“ฟิล์ม รัฐภูมิ” ปัดหันหลังให้การเมือง หวนกลับเข้าวงการบันเทิงเต็มตัว มั่นใจทำควบคู่ไปได้ ลั่นที่ผ่านมาเป็นผู้ถูกกระทำ กฎหมายล้าหลัง กดความคิด รับพิษโควิด เสียหายหลักล้าน ตัดใจปิดกว่า 10 ร้าน ปิดบริษัททัวร์ที่ทำมากว่า 10 ปี บอกอุดรูรั่วตอนนี้ดีว่าปล่อยจนเราตาย ไม่ปล่อยโอกาสให้หลุดลอย นำเข้าเซิร์ฟสเก็ต
หลังจากหันไปลุยงานด้านการเมืองเต็มตัว แต่ตอนนี้ “ฟิล์ม รัฐภูมิ โตคงทรัพย์” หวนกลับมารับละครอีกครั้ง ท่ามกลางข่าวลือเตรียมหันหลังให้การเมืองแล้ว ซึ่งเจ้าตัวเผยว่าไม่เป็นความจริง ยังทำทุกอย่างควบคู่กัน
“นานมาก ตั้งแต่อาร์เอส ก็ไม่ได้รับเลยมาหนักทางการเมือง และก็กลับมาก็เกือบๆ 5 ปี ถามว่าหันหลังให้การเมืองไหม อยู่เหมือนเดิม ยังคงเป็นทีมงานอยู่ครับ ยังทำงานอยู่
มาถ่ายละครก็ไม่กระทบเลย เรื่องการเมืองกับดาราก็คล้ายๆ กันคือทำเพื่อประชาชนเหมือนเดิม และตอนนี้ก็ไม่ใช่ช่วงโปรโมตช่วงหาเสียง แต่ละคนก็แยกย้ายกันลงพื้นที่ ผมก็ยังทำงานกับคุณหญิงสุดารัตน์ (สุดารัตน์ เกยุราพันธุ์) ก็ลงพื้นที่ตลอดเวลาอยู่แล้ว ว่างเมื่อไหร่ก็ลงพื้นที่ ถามประชาชนว่าเขาต้องการให้เราช่วยเหลืออะไร ส่วนใหญ่ก็ทำเป็นเวทีสัมมนาขึ้นมาเพื่อรับฟังปัญหาและเอาไปแก้ไขในข้อกฎหมายต่างๆ หลักๆอยู่ทีมเบื้องหลังครับ”
ย้ายออกจากเพื่อไทย เพราะชอบอุดมการณ์คุณหญิงสุดารัตน์
“ตอนนี้ผมย้ายพรรคจากเพื่อไทย ตามไปอยู่กับคุณหญิงสุดารัตน์ เพราะว่าชอบในอุดมการณ์ หายากมาที่ผู้นำจะฟังเสียงประชาชน แล้วผมมองว่าอุดมการณ์ จุดยืนตรงกับผมดี ผมจึงเลือกที่จะตามออกมา ทั้งที่ตอนนั้นอยู่พรรคใหญ่แล้วนะ และได้เป็นถึงรองโฆษกพรรคแล้ว แต่ผมมองว่าจุดยืนคือสิ่งสำคัญ ก็ตามมาอยู่พรรคใหม่ชื่อพรรคไทยสร้างไทย
อุดมการณ์เหมือนเดิมคือฟังเสียงประชาชน สนับสนุนกลุ่มสตาร์ตอัป เรื่องนี้ทำให้ผมชอบและเลือกที่จะตามมา เพราะว่าผมเคยเป็นผู้ถูกกระทำมาก่อน เมื่อตอนปี 60 ธุรกิจของผมถูกแบงก์ชาติออกหมายจับ ผมเลยมองว่ามันไม่ถูกต้อง ทำไมรายใหญ่ทำได้ทำไมสตาร์ตอัปทำไม่ได้ ทำไมต้องเสีย 250 ล้านเพื่อขอใบอนุญาต
ทั้งๆ ที่ผมสตาร์ตอัปด้วยความคิดผม แต่ทำไมต้องเสียเงิน แล้วมีความคิดบางมุมว่ากฎหมายมันไปกดความคิดของคน และล้าหลังมากๆ ประเทศไทยมีกฎหมายที่ควบคุมธุรกิจพันกว่าฉบับ แต่ประเทศที่ใกล้ๆ บ้านเรา เกาหลี ญี่ปุ่นมีกฎหมายแค่ร้อยกว่าฉบับเอง ยกตัวอย่างจะเปิดร้านทำผมก็ต้องไปขอใบอนุญาตต่างๆ เต็มไปหมด ทั้งหมดทั้งมวลเข้าใจได้คือมีไว้เพื่อปลาใหญ่ เขาล็อกไว้ไม่ให้มีธุรกิจซ้ำซึ่งมันไม่ใช่กับยุคนี้แล้ว นี่คือยุคที่ต้องเปิดโอกาสให้กับเด็กและเยาวชน หรือสตาร์ตอัปขึ้นมาทำได้แล้ว
จริงๆโดดเด่นตั้งแต่โดนจับแล้ว มีหลายๆ พรรคก็มาดึงตัวไปจากเรื่องนี้เลย พรรคแรกที่ให้โอกาสคือพรรคของคุณชัช เตาปูน บอกให้ออกมาพูดเรื่องนี้เลย มาดันเรื่องนี้ เพราะเราเป็นผู้ถูกกระทำไง ทำไมต่างชาติทำได้ ทำไมหลายแบรนด์ทำได้ แต่อ้างว่าเป็นของต่างชาติเลยจับไม่ได้ พอเป็นผมเองมาจับ ทั้งๆ ที่เราเสียภาษีถูกต้อง”
ไม่ได้หันหลังให้การเมือง หวนเข้าวงการเต็มตัว ค้นพบตัวเองว่าชอบแนวนี้
“ไม่เลยๆ ตอนนี้ผมค้นพบว่าตัวเองว่าชอบแนวนี้มาก สำหรับบ้านเราสูงสุดของชีวิตตอนนี้ก็คือการมีกฎหมายที่ไม่มาปิดกั้นแล้วถ้าเรามีที่ให้ไปเสนออะไรเกี่ยวกับข้อกฎหมายที่มันล้าหลังมันแก้ไขได้ ประโยชน์ก็ไม่ใช่แต่เรา เป็นประโยชน์กับเด็กๆ สตาร์ตอัปรุ่นใหม่ๆด้วย ก็ยังจะทำอยู่
ถามว่าจะทำไปด้วยกันได้ยังไง ต้องมองว่ามันคือชีวิตเราก่อน เราช่วยเหลือสังคมอยู่แล้ว พอมาเป็นการเมืองก็เหมือนกันคือช่วยเหลือสังคมเหมือนกัน แต่ทีนี้เรามาช่วยเหลือด้วยความรู้มากกว่า ส่วนนักแสดงก็ช่วยเหลือด้วยชื่อเสียง ใช้ชื่อเสียงไปประกาศให้มีการช่วยเหลือกันเยอะๆ สุดท้ายเหมือนกันช่วยเหลือเหมือนกัน การเมืองเราเอาความรู้ไปแก้ไขกฎหมาย หรือแนะนำเรื่องเศรษฐกิจให้เขาดีขึ้น เช่น เอาเรื่องอีคอมเมิร์ซที่เราถนัดมาช่วยบอกตามชุมชนต่างๆ เมื่อเขาเป็นอีคอมเมิร์ซเขาก็เริ่มค้าขายออนไลน์กันเป็น ทำให้เขามีรายได้มากกว่าการเอาของไปขายแค่ในตลาด”
ไม่หวั่นเจ็บตัว ทำทุกอย่างบนความถูกต้อง
“จริงๆ ผมก็ผ่านมาทุกด่านแล้วนะ ก็เลยชินมากกว่าและบวกว่าดูด้วยว่าจุดยืนของเรา เราทำบนความถูกต้องไหม ถ้าเราไปทำบนความไม่ถูกต้องผมว่าเราแก้ตัวไปหาข้อมาโต้แย้งก็เจ็บตัวเปล่าๆ ดังนั้นหลักๆ ก็ดูว่าเราทำบนพื้นฐานของความถูกต้องหรือเปล่า ถ้าอยู่บนพื้นฐานความถูกต้องเราก็ผ่านไปได้นะ
ถามว่าจัดสรรเวลายังไง ปกติมันไม่เบียดเบียนกันมาก เราบริหารองค์กร จัดสรรไซต์ธุรกิจเรานั่นแหละ ละครก็แบ่งเป็นรูทีน อย่างเรื่องนี้ถ่าย ศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ จันทร์ ถึง พฤหัสบดี เราก็ว่างอยู่ใน 4 วันนั้นนอกจากบริหารธุรกิจตัวเองแล้วก็ยังสามารถเอาเวลาไปบริหารพรรคของเราได้ด้วย”
ผลกระทบโควิดทำให้ต้องปิดบริษัททัวร์ที่ทำมา 10 กว่าปี ปิดไปกว่า 10 ร้าน สายป่านไม่ถึง ฝืนได้แค่เพียง 8 เดือน
“หนักครับ เหมือนธุริกจหลายๆ คน ผู้ประกอบการหลายๆ ท่าน บริษัททัวร์ก็ต้องปิดไปเลยเหมือนกันทั้งๆ ที่เปิดมา 10 กว่าปีแล้วนะกลุ่มไลน์ร้านอาหารต่างๆ ร้านก๋วยเตี๋ยว ร้านชาบู ร้านหมูกระทะ ร้านกาแฟก็ปิดไปมากกว่า 10 ร้านค้า ก็ยังไม่รู้ว่าจะกลับมายังไง แต่ก็ไม่เป็นไรเพราะโดนผลกระทบเยอะ เราฝืนต่อไปไม่ไหว จริงๆ ฝืนมาได้ 8 เดือนน่าจะไปได้ต่อแต่ก็ฝืนไม่ไหวสายป่านเราไม่ถึง มันไม่เพียงพอที่จะฝืนต่อไป
ช่วงแรกก็ปิดตามรัฐบาลบอกตอนที่เขามีควบคุม พอเขาให้เปิดเราก็เปิด แต่มันประคองไม่ไหวพนักงานหลายชีวิต เดือนหนึ่งสูญหายไปหลายแสนบาน พอมันไปเรื่อยๆ ในระยะเวลาเกือบ 2 ปี มันก็เริ่มตึงเริ่มหนักแล้ว”
เสียหายหลักล้านแน่นอน อุดรูรั่วตอนนี้ ดีกว่าปล่อยจนเราตาย
“คิดมูลค่ายาก เพราะว่ารวมบิวต์อินเมื่อตอนเริ่มด้วยก็เยอะมาก หลักล้านแน่นอน แต่เราก็คิดว่าอุดรูรั่วไว้ตั้งแต่ตอนนี้ดีกว่าปล่อยรั่วจนเราตาย ก็ปล่อยให้พนักงานทำหน้าที่อื่นๆ ดีกว่า แล้วผมก็มาเปิดไลน์ธุรกิจใหม่ๆ ที่เหมาะกับยุคนี้ ก็ถ่ายโอนพนักงานที่มีความรู้ความสามรถมาช่วยผมอีก อุดรูรั่วหาของกินดีๆ บำรุงร่างกายแทน ธุรกิจใหม่ทำเกี่ยวกับสถาบันการเรียนรู้ออนไลน์ สอนการตลาดออนไลน์ สอนเรื่องของหุ้น ยุคนี้ต้องเล่นอะไรที่เป็นหุ้นหมดเลย ผมก็กลับมาสตาร์ตได้เกือบๆ 6 เดือนแล้ว ก็เริ่มฟื้นตัวครับ”
เคยเจ็บกว่านี้ตอนทำคลินิ
“ไม่นะ เคยเจอหนักกว่านี้ ตอนทำคลินิกหนักกว่านี้ ตอนนี้ฟื้นตัวแล้วครับ อะไรที่เกี่ยวกับออนไลน์ ทำเว็บไซต์ ทำแอปพลิเคชั่น ก็สามารถฟื้นตัวได้เร็ว”
ไม่ปล่อยโอกาสให้หลุดลอย นำเข้าเซิร์ฟสเก็ต
“ใช่ครับ เป็นธุรกิจที่ตอนนี้เขานิยมกัน เราก็มองว่าไม่ควรปล่อยโอกาสให้หลุดลอยไป ตอนนี้กำลังดัง เป็นที่นิยม และคนหาซื้อยากมาก ส่วนผมมีแวร์เฮาส์อยู่ที่จีนอยู่แล้ว ผมขนย้ายหน้ากากอยู่แล้ว ผมทำหน้ากากส่งออกไง ผมมีโอกาสตรงนี้ก็เลยนำเอาสเก็ตเข้ามา
ถามว่าลงทุนเยอะไหมก็เยอะ แต่ผมคะเนไว้ว่าประมาณ 8 เดือนน่าจะไหว น่าจะทันกับกระแสที่เราเอาเข้ามาขาย กำลังทำลานด้วย แต่ก็ต้องดูกระแสด้วย ยุคนี้คาดเดาอะไรไม่ค่อยได้ ใครอาจจะไม่มีวินัยไปเอาโควิดเข้ามาอีกก็ได้ เราไม่รู้เลยว่าต้องทำยังไง เราก็ต้องรอ ดู ช้าๆ ยุคนี้ต้องทำอย่างนี้ ออเดอร์ไปหลายร้อยชิ้นเหมือนกัน”
วางแผนทุกธุรกิจรอบคอบ พลาดมาเยอะในชีวิต
“จริงๆ ทุกธุรกิจเราก็วางแผนดีมาก รอบคอบสุดๆ เพราะพลาดอะไรมาเยอะในชีวิต เราก็ไม่รู้อีกว่าโควิดจะมาอีกไหม วินัยจะเสียกันไหม หรือโรคใหม่ๆ หรือกระแสที่กำลังเล่นๆ กันอยู่อ้าว เลิก ทุกอย่างมีความเสี่ยงแต่ก็ต้องวัดเอา ตอนนี้เขาหากันไม่ได้เลยเราหาได้ก็เอาเข้ามา ถามว่าไม่กลัวเจ๊งใช่ไหม ก็ต้องวัดกันดูครับ มีความเสี่ยง และชอบความเสี่ยงอยู่แล้ว”