เป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์หนัก จนกลายเป็นดรามา ตั้งแต่ละครยังไม่ออกอากาศ สำหรับละคร “เรยา” ทางสถานีโทรทัศน์ช่อง 8 เพราะนอกจากความเชื่อมโยงว่าเป็นภาคต่อ “ดอกส้มสีทอง” แล้ว แต่ยังเป็นการทิ้งทวนเรื่องสุดท้ายของ “พลอย เฌอมาลย์ บุญยศักดิ์” อีกด้วย แต่ยังไม่ทันได้ออนแอร์ กระแสในด้านลบที่มาพร้อมคำวิจารณ์ก็ “ทัวร์ลง” ชนิดที่อ่านคอมเมนต์กันไม่ทัน
เพราะล่าสุดมีเพจดังเพจหนึ่ง นำรูปที่ใช้โปรโมตละครไปเปรียบเทียบกับซีรีส์เกาหลีเรื่องหนึ่ง ที่มีลักษณะรูปภาพ นางเอกรายล้อมไปด้วยผู้ชาย ที่คล้ายกับภาพในละคร เรยา ทำให้ถูกวิจารณ์สนั่นโซเชียล ถึงพล็อตเรื่องระหว่างซีรีส์เกาหลีและละครไทย ว่ามีเนื้อหาที่แตกต่างกันแบบคนละชั้น พร้อมย้ำละครไทยว่า “ล้าหลัง” แย่งผัวแย่งเมียไม่เปลี่ยน
ซ้ำยังวิจารณ์ไปถึงเพลงประกอบละครอย่างเพลง “ไร้ยางอาย” ที่ขับร้องโดย “เจนนิเฟอร์ คิ้ม” อีกด้วย ว่าเพลงไม่ส่งประสิทธิภาพของนักร้อง ทำนองเชย ไม่แรงกระแทกอารมณ์ เหมือนเพลงให้เลวกว่านี้ ในเวอร์ชั่นละคร “ดอกส้มสีทอง” เรียกว่างานนี้โดนทั้งขึ้นทั้งล่อง
หากมองย้อนกันทีละประเด็น ถึงการเปรียบเทียบซีรีส์เกาหลีเรื่องหนึ่งกับละคร “เรยา” ในเรื่องของความล้าสมัยในการสร้างสรรค์ผลิตละครไทยในปัจจุบัน จนชาวเน็ตแห่กันคอมเมนต์วิจารณ์กันสนั่นว่า ไม่เคยเห็นละครไทยเรื่องไหน สร้างแรงบันดาลใจได้สักเรื่อง มีแต่ต่ำตมไปเรื่อย บ้างก็ว่าอยากให้มีละครที่ทำให้เรามีความคิดสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ บ้าง หากคนที่คอมเมนต์ มองให้ออก ตีโจทย์ให้แตกถึงความจริงไม่มัวแต่โลกสวย และอวยกันเองจนไม่ลืมหูลืมตาว่าแค่วัฒนธรรมทางสังคมของสองประเทศก็แตกต่างกันแล้ว และหากสังเกตให้ดี ละครหรือซีรีส์ส่วนใหญ่มักจะถูกสร้างจากเหตุการณ์หรือสภาวะแวดล้อมทางสังคมของประเทศเหล่านั้นจริงๆ ซึ่งประเทศไทยก็เช่นกัน
และปฏิเสธไม่ได้เลยว่าละครแย่งผัว ตบตี ความเชื่อ ไสยศาสตร์ ทุกวันนี้ยังเป็นที่นิยมและตอบสนองกลุ่มเป้าหมายคนดูและสร้างเรตติ้งได้ดีเสมอ เพราะแต่ละเรื่องก็มีความโดดเด่นแตกต่างกัน ส่วนเรื่องเพลงประกอบละครที่ถูกทัวร์ลงไม่แพ้กัน ถูกวิจารณ์หนักว่าเพลงบ้าอะไรเชยมาก บ้างก็ว่าเพลงไม่แซ่บ หรือแม้กระทั่งบอกว่า คิดจะชุบตัวเรยาให้เป็นสีขาว รับไม่ได้ อยากให้ใช้เพลงเดิมอย่างเพลง “ให้เลวกว่านี้” ที่ร้องโดย “ปาน ธนพร แวกประยูร” ในละครดอกส้มสีทอง แต่ถึงอย่างไร ถ้ามองในมุมของผู้ผลิต ที่จะต้องการสื่อความหมายในเพลง ให้ตรงกับเนื้อหาของละครให้ได้มากที่สุด เพราะหนึ่ง คือไม่ใช่ละครรีเมก จากดอกส้มสีทอง สองคือมุมมองของตัวละครเรยาเปลี่ยนไป เป็นมุมที่โตขึ้น ไม่ใช่สักแต่ว่าจะคิดแย่งผัวใคร แต่เป็นการทะเยอทะยานแบบมีชั้นเชิงและรู้ทันจุดจบของตัวเองที่ได้รับบทเรียนจากภาคก่อนอย่างดอกส้มสีทอง
แต่ถึงอย่างไร ทั้งหมดนี้ก็เป็นเพียงความคิดเห็นส่วนตัว ที่ชาวสังคมโซเชียลได้วิจารณ์กันตั้งแต่รู้ว่าเป็นภาคต่อของ “ดอกส้มสีทอง” และได้ “พลอย เฌอมาลย์” มาแสดงนำ เพราะถือได้ว่าเป็นผลงานละครชิ้นสุดท้ายตามที่เจ้าตัวเคยโพสต์ไว้ เพราะถ้าตอนแรกที่จะออนแอร์ในวันที่ 8 มี.ค. เวลา 19.00 น. ถ้าเอาคนดูอยู่จริง ไม่เป็นไปตามคำวิจารณ์ข้างต้น อาจจะต้องคิดกันใหม่ว่าละครแซ่บๆ แบบ “เรยา” ยังถูกจริตสังคมไทยอยู่ใช่ไหม?
