษโดยเฉพาะเมื่อมีกำไรอีเอ็ม คือ ให้โอกาสคุณอีกครั้งนึง และสังคมต้องให้โอกาสด้วย ซึ่งคุณต้องพิสูจน์ตัวเองให้เห็น โดยการควบคุมด้วยกำไรอีเล็กโทรนิก หรือ อีเอ็ม คนที่ออกไปถ้าทำท่าจะผิดเงื่อนไขปุ๊บ ยังไม่ทันจะทำนะครับ กลับเข้าเรือนจำทันที เราอย่าให้เป็นกรณีที่เขาพ้นโทษแล้วเขาออกไป สังคมจะเป็นยังไง สุดท้ายอาจจะพลาดไปทำใหม่ และไม่มีโอกาสแก้ตัว แต่ผลร้ายเกิดขึ้นกับพวกเราแล้ว นี่คือผลดีของการพักโทษและการใช้กำไรอีเอ็ม”

บอกจะขอกลับไปกราบรูปแม่ก่อนเป็นอันดับแรก
“หลังจากที่ออกไปนี่สิ่งแรกที่จะทำคือ จะกลับไปไหว้แม่ก่อนครับ ผมจะไปไหว้รูปแม่ผม (น้ำตาซึม) เมื่อคืนก็หลับดีครับ หลับตอน 3 ทุ่มครึ่ง ตื่นตอนตี 3 แล้วก็ไม่ได้หลับอีก ก็เลยเอาหนังสือกำลังภายในมาอ่าน กระบี่เย้ยยุทธจักร (ยิ้ม) ก็โอเค พอวันที่จะได้รับอิสรภาพมันไม่มีอะไรที่จะต้องตื่นเต้น ชีวิตของความทุกข์ทรมานมันเกิดขึ้นก่อนหน้านี้ พอเราเข้ามาทางกายเนี่ยสุดท้ายผมปรับตัวได้ เหลือแต่ทางใจ ยังเคยคุยกันในคุกเลยว่า ออกมาอย่าถามนะ พี่สบายดีมั้ยครับ อย่าถามว่าสบายดีมั้ย ห้าม ไม่มีใครติดคุกแล้วสบายดีหรอก มันมีแต่พออยู่ได้ (ยิ้ม) รู้มั้ยทุกวันผมต้องเข้าไปในห้องขังบ่าย 3 โมงกว่านะ แล้วอยู่ในนั้นถึง 6 โมงครึ่งนะ เพราะช่วงหน้าหนาวก็สว่างช้า 14-15 ชม. แต่พออยู่ไปมนุษย์นี่เป็นสัตว์ที่ปรับตัวได้นะ”

“ที่คุณชูวิทย์แนะนำตอนเข้าไปน่ะเหรอ เขาบอกผมอยู่ 3 คำเอง อยู่ให้เป็น เย็นให้พอ รอให้ได้ ก็เป็นอย่างนั้นแหละ มันเป็นอย่างอื่นไม่ได้เลย และสำหรับในเรือนจำที่ผมไปเรียนรู้มามีคนเขาพูดกัน กินให้อิ่ม นอนให้อุ่น แล้วก็ลุ้นอภัย ผมก็ได้มา 2 ครั้ง (ยกมือไหว้) ผมอยากจะเอาให้ดู ช่วงที่ผมทำรายการในเรือนจำมีคนส่งของมาให้ผมเยอะเลย แล้วทางเรือนจำก็จะต้องตรวจ ก็มีเพื่อนของผมที่เรือนจำอื่นทำมาให้ (โชว์รองเท้ายางสลักลายสโมสรลิเวอร์พูล) เป็นรองเท้าแกะด้วยมือ แล้วปะกันลื่นมาให้ด้วยนะ คิดดูว่าถ้าคนในเรือนจำเขาทำสิ่งแบบนี้ให้ใครสักคนนึง หรือให้สังคมได้รู้ว่าคนในนี้เขาตั้งใจ รองเท้านี่คือรองเท้าที่ขายในเรือนจำ มันไม่มีอะไรจะให้กันได้ เขาก็เอาไปแกะแบบนี้ออกมา”

ด้าน “ว่าที่ร้อยตรี ธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์” เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ก็กล่าวว่า
“ต้องบอกว่าวันนี้คุณสรยุทธเองไม่ใช่เป็นบุคคลที่กระทรวงยุติธรรมมองว่าเป็นวีไอพีอย่างไรนะครับ คุณสรยุทธอยู่ในเรือนจำก็ถูกปฏิบัติตัวเหมือนกับผู้ต้องราชทัณฑ์คนอื่นๆ ทั่วไป วันนี้ที่มาร่วมแถลงข่าวก็เป็นเรื่องที่ปกติ เราเองก็มีการปล่อยตัวผู้ต้องขังที่ได้รับการพักโทษแบบนี้เป็นเรื่องปกติ โดยเฉพาะบังเอิญว่าคุณวรยุทธเป็นคนที่สื่อมวลชนให้ความสนใจ ก็เลยคิดว่าวันนี้ก็ไม่ได้เป็นการปล่อยตัวคุณสรยุทธในลักษณะของวีไอพีแต่อย่างใด เพียงแต่เป็นคนในสื่อ

ทีนี้ก็ต้องบอกกับคุณสรยุทธเหมือนกันว่า คุณสรยุทธก็ยังสามารถที่จะทำงานในเรื่องของอาชีพตัวเอง ในฐานะเป็นสื่อมวลชน ยังคงปฏิบัติงานได้ปกติ ไม่มีข้อจำกัดในเรื่องของการทำงาน คุณสรยุทธสามารถติดกำไรอีเอ็มที่ยังต้องติดอยู่ที่ข้อเท้า และไปปฏิบัติหน้าที่ของตัวเองได้ปกติ และเวลาที่คุณสรยุทธอาจจะต้องมีการออกนอกพื้นที่บ้าง ก็ไม่ได้หมายความว่า คุณสรยุทธเป็นอิสระนะครับ วันนี้ทางกรมคุมประพฤติเองมีการกำหนดพื้นที่คุณสรยุทธเอาไว้ ก็คือ กรุงเทพฯ และปริมณฑล เอาไว้อยู่แล้ว ซึ่งคุณสรยุทธเองก็ได้มีการร้องขอก็ได้ในพื้นที่เท่านี้ แต่หากมีการออกนอกพื้นที่มากกว่านี้ คุณสรยุทธจะต้องทำเรื่องขอทางคุมประพฤติเป็นครั้งคราวไปล่วงหน้าอย่างน้อย 3 วันครับ”
























กำลังโหลดความคิดเห็น