“นาดาว” ไม่เสียดาย “แพรวา” อยากอิสระ เข้าใจอยากรับงานที่หลากหลาย ยังเป็นพี่เป็นน้องนัดทานข้าวกันอยู่ตลอด แอบห่วงต้องออกไปรับงานเอง แต่ยังมีโปรเจกต์ที่ต้องทำกันอยู่ พร้อมเป็นที่ปรึกษาให้อยู่เสมอ
หลังจากที่นักร้อง-นักแสดงสาว “แพรวา ณิชาภัทร ฉัตรชัยพลรัตน์” ตัดสินใจไม่ต่อสัญญากับต้นสังกัดนาดาว บางกอก ล่าสุดทาง “บอมบ์ จงจิตต์ อินทุ่ง” รองกรรมการผู้จัดการ-ฝ่ายดูแลและพัฒนาศิลปิน บริษัท นาดาว บางกอก จำกัด ก็ออกมาเผยว่า ได้มีการพูดคุยเรื่องนี้กันแล้ว และยอมรับการตัดสินใจของอีกฝ่าย ไม่ได้มีปัญหาอะไร
“เขาหมดสัญญาปลายเดือนกุมภาพันธ์ค่ะ ก็ได้มีการพูดคุยกัน จริงๆ ก่อนหน้านี้ทางคุณแม่โทร.มาปรึกษาก่อน แล้วก็คุยกัน ซึ่งปกติในส่วนของนาดาวนะคะ คือเราก็จะมีการพูดคุยกับน้องอยู่ตลอดเรื่อยๆ อยู่แล้ว สำหรับครั้งนี้ก็คือเหมือนคุณแม่เข้ามาคุย แล้วเราก็มีนัดทานข้าวกับน้อง ซึ่งน้องก็มีแชร์ในส่วนของเหตุผลให้เราฟัง เราก็รับฟัง แล้วก็รู้สึกว่าจริงๆ แล้วหลักๆ มันคือเหมือนกับน้องเริ่มโตขึ้น แล้วเขารู้สึกว่าอยากรับงานที่หลากหลายมากขึ้น มากกว่าที่ค่ายมองเอาไว้
แพรวาเขาอยู่กับเรามาตั้งแต่ฮอร์โมน ตั้งแต่เขาเป็นเด็กวัยรุ่นอยู่เลย ตอนนี้เขาเริ่มเติบโต แล้วเขาก็มีส่วนที่เขาต้องรับผิดชอบครอบครัว ก็มีหลายๆ อย่างที่เขารู้สึกว่าอยากที่จะออกไปรับอะไรประมาณนี้ค่ะ ก็เข้ามาคุยกัน เราก็เข้าใจถึงเหตุผลของน้อง ก็โอเคค่ะ เพราะจริงๆ แล้วทางฝั่งนาดาว พวกพี่ๆ ไม่ได้คิดว่าการที่น้องจะออกไปอยู่ที่อื่น หรือแม้กระทั่งออกไปดูแลตัวเอง มันคือเรื่องที่ไม่ดี เพราะหลักๆ แล้วเราก็ได้ร่วมงานกับน้องอีก ที่มันจะมีโปรเจกต์ W ที่เป็นหนังเรื่องแรกของนาดาวที่ทำกับ GDH แพรวาก็ยังคงได้ร่วมงานกันในพาร์ตนี้อยู่ ล่าสุดเราก็ยังนัดทานข้าวกันอยู่เลย เราเหมือนเป็นครอบครัวที่ดูแลเขามา จนถึงวันหนึ่งเขาออกไปเติบโตประมาณนี้มากกว่า”
บอก “แพรวา” ต้องการที่จะออกไปรับงานที่หลากหลาย ถ้าไม่มีสัญญาก็จะสะดวกกว่า
“โปรเจกต์ทุกอย่างที่มีก่อนหน้านี้ ก็ยังเหมือนเดิมค่ะ ถามว่าเราได้ยื่นข้อเสนออะไรไหม คือจริงๆ ปกติแล้วเราก็จะแชร์กันค่ะ เหมือนคุยกันว่าเหตุผลคืออะไร ทำไม หลักๆ แล้วจะเป็นแบบนั้น แต่ว่ามันอาจจะไม่ใช่แค่เรื่องที่เราปรับกัน หรือคุยกันขนาดนั้น คือน้องก็จะมีเหตุผลในเรื่องของการที่เขาต้องดูแลครอบครัวด้วยอะไรต่างๆ ซึ่งการที่ออกไปดูแลตัวเอง มันอาจจะโฟลว์กว่า ซึ่งเราก็เข้าใจน้องหมดเลย
ที่บอกว่าแพรวาเป็นเด็กที่เราปั้นมา ทั้งการร้องเพลงและการแสดง จริงๆ เรามีความตั้งใจว่าเราอยากจะพัฒนาน้องทุกคนในค่ายอยู่แล้วให้เขามีผลงาน มีการตอบรับที่ดี อันนี้มันเป็นกับทุกๆ คน เพราะฉะนั้นเแพรวาก็คือหนึ่งในนั้น ที่ทุกคนอาจจะรู้สึกว่าเรามีผลงานให้กับน้อง เราพยายามผลักดันน้อง แต่ว่าทุกคนเราทำเหมือนกันหมดเลย ถามว่าเสียดายไหม จริงๆ ไม่ได้รู้สึกเสียดายขนาดนั้นค่ะ เพราะว่าสุดท้ายแล้ว มันก็คือเหมือนเราเป็นพี่น้องกัน ตอนคุยกันแพรวายังบอกเลยงั้นหนูไปเอาต์ติ้งด้วยนะ คือเราก็เฮ้ย...ได้เลย แล้วก็นัดทานข้าวกัน เวลามีอะไรแม่ก็โทร.มาปรึกษาตลอดค่ะ”
ยอมรับมีความเป็นห่วงที่ต้องออกไปรับงานเอง
“แต่ถามว่าเป็นห่วงไหมที่น้องต้องออกไปดูแลตัวเอง ถ้าพูดกันตรงๆ ก็คือเป็นห่วงแหละ ก็มีการพูดกับเขา ถ้าสมมติหนูออกไปดูแลตัวเอง ต้องทำยังไงบ้าง เราห่วงเขายังไง เขาควรพัฒนาตัวเองอย่างเต็มที่เหมือนเดิมนะ อันนี้คือส่วนที่เราก็มีการคุยกัน ระยะเวลาที่น้องอยู่กับเรามา น้องน่ารัก แล้วเขาก็เต็มที่กับการทำงานมากๆ เวลาเราตักเตือนหรือว่าแนะนำอะไร น้องก็พยายามเรียนรู้ แล้วก็ปรับตัว เขาจะเต็มที่กับทุกๆ อย่างที่เขาได้รับโอกาส สมมติถ้าเขาไม่ไหว จะกลับมาขอโอกาสกับเราเหรอ ตอนนั้นคงต้องกลับมาคุยกันเหมือนเดิมค่ะ ว่าเป็นยังไงบ้าง ออกไปแล้วเจอปัญหาอะไรไหม หรือว่าให้พี่ช่วยอะไรหรือเปล่า ก็คุยได้
โปรเจกต์เพลงที่ปล่อยออกมา 2 เพลงของแพรวา จะมีตัวที่เป็นฟีเจอริ่งกับศิลปินนอกค่ายท่านหนึ่ง เดี๋ยวกำลังจะปล่อยค่ะ ซึ่งอันนี้ก็คือเป็นอันที่เหมือนเราติดต่อกันไว้ แล้วก็ดูแลน้องจนจบ บวกกับงานอื่นๆ ที่เป็นลูกค้า เป็นพรีเซ็นเตอร์ที่เราดูแลอยู่ ก็จะดูแลน้องจนจบเหมือนเดิม โปรเจกต์ที่ยังเหลือของน้อง ตอนนี้ก็มีภาพยนตร์ W ที่เราเพิ่งแถลงข่าวไป กำลังเตรียมตัวเรื่องของการเขียนบทอยู่ แล้วก็เดี๋ยวจะมีการถ่ายทำ คิดว่าน่าจะภายในปีนี้ มีอะไรที่เขาอยากทำนอกจากที่อยู่กับเราไหมเหรอ จริงๆ ไม่ได้คุยลงดีเทลกันขนาดนั้นค่ะ มันเป็นภาพรวมมากกว่า แต่แยกย้ายกันด้วยดีทุกคนนะคะ (หัวเราะ)”