เอาอีกแล้ว “นุ๊ก สุทธิดา” เจอโจรบุกงัดบ้านเช่าอีกแล้ว ขนเอกสารและของใช้ผู้เช่ารายเก่าคู่กรณีไปพร้อมทั้งทรัพย์สินส่วนตัวของนุ๊ก ด้านคู่กรณีรีบส่งตัวแทนมาปฏิเสธ เจ้าตัวเหลืออด ฉะกลับร้อนตัวทำไมถ้าไม่ได้ทำ โมโหดีแต่รับปากจะชดใช้ค่าเสียหาย แต่ก็ไม่ชดใช้ให้ อ้างแต่เก็บตังค์อยู่ ไม่อยากจะฟ้องศาลแต่ดูแล้วคู่กรณีนั่นแหละไม่อยากจบ บอกแล้วว่า คู่กรณีไม่ใช่คนธรรมดา
เกิดเหตุวุ่นวายที่บ้านเช่าของ "นุ๊ก สุทธิดา เกษมสันต์ ณ อยุธยา” อีกแล้ว คดีเก่ายังไม่จบกรณีที่นุ๊กนำบ้านให้เช่า แต่ปรากฏว่าบ้านหลังดังกล่าวถูกผู้เช่านำไปทำเป็นโรงงานผลิตถุงมือยางผิดกฎหมาย ขณะเดียวกันก็ทำบ้านเสียหาย จนนุ๊กต้องเข้าแจ้งความและมอบหมายให้นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ มารับหน้าที่ปรึกษาด้านคดีความ
ล่าสุดเมื่อวันที่ 5 มีนาคมที่ผ่านมาก็เกิดเหตุบุกงัดบ้านดังกล่าว และขโมยนำสิ่งของและเอกสารของผู้เช่าที่เป็นคู่กรณีไป รวมทั้งทรัพย์สินส่วนตัวของนุ๊ก ทำเอาเจ้าตัวโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยงไลฟ์สดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จนคู่กรณีส่งตัวแทนโทรเข้ามาเคลียร์ว่า ไม่ได้เป็นผู้กระทำ เรื่องนี้นุ๊กเปิดใจอย่างเหลืออดว่า ทำไมต้องร้อนตัว ไม่ได้เอ่ยชื่อใคร และที่รับปากว่าจะชดใช้ค่าเสียหายให้ ก็มีแต่รับปากแต่ไม่เคยปฏิบัติ พยายามจะจบไม่อยากจะมีเรื่องไม่อยากจะฟ้องศาล แต่คู่กรณีต่างหากที่เป็นฝ่ายไม่อยากจบ บอกแล้วว่า คู่กรณีของตนเองไม่ใช่คนธรรมดา
“คือต้องบอกว่าใบแจ้งความนี่สะสมครบ 10 ใบแล้วได้ชิงโชคเลยนะคะ เพราะว่าตอนเช้าวันนั้นเนี่ย จำได้ว่าเป็นวันที่ 5 มีนาคม คุณหมอนัดให้ไปตรวจร่างกาย รอบนี้ก็คือไปตรวจผลเลือดว่า ค่ามะเร็งยังสูงอยู่หรือเปล่า เราก็มีความกังวลแหละ ก่อนนอนก็ยังคิดอยู่ ขนาดว่าใจสู้แต่ก็ยังนอนไม่หลับ ด้วยความที่กังวลว่าจะไปทันคุณหมอไหม แล้วผลจะเป็นยังไง จะต้องกลืนแร่อีกไหม คือก็มีความเครียด ก็นอนไม่ค่อยหลับ”
“จนตอนเช้าตื่นมา ประมาณ 7-8 โมงเช้า คุณแม่ก็โทรมาบอกว่า มีคนแถวนั้นโทรมาแจ้งให้เราทราบว่า เราได้เข้าไปเอาของหรือเปล่า ณ ตอนนี้ เราก็ถามว่าเข้าไปตั้งแต่กี่โมง เขาก็บอกว่าตั้งแต่ 6 โมงเช้าแล้ว พอเขามองๆ มาแล้วมันดูไม่ใช่เรา เขาเลยโทรแจ้งเรา ซึ่งตอนนั้นเราจะต้องไปโรงพยาบาล เลยโทรบอกกับผู้จัดการ ซึ่งตำรวจปคบ.ก็นัดเราวันนั้นเหมือนกันตอน 11.00 น. เพื่อที่จะเข้าไปเอาของกลางที่ยึดไว้ แต่ว่า 6.00 น. มีคนมาเอาของไปก่อน ผู้จัดการก็เลยเข้าไปที่บ้าน ก็ไม่เจอใครแล้วกว่าจะถึงเขาก็เก็บของออกไปหมดแล้ว”
“สิ่งที่สูญหายไปนะคะ ตรงนี้ก็อย่างที่บอกไปว่า เราไม่ได้ว่าใคร ของที่หายไปก็จะเป็นเศษซากถุงมือยาง ซึ่งเราต้องบอกก่อนว่า ถ้าโจรทั่วไปไม่ได้ทำธุรกิจตรงนี้ ไม่รู้จะเอาไปทำอะไร เพราะมันเป็นซากถุงมืออย่างที่เห็นกัน อย่างที่สองก็คือเอกสารทั้งหมดในบ้าน หายหมดเลย ซึ่งถ้าให้เราประเมินได้ เราก็คิดว่าน่าจะมีอาชีพพับถุงกระดาษขายนะคะโจรคนนี้ (หัวเราะ) เพราะว่าเอาเอกสารไปหมดเลย แล้วก็ของใช้ส่วนตัวของผู้เช่ารายเก่า พวกเสื้อผ้า หมอน ผ้าห่ม ก็หายไป ของที่เป็นของเราก็หายไปด้วย รูปปั้นสมเด็จรัชกาลที่ 5 ที่อยู่มากับบ้านเลยก็หายไปด้วย”
“เอกสารที่หายไปเป็นเอกสารของผู้เช่าเดิม ซึ่งเราก็ไม่ทราบว่า มีความสำคัญอะไรมากน้อยแค่ไหน แต่คือประเด็นในความรู้สึกเรา เราก็รู้สึกแค่ว่า ข้อหนึ่งใครนะมันช่างกล้าแบบไม่เกรงกลัวกฎหมายเลยเหรอ ซึ่งบ้านหลังนี้ ถ้าเอาเป็นว่าโจรกะโหลกกะลาม้าหมุน สมมติถ้าเป็นพวกนั้นนะคะ กล้ามากนะ เพราะว่าบ้านมีคดีมาก่อนอยู่แล้ว ก็ไม่น่าจะขึ้นซ้ำขึ้นซ้อน”
“แต่อีกส่วนหนึ่งก็คิดว่า แล้วถ้าเราเป็นคนที่กลับไปอยู่บ้านหลังนั้นล่ะ คือนึกจะมาเมื่อไหร่ก็มา ตัดสายยูซึ่งเราล็อกไว้ 3 ชั้นออกหมดเลย อันนี้มันคือลักขโมย มันคือบุกรุกด้วย และที่สำคัญที่สุดคือคัทเอ้าท์ที่บ้านเนี่ย มีทั้งหมด 4 จุด แต่ละชั้นมีคัทเอ้าท์ของมัน เป็นคัทเอ้าท์น้อย ส่วนคัทเอ้าท์ใหญ่มันอยู่อีกตึกหนึ่ง ซึ่งถ้าไม่ใช่คนที่เคยอยู่บ้านนี้ จะไม่รู้ว่าคัทเอ้าท์ใหญ่ทั้งหมดในบ้านอยู่ตรงไหน”
“และแอร์ก็ถูกเปิดขึ้นมา เพราะทุกครั้งของการไปบ้าน เราจะสับคัทเอ้าท์ใหญ่หมดเลย เพราะเรากลัวไฟไหม้บ้าน ทีนี้พอเราไปถึง คัทเอ้าท์ใหญ่ถูกเปิด แอร์ถูกเปิด และเอารีโมทแอร์ทั้งหมดถอดถ่ายแล้วปาทิ้ง ซึ่งโจรมีเวลาว่างมากที่จะทำสิ่งนั้น แล้วประตูก็เปิดทิ้งไว้ เหมือนแกล้งทำให้เสียทรัพย์ด้วย”
ไม่รู้ว่าเป็นฝีมือคู่กรณีหรือเปล่า แต่คู่กรณีให้ตัวแทนโทรมาเคลียร์หลังจากที่ “นุ๊ก” ไลฟ์สดแฉ
“เขาก็โทรมาให้คนอื่นโทรมา เป็นคนที่เขาพูดว่าเป็นตัวกลาง โทรมาหลังจากที่เราไลฟ์ว่า เขาไม่ได้ทำนะ ถึงบอกไปในไลฟ์ว่า ตัวกลางเนี่ย หมายถึงว่า เราสองคนรู้จักกันเนอะ แต่ในเมื่อฉันไม่รู้จักเธอ ก็ไม่เรียกเธอว่า เป็นตัวกลางนะคะ เรียกว่าเป็นตัว...มากกว่า ก็ไม่รู้ว่าโทรมามีจุดประสงค์อะไร เพราะว่าถามเขาว่าขอทีละข้อเลย”
“ข้อหนึ่งคุณบอกว่าคุณไม่ได้ทำ แล้วคุณร้อนตัวโทรมาทำไม เพราะฉันก็ไม่ได้พูดถึงคุณ เขาก็บอกว่าลักษณะการพูดเนี่ย ทุกคนคิดว่าเป็นเขา เราก็บอกเลยว่า หนึ่งเราไม่ได้เอ่ยชื่อเลยว่าใคร สองนี่เป็นบ้านของฉัน ฉันมีสิทธิ์ที่จะไลฟ์ ในขณะที่โจรขึ้นบ้าน หรือมีคนมาขโมยของในบ้าน ฉันมีสิทธิ์ที่จะทำในบ้านของฉัน”
“เขาก็บอกว่า อีกข้อหนึ่งที่เขาโทรมาคือ ไม่ใช่ไม่พยายามจะใช้หนี้ในส่วนของค่าเสียหายทั้งหมด กำลังหาเงินอยู่ เราก็เลยบอกว่าโอเค ถ้าเป็นบ้านน้องล่ะ พูดกับทุกคนว่ากำลังหาเงินอยู่ ตั้งแต่แม่เขามาขึ้นโรงพักกับเรา ก็บอกว่ายินดีจะชดใช้ เราก็ไม่อยากจะพูดอะไร เพราะเราอยากให้คนที่ยืนข้างๆ เรา มีที่ยืนในสังคม แต่ถ้าทำตัวเลวๆ แล้วคิดว่า ไม่อยากจะมีที่ยืนในสังคม แล้วก็ไม่แคร์ด้วย เราก็รู้อยู่นะคะว่า เขาทำตัวยังไง เพราะที่ผ่านมาเขาพูดกับทุกคนอย่างนี้ว่า เขาจะคืนเงินเรา แต่ไม่มีการติดต่อใดๆ ที่มาจากเขาก่อน ตั้งแต่ขึ้นโรงพักจนถึงวันนี้ มีแต่เราติดต่อไป แม้แต่เรามีทีมทนายมาแล้ว ทีมทนายเราก็ติดต่อไปนะคะ ไม่ใชว่าเขาติดต่อมาหา รวมถึงน้องคนนี้ที่พูดว่าจะชดใช้ อะไรคือการชดใช้ พูดได้ทุกอย่าง แต่การกระทำหรือความเป็นจริง เคยเข้ามาคุยไหม อย่าว่าแต่เอาเงินมาให้เลย ค่าน้ำค่าไฟที่ใช้ไปแล้วในเดือนที่โดนจับก็ยังไม่จ่ายเลย อย่ามาพูดเรื่องชดใช้ค่าเสียหาย”
ที่ไปแจ้งความเบื้องต้นว่าอย่างไรบ้าง
“ก็ได้แจ้งความ ซึ่งกว่าเราจะไปถึง กว่าเราจะได้ใบแจ้งความ วันนั้นก็คือเหนื่อยหนักมากสาหัสมาก เพราะเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานลงมาเก็บลายนิ้วมือ เนื่องด้วยบ้านที่มันหลังใหญ่มาก ก็เลยนานมาก ก็ต้องบอกว่าขอบคุณนะคะ เพราะว่าเจ้าหน้าที่ทำงานละเอียดมาก แล้วก็ใช้เวลานานมากๆ ตั้งแต่เวลาประมาณเที่ยง กว่าจะเสร็จอีกทีก็ประมาณ 3-4 โมงเลยค่ะ”
เจ้าหน้าที่ของวังทองหลางก็มาเฝ้าที่บ้านเหมือนกัน เพื่อที่จะรอไปกับเรา ร้อยเวรที่วังทองหลางคือไปรับแจ้งความไปพร้อมกับเราเลยที่สน. ก็ประมาณ 5- 6 โมงเย็น ซึ่งข้าวเช้าของเราและเจ้าหน้าที่ไม่ได้กินเลย เช้าเที่ยงคือมากินอีกทีก็คือตอน 6 โมงเย็นทั้งคู่เลย ก็ต้องขอขอบคุณร้อยเวรสน.วังทองหลางด้วย”
“แต่พอเราไปถึงที่สน. ปุ๊บเราก็ได้ทราบว่าน้องคนนี้ เข้ามาพยายามจะแจ้งความเราเหมือนกัน ในตอนบ่าย 4 โมง โดยอ้างว่าเราบุกรุกสถานที่ เพราะที่นั่นยังเช่าอยู่ เขาอ้างว่าอย่างนี้ ที่นั้นยังมีสัญญาเช่าอยู่ เพราะฉะนั้นเราบุกรุกสถานที่ และข้อสองเรายึดเหนี่ยวของเขา แต่เราไม่ได้ยึดเหนี่ยวทรัพย์เขา คือเขาพยายามจะแจ้งความเรา เจ้าหน้าที่ก็เลยบอกว่าอันนี้ให้ไปสืบกับทางศาลตอนนี้ก็เลยลงบันทึกประจำวันไว้”
อยากจะให้แจ้งความจริงๆ เหมือนกันนะคะ จะได้จัดการเรื่องแจ้งความเท็จไปเลย เพราะตัวเขาเองก็รู้ดีอยู่แล้วว่าสิ่งที่เกิดขึ้นมันคืออะไร เหมือนกับเขาแกล้งหรือเปล่า ก็คือบอกแล้วว่าสิ่งที่นุ๊กเจอเนี่ย มันไม่ธรรมดา ไม่ใช่คนธรรมดา”
สามารถจะเข้าไปติดกล้องวงจรปิดในสถานที่ของเราเองได้ไหม
“คือตอนนี้ก็ต้องรอคุยกับทนาย ฝั่งทนายอัจฉริยะนะคะ ว่ายังไง ว่าเขามีความเห็นยังไงในส่วนนี้”
เรากับฝ่ายคู่กรณี สามารถทำสัญญากับเขาได้ไหม ว่าจะผ่อนจ่ายเป็นงวด งวดละเท่าไหร่
“คือเขาไม่คุยค่ะ ติดต่อไปทางน้องก็บอกว่า อยากจะเข้ามากำลังเก็บเงินอยู่ แต่ก็ไม่เคยติดต่อ ส่วนทางคุณแม่ ซึ่งทางทนายติดต่อไป ก็บอกว่าเดี๋ยวขอดูก่อนเดี๋ยวขอกลับไปคิดก่อน ทุกครั้งที่ติดต่อไปก็พูดแบบนี้นะคะ แต่เวลาอยู่ต่อหน้าสื่อก็บอกว่ายินดีจะชดใช้ให้”
คดีเก่ายังไม่มีอะไรคืบหน้า
“ใช่ค่ะ ก็มีแต่เรื่องใหม่ๆ ซึ่งแบบเนี่ยมันจะทำให้คนที่ทำอะไรแบบนี้ได้ใจ อยากจะทำอะไรก็ได้ แต่นี่ขนาดเราเป็นคนที่มีคนที่รู้จักอยู่บ้างนะคะ เวลาทำอะไรน่าจะเป็นข่าว ก็ยังมีคนที่กล้าทำอย่างนี้เลย แล้วนึกถึงคนทั่วไปจะเป็นยังไง โจทก์รายก่อนๆ ที่โดนเป็นยังไง”
เรื่องการฟ้องร้องค่าเสียหายกำลังดำเนินการ แต่จริงๆ ไม่อยากมีเรื่อง แต่ดูแล้วคู่กรณีไม่ยอมจบ
“นุ๊กเพิ่งคุยกับทางผู้รับเหมา คือการที่จะยื่นฟ้องเอกสารจะต้องแน่นมากๆ ต้องไปทำงานแต่ละจุดอย่างชัดเจน แล้วก็เพิ่งรวบรวมเอกสารส่งให้ทนายไปอีกรอบหนึ่ง ทางทนายก็เลยกำลังเตรียมการ ว่าจะทำยังไงต่อไป เพราะคดีนี้เวลาฟ้องไปแล้วก็ต้องมาสืบอีกทีหนึ่ง ว่าอะไรที่ทำให้เสียหายบ้าง”
“เอาจริงๆ ก็ต้องคุยกับทีมทนายว่ายังไง เพราะเอาจริงๆ ถ้าถามส่วนตัวนุ๊ก นุ๊กไม่ใช่คนที่อยากจะมีปัญหากับใคร เราก็อยากจบนะ แต่เรารู้สึกว่าเขาไม่อยากจบต่างหาก เขาไม่จบกับเรา สิ่งที่เขาทำเหมือนเขาไม่ผิด แล้วเขาไม่พร้อมที่จะชดเชยหรือช่วยชดใช้ใดๆ เลย ซึ่งมันก็ต้องอยู่ที่ทนายแล้วว่าจะต้องทำยังไง แต่ถ้าถามเรา เราไม่ใช่คนที่อยากจะมีเรื่องแน่นอน เพราะเราก็รู้ เขาก็รู้ เขาถึงทำอย่างนี้ เขาก็รู้ว่าถ้าเราฟ้องไป มันไม่ใช่ง่ายง่ายที่คดีจะจบ มันก็เลยเป็นเหตุผลที่เขาก็เลยไม่แคร์ไงคะ”
ผลเลือดค่ามะเร็งดีขึ้น
“ดีค่ะ ผลเลือดดีขึ้นค่ะ ก็คือน่าพอใจขึ้น หมอเสียงดังเลยค่ะร่าเริงเลย บอกว่าผลเลือดเป็นที่น่าพอใจมาก ส่วนผลอัลตราซาวด์ก็ยังมีเซลล์มะเร็งตุ่มก้อนๆ อยู่ในต่อมน้ำเหลือง อยู่ประมาณ 3 จุด ที่เราเคยบอกว่า คุณหมอเก่งมากสามารถที่จะเห็นเซลล์มะเร็งได้ตั้งแต่ครั้งแรก คือต้องบอกว่าครั้งนี้คุณหมอพูดอย่างฉะฉานมาก อันนี้ใช่หรืออันนี่ไม่ใช่ อะไรแบบนี้ค่ะ เราก็เลยรู้สึกสบายใจ”
“ขนาดยังไม่ถึง 1 เซ็นค่ะ 3 จุดก็ยังไม่ถึง 1 เซ็น สบายใจได้ ก็มีอยู่ 2 อย่าง ก็คือรอดูต่อไป ว่ามันจะยุบลงบ้างไหมหรือมันจะโตบ้าง ก็กินยาให้มันฝ่อไป แล้วก็ยังต้องเช็กอัปตลอด ส่วนอย่างที่สองคือถ้าไม่สบายใจอยากจะผ่าก็ผ่า หรือพูดสวยๆ ก็คือเก็บตังค์ได้เมื่อไหร่ก็มาผ่า โห...คราวที่แล้วก็เกือบล้านเหมือนกันนะคะที่โดนไปก็ง่อยเหมือนกัน อุตส่าห์เก็บเงิน คิดว่าจะซื้ออะไรให้ลูกซะหน่อย”
“จะผ่าหรือไม่จากที่คุยกับคุณหมอทั้งสองท่านและประเมิน คุณหมอท่านที่สองบอกว่า อยากจะลุ้นให้ดูไปก่อนเรื่อยๆ แล้วมันอาจจะมีเคสที่ฝ่อลงไปก็ได้ ซึ่งนุ๊กก็คิดในแง่ดีเหมือนกันว่า น่ามีผลดี ช่วงนี้ก็อาจจะต้องดูแลเรื่องอาหารเรื่องการกินเป็นพิเศษ ยังไงก็ต้องขอฝากขอบคุณด้วยค่ะ มีแฟนคลับหลายคนต้มน้ำมะตูม ต้มน้ำอะไรมาให้มากมาย หรืออาหารเสริมบ้าง คือนุ๊กกินหมดเลยนะคะ ที่ทุกคนให้มา ก็คือถ้าใครใส่ของอะไรมา ก็คือนุ๊กตายเลย (หัวเราะ) ก็ขอบคุณไว้ตรงนี้ด้วย”
“คือตอนนี้กำลังดูแลตัวเองเป็นอย่างดี เพราะต้องบอกว่าไม่อยากผ่าตัด เพราะไม่อยากเสียตังค์ อยากจะเก็บตังค์ไว้ให้ลูก ก็เลยรู้สึกว่า ต้องดูแลตัวเองอย่างดี แล้วก็ไม่ต้องกลืนแร่ด้วย คุณหมอบอกว่าคนไข้คนอื่นจะกลัวการผ่าตัดมากกว่ากลืนแร่ แต่ทำไมคุณสุทธิดา กลัวการกลืนแร่มากกว่าการผ่าตัด ก็เลยบอกคุณหมอว่า การผ่าตัดมันเป็นงานของหมอ คนไข้แค่หลับเฉยๆ ทั้งหมดหมอเหนื่อย เราไม่เหนื่อย แต่การกลืนแร่มันเหมือนเป็นงานของเรา เราเหนื่อยค่ะ”